ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
28 มีนาคม 2559 เวลา 09:45 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/thailand/423779

ภาพ…ตุลย์ จตุรภัทร ประกฤษณ์ จันทะวงษ์ ทวีชัย ธวัชปกรณ์
เวลาไหนที่เด็กๆ รอคอยมากที่สุด?
แน่นอนว่าร้อยทั้งร้อยก็ต้องตอบว่าเป็นช่วงเวลาของการปิดเทอมใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กหรือเด็กโต ก็อยากให้ถึงช่วงเวลานี้เร็วๆ ในฐานะพ่อแม่หรือผู้ปกครอง คงต้องทำการบ้านหนัก ว่าเมื่อถึงคราวที่ปิดเทอมใหญ่ได้มาเยือน เราจะพาลูกๆ หลานๆ ของเราไปเที่ยวหรือไปเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ชีวิตกันที่ไหนดี
งานนี้…โพสต์ทูเดย์…จัดให้
บุกโลกไดโนเสาร์ที่ Dinosaur Planet
เริ่มต้นที่ Dinosaur Planet สวนสนุกแห่งใหม่ใจกลางกรุง ตั้งอยู่ในหนึ่งในโครงการของ ดิ เอ็มดิสทริค (อยู่ติดกับสวนเบญจสิริ ถนนสุขุมวิท นั่งรถไฟฟ้าบีทีเอส ลงสถานีพร้อมพงษ์ ทางออก 6) ที่เพิ่งเปิดตัวไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา ในฐานะที่ผมได้ไปเที่ยวเล่นมาแล้ว บอกเลยว่าที่นี่เป็นได้มากกว่าความบันเทิงอย่างแท้จริง

ที่นี่เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. ถามว่าบัตรผ่านประตูแพงไหม ก็อยู่ในระดับที่พอรับได้ โดยราคาบัตรของผู้ใหญ่อยู่ที่ 600 บาท สำหรับเด็กที่มีความสูงอยู่ที่ 90-140 เซนติเมตร ราคาอยู่ที่ 400 บาท ส่วนเด็กที่มีความสูงต่ำกว่า 90 เซนติเมตร เข้าสวนสนุกได้ฟรี (เย้)
เมื่อเข้าไปในสวนสนุกแล้ว สิ่งแรกที่เด็กๆ จะได้สัมผัส คือการได้เห็นไดโนเสาร์ยักษ์สองตัว ยืนคอยต้อนรับเราอยู่เป็นไดโนเสาร์ยักษ์ที่สามารถเคลื่อนหัวเคลื่อนหางได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ โดยฉากหลังเป็นชิงช้ายักษ์และภูเขาไฟ เด็กๆ เห็นแล้วต้องร้องว้าวเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งอย่างแน่นอน

ที่แรกต้องเช็กอินต้องนี่เลย โซน Dinosaur District ที่ที่จะทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับโลกของไดโนเสาร์ ผ่านเทคโนโลยีมัลติมีเดียน่าตื่นตาตื่นใจ อีกทั้งยังได้สัมผัสกับการหลุดไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง ซึ่งต้องมาเองถึงจะรู้ว่าคืออะไร จากนั้นเด็กๆ จะได้ไปดูห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งทดลองเกี่ยวกับการฟักไข่ไดโนเสาร์ ได้ไปชมโครงกระดูกไดโนเสาร์มากมายหลายสายพันธุ์ บอกเลยว่าแหล่งความรู้ก็อยู่ในโซนนี้นี่แหละ
ยังไม่หมดแค่นี้ โซนที่จะทำให้เด็กๆ ต้องร้องว้าว ว้าว ว้าว มันคือโซน Stars of Dino ที่ที่รวมไดโนเสาร์มากมายหลายสายพันธุ์อยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพรในบรรยากาศ 3 ยุค (Triassic, Jurassic และ Cretaceous) บอกเลยว่าไดโนเสาร์ของที่นี่จำลองเหมือนจริงมาก เคลื่อนไหวได้ อ้าปากได้ สายหัวสายหางได้ มีเสียงคำรามได้อีกด้วย เด็กๆ สามารถสัมผัสเนื้อตัวของไดโนเสาร์ได้ ถ่ายรูปเล่นได้ เพลิดเพลินในโซนนี้ได้ไม่รู้เบื่อจริงๆ

