ปกาเกอะญอ ที่รัก ณ บ้านเมืองแพม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

14 พฤษภาคม 2559 เวลา 10:49 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/thailand/431916

ปกาเกอะญอ ที่รัก ณ บ้านเมืองแพม

โดย…กาญจน์ อายุ

หลายปีก่อนใครไป “แม่ฮ่องสอน” ถือว่าเป็นผู้พิชิต อันเป็นกุศโลบายพลิกความหมายของความยากลำบากจาก 1,864 โค้ง ให้เป็นความท้าทายสำหรับนักเดินทาง “ตัวจริง” ที่ไม่ใช่แค่แวะชมแล้วกลับ แต่ไปเพื่อเรียนรู้และเข้าถึงอะไรบางอย่างที่แม่ฮ่องสอนปกป้องไว้

หนึ่งในนั้นคือ บ้านเมืองแพม หมู่บ้านชาติพันธุ์กะเหรี่ยง หรือปกาเกอะญอกลางหุบเขาใน อ.ปางมะผ้า ใช้เวลาเดินทางผ่านเส้นทางภูเขาประมาณ 5 ชม. แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่จะไม่ไป เพราะค่าที่อยู่ห่างไกลทำให้บ้านเมืองแพมยังดิบ เกือบจะไม่ถูกปรุงแต่งตามยุคสมัย และอบอวลไปด้วยจิตวิญญาณที่มนุษย์เมืองขาดหายไปจนเกือบลืมว่าเคยมี

ทอผ้าแบบไม่ใช้กี่

 

บ้านเมืองแพมอยู่สันโดษกลางธรรมชาติ แต่ไม่ตัดขาดจากโลกภายนอกเสียทีเดียว เพราะมีถนนอย่างดีตัดผ่านและมีสัญญาณโทรศัพท์บ้างตามกระแสลม พาตี่ (ลุง) รังสี คีรีประสบทอง ประธานกลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชน ให้ข้อมูลว่าปัจจุบันบ้านเมืองแพมมี 123 หลัง ประชากรจำนวน 618 คน นับถือศาสนาพุทธ บูชาผี และคริสต์ ชาวบ้านอพยพมาจากบ้านแม่ยาน อ.ปาย และห้วยปูลิง อ.เมือง เมื่อปี 2500 จากนั้นได้รับรองเป็นหมู่บ้านเมื่อปี 2504 และตั้งกลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชนในปี 2555 ปัจจุบันมีโฮมสเตย์ที่พร้อมรับนักท่องเที่ยว 17 หลัง สลับเปิดบ้านไปตามคิวและความพร้อม ซึ่งนักท่องเที่ยวไม่สามารถเลือกบ้านได้

โฮมสเตย์ คือ การนอนบ้านหลังเดียวกับชาวบ้าน กินกับข้าวสำรับเดียวกัน และใช้ชีวิตเยี่ยงคนท้องถิ่น อย่างบ้านพาตี่สง่า เป็นบ้านไม้สองชั้น เจ้าของบ้านนอนชั้นล่าง ส่วนแขกของบ้านนอนชั้นบน แต่ละมื้อพาตี่สง่ากับลูกเขยจะเป็นคนทำอาหาร เย็นวันนั้นมียอดมะขามคลุกปลากระป๋อง แกงฟักทอง ผัดผักกูด และมิซาโตะ (น้ำพริก) กินแกล้มมะละกอต้ม ซึ่งวัตถุดิบเกือบทุกอย่างเก็บมาจากรั้วบ้าน หรือขอจากแปลงผักข้างบ้านมาทำ

บ้านหมอยาสมุนไพรเส่วา

 

การทำเกษตรกรรมของชาวเมืองแพมยังผลิตแบบยังชีพเพื่อกินในครอบครัว ทุกบ้านจะมีผืนนา เมื่อถึงปลายเดือน มิ.ย. ทุกบ้านจะมาลงแขก ซึ่งเป็นการทำนาครั้งเดียวเพื่อเลี้ยงครอบครัวทั้งปี ดังนั้นจึงไม่แปลกว่าทำไมพาตี่รังสีถึงไม่กล่าวถึงอาชีพเลยสักนิด เพราะทุกคนเป็นเกษตรกรที่ทำเพื่อเลี้ยงครอบครัว จะมีขายเพื่อหารายได้บ้างก็เมื่อต้องการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือของใช้ภายในบ้าน ไม่เช่นนั้นแล้วเงินแทบไม่มีความหมาย เพราะของกินมีอยู่รอบตัว แค่เข้าครัวจุดไฟก็ท้องอิ่มมีแรง ทำให้วิถีชีวิตของบ้านเมืองแพมช่างเรียบง่ายไปเสียทุกอย่าง ตั้งแต่อาหารที่กินเท่าที่มี เสื้อผ้าที่ใส่เท่าที่ทำ โทรศัพท์มือถือก็ใช้เท่าที่มีสัญญาณ ซึ่งการท่องเที่ยวโดยชุมชนได้จัดเป็นเส้นทางอาหารการกินและศิลปวัฒนธรรมสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ละฐานเป็นบ้านจริง ทำจริง วิถีจริง และให้สัมผัสชีวิตจริง

