ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
02 กรกฎาคม 2559 เวลา 11:17 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/440823

โดย…รอนแรม
สองเพื่อนเลิฟคู่จิ้นจากบ้านเอเอฟ 12 มาริว-ภัทรพงศ์ เวศกามี และ เบนซ์-จิรโรจน์ ศรุณานิธิโรจน์ กอดคอกันไปเที่ยวกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งนอกจากจะได้ไปเยือนดินแดนในฝัน ทริปนั้นยังกระตุ้นต่อมเที่ยวของสองหนุ่มให้พลุ่งพล่านหลังจากอยู่ในบ้านเอเอฟมานาน 3 เดือน
ลอนดอนครั้งแรก
พวกเขายังจดจำฉากต่างๆ ที่ลอนดอนได้เป็นอย่างดี ทุกอย่างเป็นสิ่งใหม่ ภาพใหม่ เรื่องราวใหม่ๆที่ตักตวงไว้ในกล่องความทรงจำ ทั้งสองแย่งกันเล่าเหมือนเด็กๆ โดยเบนซ์เล่าถึง ลอนดอนอาย ที่ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของสวนจูบิลี่ริมแม่น้ำเทมส์ เป็นชิงช้าสวรรค์ที่ก่อสร้างด้วยโครงเหล็กค้ำข้างเดียวที่สูงที่สุดในโลกงานนี้เบนซ์และมาริวไม่พลาดขึ้นไปอยู่ในกระเช้ากึ่งใสมองวิวกรุงลอนดอนแบบ 360 องศา

“เสียวมาก และสวยมาก!” เบนซ์ยังรู้สึกตื่นเต้นเหมือนเพิ่งลงมาจากกระเช้า “บ้านเมืองเขาสวยมากมีต้นไม้เยอะ มีดอกไม้เยอะ แค่ดอกไม้ริมทางก็สวยเหมือนสวนดอกไม้ที่ถูกจัดไว้อย่างดี” โดยกระเช้าจะใช้เวลา 30 นาที ซึ่งนานพอให้คนกลัวความสูงอย่างสองหนุ่มเริ่มรู้สึกสนุกกับความเสียว
จากนั้นได้ไปเช็กอินกันต่อที่พระราชวังบักกิ้งแฮมจุดที่นักท่องเที่ยวจะมารอชมการผลัดเวรของทหารตามแบบฉบับผู้ดีอังกฤษ ซึ่งปกติจะเป็นการเดินผลัดเวรทั่วไป แต่วันนั้นเป็นวันสำคัญ ทำให้มีทหารเป็นกองทัพออกมาเดินสวนสนามอลังการ คนไทยสองคนนี้จึงได้แต่เก็บภาพและทึ่งกับความพร้อมเพรียง
แต่ที่ทำให้สองหนุ่มประทับใจที่สุดคงจะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ห่างจากตัวเมืองออกไปที่ไบบิวรี่ วิลเลจ คอตส์เวิลด์ (Bibury Village Cotswolds) ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่สวยงามที่สุดในอังกฤษ เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ยุคศตวรรษที่ 17-18 มีแม่น้ำสายเล็กๆ ไหลผ่าน และทุกหลังจะปลูกดอกไม้ซึ่งจะงามสะพรั่งที่สุดในฤดูร้อน ไฮไลต์อยู่ที่กระท่อมหินในตรอก Arlington Row เคยเป็นที่พักของคนงานทอขนแกะ ปัจจุบันก็ยังมีผู้คนอาศัยอยู่

ไลฟ์สไตล์สองหนุ่ม
เมื่อถามถึงไลฟ์สไตล์การเดินทางส่วนบุคคล เบนซ์กับมาริวมีทั้งข้อเหมือนข้อต่างที่ฟังดูแล้วไม่น่าจะไปเที่ยวด้วยกัน เบนซ์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่จะไปเที่ยวคนเดียว เน้นนอน เพราะสำหรับเขาการไปเที่ยวคือการพักผ่อน การอยู่เฉยๆ จึงเปลี่ยนโหมดให้ตรงข้ามกับการทำงาน แต่สำหรับโหมดเที่ยว เขาก็ขอไปคนเดียวเพื่อที่จะได้มีโอกาสพูดคุยกับคนอื่นๆ และกล้าเปิดใจกับคนแปลกหน้ามากขึ้น
“เรื่องเที่ยวทำให้เราลืมเครียดไปได้ชั่วขณะ เวลาทำงานมาเหนื่อยๆ นอกจากจะอยากพักยังอยากไปเที่ยว ไปพักผ่อนสมอง ไปจากงานที่กำลังทำเพื่อชาร์จพลังแล้วค่อยกลับมาเต็มที่กับมัน” เบนซ์ กล่าว