ที่เหลือนอกจากนี้ก็มีความบันเทิงแตกต่างกันไป อยากพาเด็กๆ ขึ้น Dino Eye ซึ่งเป็นคริสตัล แคปซูล ลอยฟ้าบนชิงช้ายักษ์ความสูง 50 เมตร เพื่อชื่นชมบรรยากาศรอบๆ เมือง ก็เสียเงินคนละ 200 บาท (บอกเลยว่า ถึงจะเสียเงิน แต่ไม่ได้แค่ขึ้นชิงช้ายักษ์ เด็กๆ ยังจะได้หลุดไปในอยู่โลกใต้น้ำกับโลกน้ำแข็งอีกด้วย) หรือจะพาเด็กๆ ที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไป เข้าร่วมปฏิบัติการเสี่ยงตาย เผชิญหน้ากับเจ้าไดโนเสาร์แร็ปเตอร์ในโซน Raptor X-Treme ก็มันไปอีกแบบ (เด็กๆ ผู้ชายต้องชอบโซนนี้ เพราะมันสนุก ตื่นเต้น เร้าใจมาก)
โซนที่เด็กเล็กต้องชอบ ต้องเป็น Dino Farm ที่ที่จะทำให้เด็กเล็กกลายเป็นนักสำรวจขุดหาซากไดโนเสาร์ แถมยังจะได้ขึ้นบนหลังของไดโนเสาร์เดินเที่ยวเล่นรอบๆ ฟาร์มอีกด้วย (ก็สนุกไปอีกแบบ) หากใครอยากให้ลูกหลานได้ขึ้นบนหลังไดโนเสาร์ก็เสียเงินคนละ 100 บาทเท่านั้น นอกนั้นก็มีโซนขายของที่ระลึกและมีโซนอาหารเครื่องดื่มไว้บริการอีกด้วย เอาเป็นว่า โดยรวมของสวนสนุกแห่งนี้ตื่นตาตื่นใจไม่เบา พาเด็กๆ มาเที่ยวเล่นได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ สำหรับผู้ใหญ่บอกเลยว่ามันเป็นโลกของเด็กที่ทำให้ผู้ใหญ่อย่างเราๆ รู้สึกย้อนวัยได้ดีอีกด้วยนะ อยากมาก็ต้องมา

ร้อนนี้เล่นน้ำที่ Pororo Aquapark
ร้อนๆ อย่างนี้ สวนน้ำลอยฟ้าถือเป็นหนึ่งในลิสต์ที่ต้องห้ามพลาด
ผมมีโอกาสได้ไป Pororo Aquapark สวนน้ำลอยฟ้า ที่ตั้งอยู่ชั้น 6 เซ็นทรัล บางนา โดยเป็นสวนน้ำที่ตกแต่งด้วยธีมจากการ์ตูนซีรี่ส์อันดับ 1 จากเกาหลีที่เด็กๆ รู้จักกันดีนั่นคือ โพโรโระ เพนกวินป่วน ก๊วนขั้วโลก ซึ่งเมื่อเราพาเด็กๆ เข้าไปในสวนน้ำแห่งนี้ ด้วยสีสันลูกกวาดที่ละลานตาเต็มไปหมด ทำให้เด็กๆ รู้สึกเหมือนได้หลุดไปอยู่ในโลกแห่งสีสัน (ผู้ใหญ่อย่างผมก็รู้สึกอย่างนั้น) และโลกแห่งตัวการ์ตูนที่เด็กๆ ชื่นชอบ

ที่นี่มีตัวการ์ตูนจากในเรื่องโพโรโระตั้งอยู่มากมายเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นโพโรโระ เพนกวินตัวจิ๋ว ที่อยากเป็นนักบินคร็องก์ ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ชอบเลียนแบบโพบี้ หมีขั้วโลกใจดี เอ็ดดี้ ลูกหมานักประดิษฐ์ ลูปี้ บีเวอร์ชอบทำอาหาร แพตตี้ เพนกวินชอบเล่นกีฬา เฮนรี่ ฮัมมิ่งเบิร์ดผู้รักการร้องเพลงทอง ทอง มังกรนักมายากล โรดี้ หุ่นยนต์ผู้ช่วย และโปโป เพื่อนต่างดาว
เมื่อมาสวนน้ำก็ต้องเล่นน้ำ บอกเลยว่าที่นี่มีสวนน้ำหลากรูปแบบให้เด็กๆ ได้เลือกเล่นกัน ทั้งเด็กเล็ก เด็กโต (และผู้ใหญ่หัวใจเด็กอย่างเราๆ) เด็กเล็กก็ไปเล่นที่สระน้ำปลาวาฬ ที่มีปลาวาฬยักษ์ตั้งอยู่ หรือจะเล่นที่สระน้ำวน ที่ที่ให้เด็กๆ ลอยตัวบนห่วงยางไหลไปแบบชิลๆ ยาวๆ นานๆ ถึง 400 เมตร หรือเด็กโต รวมทั้งผู้ใหญ่อย่างเราๆ จะไปเล่นสระน้ำลึก 160 เมตรก็ได้ หรือจะไปปีนป่ายเชือกบนสระน้ำสุดมันก็สนุกอย่าบอกใคร หรือจะไปผ่อนคลายที่สระน้ำจากุชชี่ก็ทำได้หมด