ผ้าทอกะเหรี่ยง

ผ้าทอกะเหรี่ยงเป็นผ้าที่มีคุณค่ามาก เพราะทุกกระบวนการทำจากสองมือ ตั้งแต่ปั่นฝ้าย ย้อมสี ทอ ปัก เย็บ จนกลายเป็นเสื้อผ้าหนึ่งชุด ผู้หญิงทุกคนในหมู่บ้านจะทอผ้าเป็นตั้งแต่เด็กสืบทอดวิชามาจากแม่ของตน ซึ่งวิธีการทอจะไม่ใช้กี่ แต่จะยึดผ้าไว้กับเสาแล้วใช้ตัวดึงผ้าให้ตึง เวลาเดินผ่านแต่ละบ้านช่วงกลางวันจะได้ยินเสียงไม้กระทบกันป๊อกแป๊ก อันเป็นกิจวัตรประจำวันของแม่บ้านที่มานั่งทอผ้าอยู่ใต้ถุน นอกจากนี้เสื้อผ้ายังบอกสถานะคนใส่ ถ้าหญิงคนนั้นใส่ชุดสีขาวนั่นคือสาวพรหมจรรย์ แต่หากใส่ดำหมายถึงแต่งงานแล้ว

ก่อเตาย้อมผ้าสีธรรมชาติ

 

หมอยาสมุนไพร

บ้านเมืองแพมไม่มีโรงพยาบาลดังนั้นชาวบ้านจึงต้องพึ่งหมอยาสมุนไพรที่มีความรู้เรื่องยาธรรมชาติอย่างถ่องแท้ ทั้งแก้ปวด แก้เมื่อย แก้ไข้ และอีกสารพัดโรคภัยก็สามารถหายเป็นปลิดทิ้งด้วยสมุนไพรไทยจากป่าลึก

จักสานและช่างไม้

พาตี่บ้านจักสานบอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่เข้าป่าไปตัดไม้ไผ่ ลากออกมา เหลาไม้ให้เป็นเส้นสาย แล้วพันร้อยสานกันเป็นตะกร้า กระด้ง กระจาด เช่นเดียวกับบ้านช่างไม้ที่นำไม้ไผ่ทั้งปล้องมาตัดและฉลุลายกลายเป็นแก้วน้ำ รวมถึงถ้วยกาแฟ ช้อน ส้อม ทัพพี สาก ครก ที่ทำจากไม้ทั้งท่อนนำมาตัดทีละน้อย คว้านเนื้อด้านในออก และขัดผิวให้เรียบสวยที่ล้วนแล้วแต่แฮนด์เมดทั้งสิ้น

บ้านแกะสลัก ทำแก้วน้ำไม้ไผ่และเครื่องใช้จากไม้

 

เดินป่า

กิจกรรมวันเดย์ทริปที่ทำให้เห็นบ้านเมืองแพมโดยรวมในเวลาจำกัด บนเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติระยะทางประมาณ 4 กม. โดยเริ่มต้นเดินตั้งแต่โรงเรียนบ้านเมืองแพม ตัดผ่านหมู่บ้าน ผ่านวัด และทะลุออกไปยังทุ่งนา จากนั้นเข้าสู่เขตป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ ผ่านโป่งตามธรรมชาติ ผ่านต้นมะไฟป่า เพื่อจุดหมายปลายทางที่ถ้ำยาว เป็นถ้ำขนาดยาว 500 เมตร ภายในไม่มีแสงสว่าง มีหินงอกหินย้อยเกิดใหม่จำนวนมาก โอ่โถงเดินสบาย และน่าตื่นใจว่าจะค้นพบอะไรในความมืด จากนั้นไปสิ้นสุดการเดินที่วังปลา แวะพักรับประทานอาหารกลางวันฝีมือพาตี่สง่าที่การันตีได้ว่าอร่อยจนไม่อยากอิ่ม

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประทับใจที่สุดไม่ใช่กิจกรรมที่ทำให้ตื่นเต้น แต่เป็น “ชาวบ้าน” ที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข แม้ว่าบางคนจะพูดภาษาไทยไม่ได้ แต่ภาษากะเหรี่ยงที่ได้ยินกลับชัดเจนไปด้วยความจริงใจ แม้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่กลับต้อนรับด้วยอาหารสำรับใหญ่ และไม่ว่าจะเดินไปบ้านไหน ก็ได้รับน้ำใจและไมตรีเหลือเกิน

บ้านเมืองแพมคือสิ่งยืนยันว่าแม่ฮ่องสอนเป็นปลายทางของนักเดินทางตัวจริงที่ไม่ใช่แค่แวะชมแล้วกลับ แต่ไปเพื่อเรียนรู้และเข้าถึงอะไรบางอย่างที่แอบซ่อนไว้ และอีกหนึ่งในนั้นคือ บ้านเมืองปอน อ.ขุนยวม ที่เก็บไว้นำเสนอในวันเสาร์ถัดไป โปรดตามไปทำความรู้จักกับหมู่บ้านชาวไตที่น่ารักไม่แพ้กัน

เหลาไม้ไผ่สานตะกร้า

 

ทอผ้าใต้ถุน

 

เดินผ่านทุ่งนาไปเข้าป่า

 

คอกวัวท้ายหมู่บ้าน

 

บรรยากาศในบ้านเมืองแพม

 

เป่ายางต้นสบู่ดำ

 

อาหารเย็นฝีมือเจ้าของบ้านโฮมสเตย์

 

Leave a comment