ส่วนมาริว ด้วยนิสัยชอบแต่งเพลงทำให้อยากเดินทางเพื่อมองโลกให้กว้างขึ้น และนำแรงบันดาลใจกลับมาเขียนเป็นบทเพลง “มุมมองของคนเรามันเพิ่มได้ตลอด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในการแต่งเพลง” นอกจากนี้เขายังชอบการเดินทาง เพราะมันคือวิธีปลดปล่อย ไปเที่ยวแล้วลืม ปล่อยตัวให้ทำอะไรตามใจ เพื่อเปิดรับแรงบันดาลใจใหม่ๆ มาใช้ในงานและในชีวิต
ส่วนเรื่องการเดินทางสายศิลปิน เบนซ์รู้ตัวว่าชอบร้องเพลงมาตั้งแต่มัธยม เป็นนักร้องโรงเรียน ลงแข่งมาหลายเวที จากนั้นพออายุครบ 15 ปี ได้ส่งใบสมัครเข้าประกวดเอเอฟซีซั่น 7 แต่ไม่เข้ารอบ จากนั้นก็ส่งใบสมัครใหม่ทุกซีซั่น เวลาผ่านไป 5 ปี จนถึงซีซั่น 12 เขาผ่านเข้ารอบและกลายเป็นเบนซ์ นามสกุลเอเอฟ อย่างทุกวันนี้ ส่วนมาริวเข้าร่วมวงโยธวาทิต ตำแหน่งมือทรัมเป็ต จากนั้นก็คลุกคลีในวงการเครื่องดนตรีสากลตลอด จนกระทั่งค้นพบว่าตัวเองร้องเพลงได้ดีจึงเรียนด้านนี้อย่างจริงจัง และตัดสินใจเข้าแข่งขันเอเอฟซีซั่น 12 แล้วผ่านเข้ารอบตั้งแต่ครั้งแรก
สาเหตุความจิ้นระหว่างเบนซ์-มาริว เริ่มตั้งแต่อยู่ในบ้านเอเอฟ พวกเขาลงความเห็นตรงกันว่าเป็นเพราะนอนเตียงติดกัน (ตอนอยู่ในบ้าน) เวลามีปัญหาก็จะปรึกษา ซึ่งต่างฝ่ายต่างเข้าใจและให้คำปรึกษาที่ดีแก่กันได้ คำว่าคู่จิ้นจึงเป็นคำที่คนทั่วไปเรียก แต่สำหรับพวกเขาขอใช้คำว่า เพื่อนสนิท ที่คอยช่วยเหลือกันทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว

โลกของเบนซ์–มาริว
ถ้ามีโลกหนึ่งใบ ทั้งคู่อยากให้โลกใบนั้นเป็นอย่างไร เบนซ์ ตอบว่า “อยากให้มีคนรักกันมากๆ ผมจะรับไม่ได้กับข่าวร้ายบนหน้าหนังสือพิมพ์ ถ้าเปลี่ยนได้อยากให้สื่อนั้นมีแต่เรื่องดีๆ ซึ่งเรื่องราวของสังคมจะดีได้ก็ขึ้นอยู่ที่ประชาชน” นอกจากนี้เขายังฝันถึงโลกที่มีแต่เสียงดนตรี และทุกคนสามารถร้องเพลงหรือบรรเลงท่วงทำนองไปพร้อมๆ กัน
ส่วนมาริว เขาอยากให้โลกเป็นแบบเดิม แต่เพิ่มเติมความยุติธรรมและความรักเข้าไป และให้ดนตรีคอยขับกล่อมดวงใจให้มีความสุข
ติดตามผลงานของคู่จิ้นแห่งบ้านเอเอฟกับเพลง ไม่ใช่เพราะใคร ซิงเกิ้ลแรกของพวกเขาทั้งสองคน หรือทางอินสตาแกรม เบนซ์ benzji_af12 และมาริว mariew_af12