ไฮไลต์สำคัญของสวนน้ำแห่งนี้ อยู่ที่ 4 สไลเดอร์ที่เมื่อขึ้นไปบนยอดตึกของสไลเดอร์ จะเห็นวิวย่านบางนาแบบพาราโนมา ว่ากันว่าสไลเดอร์แห่งนี้อิมพอร์ตมาจากแคนาดา คดเคี้ยวด้วยความยาว 158 เมตร มีทั้งเล่นสไลเดอร์ด้วยห่วงยาง และโรยตัวเราไหลลื่นไปกับสไลเดอร์นั่นเอง (ผู้เล่นต้องทำตามกฎกติกาอย่างเคร่งครัด เชื่อฟังเจ้าหน้าที่และจะมีเจ้าหน้าที่คอยรับอยู่ด้านล่าง) เอาเป็นว่าสไลเดอร์แห่งนี้สนุกและมันอย่าบอกใคร
ที่นี่เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.30-19.00 น. (วันหยุดนักขัตฤกษ์และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-19.00 น.) บัตรผ่านประตูผู้ใหญ่ 400 บาท ผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป และเด็กที่มีความสูง 90-120 เซนติเมตร) 280 บาท เด็กสูงต่ำกว่า 90 เซนติเมตร เข้าฟรี (เย้) มีบริการรับส่งที่รถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีอุดมสุขฟรีอีกด้วยนะ (เย้ เย้ เย้) อ้อ เมื่อเข้ามาในสวนน้ำ ทุกคนต้องติดสายรัดข้อมือเพื่อเติมเงินในการเช่าอุปกรณ์ เช่าชุด หรือซื้ออาหารเครื่องดื่ม ทำให้เราไม่ต้องพกเงิน เงินเปียก หรือหล่นหายอีกด้วย

ท้องฟ้าจำลอง (อีกครั้ง) แบบดิจิทัล 4K
52 ปีแล้ว ที่อาคารท้องฟ้าจำลอง ณ ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพฯ (อยู่ใกล้รถไฟฟ้าสถานีบีทีเอส) ได้เปิดทำการแสดงความมหัศจรรย์ของท้องฟ้า ดาราศาสตร์ และระบบสุริยจักรวาล ให้แก่เด็กๆ มาหลายยุคหลายสมัย โดยใช้เครื่องฉายดาวระบบกลไกมอเตอร์และเลนส์ รุ่นมาร์ค โฟร์
มาวันนี้ เด็กๆ ในยุคสมัยนี้ (รวมทั้งผู้ใหญ่อย่างเราๆ ด้วย) จะได้ตื่นตาตื่นใจอีกครั้งกับการปรับปรุงอุปกรณ์การฉายดาวให้มีความทันสมัยขึ้น โดยได้นำระบบดิจิทัลที่ทันสมัยที่สุดมาใช้ร่วมกันกับเครื่องฉายดาว โดยเครื่องฉายดาวแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนของการฉายภาพใช้เครื่องฉายภาพ คริสตี้ ที่ออกแบบให้มีความสว่างสูง อายุการใช้งานยาวนาน เหมาะกับใช้งานในโรงละคร และท้องฟ้าจำลองขนาดใหญ่ และเลนส์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อให้ฉายภาพได้กว้างกว่าโปรเจกเตอร์ทั่วไป

ในส่วนของการควบคุม มีการใช้ซอฟต์แวร์ที่มีการพัฒนามาถึงรุ่นที่ 5 ชื่อว่า Digistar5 ซึ่งมีความสามารถในการฉายทั้งดวงดาวและภาพยนตร์ได้ โดยมีความคมชัดสูงถึง 4K นอกจากนี้การตกแต่งภายในในห้องฉายดาวยังเพิ่มแสงไฟที่ขอบโดมสามารถเปลี่ยนสีได้ถึง 12 สีอีกด้วย (มีการปรับปรุงที่นั่งใหม่ นั่งสบาย เอนกายได้เต็มที่ และลดจำนวนที่นั่งลงเพื่อความไม่แออัดอีกด้วย)
หลังจากที่ผมได้ไปเป็นหนึ่งในผู้เข้าชม บอกเลยว่า ท้องฟ้าจำลอง ณ วันนี้ น่าไปดูไปชมเป็นที่สุด เพราะนอกจากเราจะได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของท้องฟ้า ดาราศาสตร์ และระบบสุริยะจักรวาล เหมือนเช่นเคย เรายังได้ตื่นตาตื่นใจไปกับดาวดวงต่างๆ ที่เครื่องฉายดาวได้นำเสนอแบบที่คนดูต้องร้องวู้กันอยู่เป็นระยะๆ (โดยเฉพาะเด็กๆ) และที่สำคัญที่สุด เรายังจะได้ชมภาพยนตร์ในระบบดิจิทัล (พากย์ไทย) เรื่อง Violent Universe จักรวาลอันเกรี้ยวกราดอีกด้วย (ภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าด้วยเรื่องราวของรังสีอันตราย ความตายของดวงดาว หลุมดำที่น่ากลัว และการเอาตัวรอดจากอุกกาบาต)

