ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
15 พฤษภาคม 2559 เวลา 08:58 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/thailand/432030

โดย…โยโมทาโร่
ผ่านไปแยกรัชโยธินเห็นตึกธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ก็หลายปี แต่เพิ่งจะมีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย ที่ได้รับเสียงชื่นชมจากหลายคนว่าเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องการเงินได้ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย นั่นเพราะด้วยความทันสมัยในการทำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการนำเสนอเรื่องราวในแต่ละส่วนของพิพิธภัณฑ์ ประกอบกับขั้นตอนการเล่าเรื่องราวของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็จัดว่าเยี่ยมยอด และเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่เคยอยู่ในตำราเรียนประวัติศาสตร์เล่มใดๆ ที่เราเคยเรียนมา
ความรู้สึกทั้งหมดเหล่านี้เริ่มต้นเมื่อเวลาราวบ่ายโมง เมื่อเราก้าวเข้าสู่ตัวพิพิธภัณฑ์นั้นดูดีกว่าที่เราคิดไว้มากนัก เพราะตัวพิพิธภัณฑ์นี้เปิดให้ใช้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 และเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ของธนาคารไทยพาณิชย์ จึงได้ดำเนินการปรับปรุงครั้งล่าสุดไปเมื่อปี พ.ศ. 2550 จนเวลาผ่านมา 9 ปี สภาพก็ยังดูใหม่ทันสมัยสมกับเป็นพิพิธภัณฑ์ ภายใต้การดูแลของธนาคารแห่งแรกของประเทศไทยแห่งนี้

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีแบ่งออกเป็น 2 ชั้น ชั้นแรกเป็นส่วนของการจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน ซึ่งวันที่เราได้เข้าไปเยี่ยมชมนั้นเป็นส่วนการจัดแสดงนิทรรศการ “อย่าให้ใครว่าไทยไม่ออม” ซึ่งยังคงจัดแสดงถึงวันที่ 27 พ.ค. 2559 ในนิทรรศการนี้ก็จัดได้อย่างน่ารักน่าดู สามารถสื่อสารเรื่องการเงินที่ดูเป็นเรื่องยากและน่าเบื่อออกมาเข้าใจง่ายทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จนเราเชื่อว่าเราก็สามารถเก็บเงินบริหารเงินให้กลายเป็นคนรวยกับเขาได้เหมือนกัน แถมยังมีเกมร่วมสนุกแลกกระปุกออมสิน หนังสือคู่มือการเก็บเงิน และของขวัญอื่นอีกเล็กๆ น้อยๆ ให้กับผู้เข้าชมอีกด้วย
ชั้นที่ 2 จะเป็นส่วนการจัดแสดงหลัก ซึ่งเราแนะนำว่าให้ลืมภาพพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เดิมที่เคยชม เพื่อเปิดหูเปิดตารับรู้สิ่งที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้พยายามเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์การเงินโลก ตั้งแต่ยุคสมัยที่ยังมีการแลกเปลี่ยนข้าวของเครื่องใช้เครื่องประดับ เพื่อแทนค่าของเงินก่อนที่จะมีรูปของเงินในแบบต่างๆ เพื่อแทนค่าของสิ่งของนั้นๆ อย่างเช่น เงินที่ใหญ่และหนักที่สุดอย่างเงินเฟ ของชาวแย็ป ของหมู่เกาะทะเลใต้ ที่ทำจากหินขนาดเท่าวงล้อรถบรรทุก การใช้ค่าเงินนี้จะใช้ในกรณีหากคนของ 2 หมู่บ้านวิวาทกันแล้วถูกตัดสินว่าหมู่บ้านใดผิด คนในหมู่บ้านนั้นจะต้องกลิ้งเงินนี้ไปให้อีกหมู่บ้านหนึ่งเพื่อชดใช้ค่าเสียหาย หรือเงินเข็มขัดของชาวอินเดียนแดงในทวีปอเมริกาเหนือ ทำจากเปลือกหอยสีม่วงและขาวและกำกับสัญลักษณ์ของแต่ละหมู่บ้านเอาไว้

หรือเหรียญกรีกที่มีการใช้เหรียญแทนค่าเงินมาตั้งแต่ 300 ปีก่อนคริสตกาล ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราเข้าใจประวัติศาสตร์มนุษยชาติผ่านรูปแบบเงินตราได้อย่างน่าสนใจ เราเดินกดฟังคำบรรยายไปทีละส่วนของตู้จัดแสดง จนกระทั่งเรื่องราวของเงินเดินทางมาถึงดินแดนสุวรรณภูมิ ให้เราได้รู้จักเงินโบราณตั้งแต่ยุคแห่งการไหลบ่าของวัฒนธรรมอินเดีย ที่เข้ามาผ่านเส้นทางการเดินเรือจากอินเดียและอาหรับผ่านมหาสมุทรอินเดีย มาถึงบริเวณอ่าวเมืองตะโกลา หรือตะกั่วป่า
จากนั้นขนสินค้า เดินข้ามมาจนถึงต้นแม่น้ำและล่องเรือมาออกที่ปากอ่าวบ้านดอน อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ปัจจุบัน จากนั้นจึงแล่นเรือต่อไปยังอาณาจักรโบราณต่างๆ เช่น ฟูนัน หรือ พนม เจนละ ทวารวดี ขอม จาม และจีน ทำให้วัฒนธรรมอินเดีย ทั้งภาษา ศาสนา กฎหมาย การปกครอง ดนตรี และเรื่องของค่าเงินเข้ามามีอิทธิพลในแถบสุวรรณภูมิแห่งนี้

