ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
26 มิถุนายน 2559 เวลา 09:41 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/thailand/439549

โดย…ลาริมาร์ ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์-สุนันท์ ล้อสมทรัพย์
เมื่อเอ่ยชื่อ พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ (The Museum of Floral Culture) หลายคนอาจคิดว่าเป็นที่จัดแสดงดอกไม้นานาชนิด มาเพื่อเก็บภาพแชะสองแชะแล้วก็กลับบ้าน แต่แท้จริงแล้วสถานที่แห่งนี้ต้องการสร้างความตราตรึงและความละเอียดอ่อนมากกว่าการมาถ่ายรูปแล้วก็กลับบ้าน

พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ก่อตั้งขึ้นจากความตั้งใจของสกุล อินทกุล เพื่อรวบรวมความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมดอกไม้ และเป็นสถานที่จัดแสดงดอกไม้ในแง่มุมที่หลากหลายของไทยและต่างประเทศผ่านหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับดอกไม้จากอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยใช้บ้านไม้สักเก่าสไตล์โคโลเนียลอายุกว่าร้อยปี สร้างในสมัยรัชกาลที่ 6 ในซอยองครักษ์ 13 ถนนสามเสน ซอย 28 เป็นแหล่งรวบรวม เปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการเมื่อ 12 ส.ค. 2555 นับเป็นพิพิธภัณฑ์ที่คนรักดอกไม้ควรหาเวลาไปแวะชม

พื้นที่ทั้งหมดของพิพิธภัณฑ์ดอกไม้ แบ่งออกเป็น 3 พื้นที่หลัก เริ่มจากความร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่น้อยใหญ่นอกบ้านที่ได้รับกาดูแลรักษา และจัดแต่งอย่างดี มีทางเดินด้านข้างนำไปสู่หลังบ้าน ซึ่งพื้นที่แห่งนี้ในบางโอกาสใช้สำหรับจัดนิทรรศการกลางแจ้ง ด้านหลังมีศาลาไทยสำหรับจัดกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการสอนจัดดอกไม้ซึ่งจัดเป็นประจำทุกเดือน

ด้านหน้าบ้านจัดไว้อย่างเป็นระเบียบตกแต่งด้วยดอกไม้สีสดสวยไว้สำหรับต้อนรับผู้มาเยือน ระเบียงของบ้านจัดให้เป็นที่นั่งจิบชาในบรรยากาศสบายๆ ซึ่งชาที่เตรียมไว้เป็นชาดอกไม้ เช่น ชากุหลาบ ชาหอมหมื่นลี้ ชาเขียวมะลิ เป็นต้น เมื่อเข้าสู่ส่วนของการนำชมภายในพิพิธภัณฑ์ โดยมีการจัดให้เข้าชมเป็นรอบ แต่ละรอบใช้เวลา 45 นาที โดยมีผู้บรรยายนำชมภายในอาคารและบริเวณสวน ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่นำชมในห้องต่างๆ ทางพิพิธภัณฑ์ขอความร่วมมือห้ามถ่ายภาพ

การจัดแสดงแบ่งออกเป็น 7 ห้อง ห้องที่หนึ่งคือ หอภาพดุสิต จัดแสดงภาพถ่ายที่สืบค้นมาจากหอสมุดแห่งชาติ เป็นภาพงานดอกไม้ไทยโบราณ อาทิ เครื่องแขวน พานพุ่ม พวงระย้า ตาข่ายดอกไม้ มาลัยเถา กรวยอุปัชฌาย์ ห้องที่สองชื่อ โลกแห่งวัฒนธรรมดอกไม้ มีแผนที่โลกแสดงให้เห็นว่าวัฒนธรรมดอกไม้ปรากฏอยู่ที่ใดบ้าง มีตำราการจัดดอกไม้เก่าแก่ของญี่ปุ่น ตำราลับแห่งการจัดดอกไม้แบบโชกะของอิเคโนโบะ หนังสือม้วนโบราณอายุราวปี ค.ศ. 1756 ซึ่งเทียบความเก่าแก่เท่ากับในรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ นอกจากนี้ ห้องนี้ยังรวมภาพถ่ายเกี่ยวกับวัฒนธรรมดอกไม้ประเทศต่างๆ เช่น อินเดีย บาหลี เมียนมา ลาว เนปาล ทิเบต ฮาวาย อียิปต์ กรีซ อังกฤษ และฝรั่งเศส เป็นต้น

ถัดมาเป็นห้องที่สามในชื่ออุโบสถดอกไม้ จัดแสดงเกี่ยวกับประเพณีการแห่ต้นดอกไม้ของ ต.แสงภา อ.นาแห้ว จ.เลย ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่ยาวนานกว่า 400 ปี ห้องที่สี่ และห้องที่ห้า เรียกว่าหอมรดกวัฒนธรรมดอกไม้ จัดแสดงการจัดดอกไม้แบบไทยๆ เช่น งานใบตอง มาลัย บายศรี การตกแต่งขันหมากในงานแต่งงาน ตลอดจนพานพุ่มดอกไม้

ครบถ้วนห้องด้านล่างของบ้านแล้ว ก็ขึ้นบันไดไปยังชั้นสองซึ่งเป็นห้องจัดแสดงลำดับที่หก ชื่อว่า ปากกา ดินสอ ความเป็นไปได้ เป็นห้องที่รวบรวมภาพร่างผลงานการจัดดอกไม้ของผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบประยุกต์ ร่วมสมัย และแบบไทยแท้ แต่ที่โดดเด่นเป็นไฮไลต์ก็เห็นจะเป็นตัวอย่างการจัดดอกไม้ในงานพระราชทานเลี้ยงในพระบรมมหาราชวัง ในงานเฉลิมฉลองครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. 2549 ซึ่งมีตัวแทนจากราชวงศ์ทั่วโลกเข้าร่วมด้วย

ปิดท้ายการเข้าชมนิทรรศการที่ ห้องที่เจ็ด เป็นห้องนิทรรศการหมุนเวียน ซึ่งพิพิธภัณฑ์จะจัดแสดงเรื่องราวที่น่าสนใจตามความเหมาะสมและตามวาระโอกาส ใครอยากลองไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมดอกไม้ หรืออยากเข้าร่วมเวิร์กช็อปสอนจัดดอกไม้ที่พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ (The Museum of Floral Culture) ก็ติดต่อไปที่ 315 ซอยองครักษ์ 13 ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ เปิดให้ชมทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์) เวลา 10.00-18.00 น. บัตรเข้าชมราคา 150 บาท ข้อมูลเพิ่มเติมโทร.02-669-3633 หรือเฟซบุ๊ก : facebook.com/TheMuseumofFloralCulture