ท้องฟ้าจำลองเปิดบริการทุกวันอังคาร-อาทิตย์ หยุดทุกวันจันทร์และนักขัตฤกษ์ โดยมีรอบการแสดง 4 รอบต่อวัน วันอังคารถึงศุกร์มีรอบเวลา 10.00 น. (รอบจองหมู่คณะ) เวลา 11.00 น. 13.00 น. (รอบจองหมู่คณะ) และเวลา 14.00 น. ส่วนวันเสาร์และอาทิตย์ มีรอบเวลา 11.00 น. 13.00 น. 14.00 น. และ 15.00 น. ในส่วนของราคาบัตรเข้าชมเด็ก 20 บาท ผู้ใหญ่ 30 บาท ไม่แพงอย่างที่คิด
สวนสัตว์ดุสิตวันนี้ที่ไม่เหมือนวันนั้น
อีกหนึ่งสถานที่ที่เด็กๆ หลายยุคหลายหลายสมัยต้องไม่พลาดนั่นคือ สวนสัตว์ดุสิต หรือที่เรียกกันว่า เขาดินวนา ซึ่งเปิดดำเนินการมายาวนานกว่า 78 ปี นับได้ว่าสวนสัตว์แห่งนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างยาวนาน และในวันนี้ เราต้องไป ณ สถานที่แห่งนี้อีกครั้ง เพราะบอกเลยได้เลยว่า ภาพเดิมๆ ของสวนสัตว์ดุสิตที่คุณเคยเห็น เคยผ่านตา ถูกลบล้างให้เป็นภาพใหม่ ที่สดใส ไฉไล เก๋ไก๋ สะอาด จัดโซนและจัดวางอย่างเป็นระเบียบ รวมทั้งน่าเที่ยวชมเป็นวันๆ ได้ไม่รู้เบื่อ

ที่นี่มีประตูทางเข้าอยู่ 4 ทาง ทั้งจากถนนพระราม 5 ถนนราชวิถี และถนนอู่ทองใน (มีสองประตู) เมื่อเข้ามาแล้วสามารถเที่ยวชมได้ในโซนต่างๆ ทั้งในส่วนของพิพิธภัณฑ์สัตว์ ส่วนจัดแสดงไก่ฟ้าและนกยูง ส่วนจัดแสดงสัตว์หากินกลางคืน ส่วนจัดแสดงลิงชนิดต่างๆ ส่วนจัดแสดงเสือขาว ส่วนจัดแสดงสัตว์เลื้อยคลาน ส่วนจัดแสดงเก้งเผือก ส่วนจัดแสดงนกเพนกวิน ส่วนจัดแสดงโคอาลา ส่วนจัดแสดงนกน้ำ ฯลฯ
นอกจากนี้ เกาะกลางน้ำ ยังเป็นเกาะนก ที่เราสามารถเข้าไปชมนกหลากชนิดได้อย่างเพลิดเพลินใจ และบริเวณรอบๆ กำแพงระหว่างถนนพระราม 5 ไปยังถนนราชวิถียังมีสิงสาราสัตว์นานาชนิด ทั้งหมี ยีราฟ งู เสือ ฯลฯ ให้เราได้ลัดเลาะชมอีกด้วย

ในส่วนของการแสดงต้องห้ามพลาดสองการแสดงที่ถือเป็นไฮไลต์สำคัญนั่นก็คือ การแสดงแมวน้ำ Seal Show ที่คนดูในแต่ละรอบแน่นเนือง เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี ก็มันน่ารักอะ โดยเปิดการแสดงรอบแรกในเวลา 10.30 น. และ Acrobatic Kenya Show การแสดงกายกรรมจากประเทศเคนยา ที่เปิดการแสดงรอบแรกตั้งแต่เวลา 11.30 น. นั่นเอง
ที่นี่เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. บัตรผ่านประตู คนไทย ผู้ใหญ่ 100 ปวส.-มหาวิทยาลัย 50 บาท เด็กเล็ก-ปวส. 20 บาท ครู ทหาร และตำรวจ (ในเครื่องแบบ) 50 บาท ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) คนพิการ พระภิกษุ และสามเณร ชมฟรี ในส่วนของต่างชาติ ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 70 บาทเท่านั้น