ใครเล่าจะรู้ว่าเงินในสมัยอาณาจักรโบราณเหล่านี้ ล้วนใช้สัญลักษณ์ทางศาสนาและความเชื่อในแต่ละดินแดนเป็นตราประทับบนเหรียญนั้นๆ จากที่เรารู้จักแต่เงินพดด้วง ซึ่งเป็นค่าเงินโบราณของไทยเราก็เริ่มรู้จักเงินตราพนม (อาณาจักรฟูนัน) เงินตราทวารวดี เงินตราล้านนาและล้านช้าง ที่หาดูได้ยาก รวมทั้งประวัติการแลกเปลี่ยนเงินตราที่ใช้เหรียญเงินและเหรียญทองเป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนอันเป็นที่ยอมรับในระดับสากลแห่งยุคสมัย
จากส่วนการจัดแสดงวิวัฒนาการเงินตราก็เข้ามาอยู่ในส่วนของวิวัฒนาการธนาคาร แสดงการกำเนิดและวิวัฒนาการของระบบธนาคาร ซึ่งในส่วนนี้จะนำเสนอผ่านรูปแบบสื่อวีดิทัศน์ที่มีลูกเล่นน่าสนใจและชวนติดตาม ตั้งแต่การเดินเรือไปตามเส้นทางค้าขายทั่วโลกจนเกิดความสำคัญในการมีธนาคาร จนมาถึงส่วนการเล่าถึงพระประวัติกรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย พระบิดาแห่งการธนาคารไทย พระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 77 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงรับราชการในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงวัง และกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2449 ทรงก่อตั้งธนาคารแห่งแรกที่ดำเนินการโดยคนไทย ใช้ชื่อว่า บุคคลัภย์ (Book Club) ต่อมาได้รับพระบรมราชานุญาตให้จดทะเบียนตั้งเป็นธนาคารได้ถูกต้องตามกฎหมาย ใช้ชื่อว่า บริษัทแบงก์สยามกัมมาจล ทุนจำกัด ซึ่งปัจจุบันคือ ธนาคารไทยพาณิชย์ พระองค์จึงทรงได้รับการยกย่องเป็นพระบิดาแห่งวงการธนาคารไทย

ซึ่งส่วนที่จัดแสดง เรื่องราวของบุคคลัภย์เป็นส่วนที่เราชอบที่สุดในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เพราะมีการนำการแสดงภาพแบบ 3 มิติ เหมือนมีคนเล่าเรื่องราวอยู่ในฉากจำลองห้องโบราณในสมัยรัชกาลที่ 5 เชื่อว่าทุกคนที่เข้ามาที่ส่วนนี้จะต้องไม่พลาดชมอย่างแน่นอน
เดินข้ามมายังส่วนที่ 3 ต้นแบบธนาคารไทย ในส่วนนี้เป็นการจัดแสดงวิวัฒนาการของธนาคารไทย ด้วยการใช้เอกสารสำคัญที่มีอยู่จริงในยุคสมัยนั้น ให้เราได้เห็นการดำเนินงานของธนาคารไทยในยุคแรกๆ ที่ต้องจดทุกอย่างลงบนสมุดขนาดใหญ่ มีเครื่องไม้เครื่องมือ และเครื่องใช้ของแบงก์สยามกัมมาจล แสดงถึงวิวัฒนาการของระบบการเงินและการธนาคารของไทย

เรากล้าบอกได้เลยว่าทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างมาก เพราะมีทั้งเครื่องพิมพ์ดีดไทยรุ่นแรกของประเทศ เครื่องจักรลงบัญชีเดินสะพัด เครื่องตรวจลายนิ้วมือ และสมุดจดบัญชีธนาคารโบราณ หลายชิ้นที่เห็นแล้วคนที่ชอบศึกษาด้านประวัติศาสตร์จะต้องชอบอย่างแน่นอน เพราะไม่เพียงแต่การตั้งแสดงชิ้นงาน การจัดฉากแสงสีภายในห้องก็ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปอยู่ในธนาคารยุคสมัยนั้นด้วย
มาถึงส่วนสุดท้ายก็คือ ส่วนจัดแสดง ธนาคารไทยพาณิชย์กับการก้าวสู่ยุคปัจจุบัน โดยเราจะต้องเดินผ่านอุโมงค์กระจก เข้าสู่ส่วนจัดแสดงที่เต็มไปด้วยหน้าจอแสดงวีดิทัศน์ ฉากจำลองที่แสดงถึงความทันสมัยแห่งโลกปัจจุบัน
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลของธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งถือว่าทำออกมาได้ดีและมีผู้เข้าเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากพอสมควร เดินชมสนุกได้ความรู้ไม่น่าเบื่อ ซึ่งการจะมาชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ 3 ชั่วโมง เพื่อเก็บรายละเอียดให้ครบ และไม่เพียงแค่การจัดแสดงความรู้เท่านั้น ภายในยังมีห้องสมุดขนาดเล็กที่มีหนังสือให้ความรู้ด้านการเงิน ประวัติศาสตร์ และการบริหาร ให้ผู้ที่สนใจเข้ามานั่งอ่านหนังสือหาความรู้กันอย่างเต็มที่ ซึ่งตัวผมเองนั้นคงจะต้องหาโอกาสพาครอบครัวมาเที่ยวชมสถานที่แห่งนี้อีกครั้งอย่างแน่นอน
