ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
07 พฤษภาคม 2559 เวลา 18:05 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/thailand/430623

โดย…กาญจน์ อายุ
สมญานาม “หนาวนี้ที่เลย” หรือ “หนาวสุดหยุดที่เลย” หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ยกย่องให้เลย เป็นจังหวัดที่หนาวที่สุดในประเทศไทย กำลังถูกสยบด้วยอุณหภูมิพุ่งปรี๊ดแตะ 40 องศา พร้อมสมญาใหม่ “ร้อนที่สุดเลย” วลีเด็ดที่ฟังแล้วไม่ค่อยอภิรมย์คนไทย เพราะตอนนี้ไม่ว่าใครก็กำลังตามหากระแสความเย็นไปซุกกายคลายร้อน แต่! คุณเขาก็ไม่ใจร้ายเกินไปนัก ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่มีทะเลภูเขาทำให้บางอำเภอยังคงเย็นอยู่บ้างในฤดูร้อน
ภูเรือ อำเภอต้นตำรับความหนาวสะท้านบนยอดภูเรืออันโด่งดัง ทุกช่วงปลายย่างต้นปีนักท่องเที่ยวจะแห่ขึ้นภูดูทะเลหมอกและสัมผัสอากาศหนาว เวลาเดียวกับที่ต้นคริสต์มาสจะเปลี่ยนใบเป็นสีแดงพร้อมส่งขายไปทั่วประเทศ บรรยากาศช่างแตกต่างจากฤดูร้อนแทบทุกประการ แต่คนภูเรือยังโชคดีกว่า เพราะไม่ว่าจะร้อนแค่ไหนก็ยังเย็นกว่าในตัวเมืองอยู่ประมาณ 2 องศา อย่างวันที่เดินทางไป ตัวเมืองวัดได้ 41 องศา แต่ภูเรือเหลือ 39 องศา นับเป็นความร้อนที่น่าคบหา โดยเฉพาะของชาวอีสานตอนบนที่เลือกภูเรือเป็นสถานที่พักตากอากาศ คงเหมือนกับคนกรุงเทพฯ ที่ไปหัวหิน แต่เวลานี้ไม่มีใครขึ้นยอดภูเรือไปดูพระอาทิตย์ที่ไร้ทะเลหมอก และคงไม่มีใครไปถ่ายรูปในวันที่ลานต้นคริสต์มาสเป็นสีเขียว สิ่งที่ทุกคนต้องการคือความสดชื่น และอย่างเดียวที่ให้ได้คือ น้ำ!

ปลาบ่า เป็นทั้งชื่อตำบลและชื่อน้ำตก เมื่อราว 2 เดือนที่ผ่านมา กิตติคุณ บุตรคุณ นายอำเภอภูเรือร่วมกับชาวบ้าน เปิดตัวกิจกรรมล่องแพไม้ไผ่ใน ลำน้ำสาน ลำน้ำมีต้นกำเนิดจากภูหลวงผ่านพื้นที่ 6 ตำบลของอำเภอภูเรือ ความยาวประมาณ 40 กม. ซึ่งช่วงที่ผ่านบ้านปลาบ่าชุมชนได้จัดกิจกรรมล่องแพไม้ไผ่รับหน้าร้อน ทั้งนี้ปกติชาวบ้านปลาบ่ามีอาชีพเกษตรกรปลูกขิง แก้วมังกร มันสำปะหลัง ใช้ชีวิตพึ่งพาลำน้ำสานในการทำเกษตรและอุปโภคบริโภค กิจกรรมล่องแพจึงเป็นรายได้เสริมระหว่างรอเก็บเกี่ยว ซึ่งแต่เดิมก่อนที่จะเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่นี่เป็นสวนน้ำของชาวบ้านมาเนิ่นนาน
จุดให้บริการอยู่บริเวณฝายน้ำล้นบ้านปลาบ่าบริเวณนั้นระดับน้ำจะตื้นเป็นบ่อน้ำเย็นให้เด็กๆ ได้เล่นน้ำปลอดภัยซึ่งระดับน้ำจะลดลงในหน้าร้อนเท่านั้น ถ้าฝนมาเมื่อไหร่กระแสน้ำจะไหลแรงและมวลมากจนไม่สามารถลงเล่นน้ำได้ นอกจากแพไม้ไผ่ริมตลิ่งยังมีชาวบ้านตั้งเพิงให้เช่าห่วงยางเป็นทางเลือกให้ได้หย่อนเท้าแช่น้ำ ลอยตัวแหงนหน้ามองฟ้าและเยาะเย้ยอากาศร้อนข้างบน

แพไม้ไผ่นั่งได้ 4 คนไม่รวมฝีพาย คิดค่าบริการลำละ 400 บาท มีเส้นทางเดียวคือ ล่องทวนน้ำขึ้นไปหมู่บ้านแล้วตามน้ำกลับมาจุดเริ่มต้น ระยะทางไป-กลับประมาณ 2 กม. ใช้เวลาราว 2 ชม. ระหว่างล่องขึ้นไปจะผ่านสวนแก้วมังกรที่เขาว่ากันว่า รสชาติของภูเรือหวานอร่อยกว่าใคร ผ่านแนวป่าที่ยังไม่มีใครมาจับจอง ผ่านป่าไผ่ที่เป็นต้นเรื่องของแพไม้ไผ่ ผ่านท่อประปาภูเขาที่ชาวบ้านนำไปใช้ในครัวเรือน ผ่านบ้านของพี่ฝีพายที่ตอนนี้ลูกเมียคงกำลังทำกับข้าวรอ ผ่านคนตกปลากำลังนอนเอกเขนกจนรู้สึกอิจฉา และผ่านช่วงเวลาที่ไม่มีเสียงแปลกปลอมนอกจากธรรมชาติ
ข้อดีของแพไม้ไผ่คือทำให้เราเป็นเหมือนกบบนใบบัว เพราะแพไม่เหมือนเรือจึงไม่เสถียรมั่นคงแต่ลอยล่องไปตามแรงกระเพื่อมน้ำ แพไม่สมบูรณ์พื้นไม้ไผ่จึงไม่ชิดสนิทกันเปิดโอกาสให้น้ำแทรกล้นขึ้นมาคลอเท้าให้ชุ่มเย็น แพไม่ปิดบังจึงไม่มีหลังคาเพื่อให้มองรอบตัวได้ 360 องศา และแพไม่มีเสียงเพราะไม่มีน้ำมันและเสียงเผาผลาญให้รำคาญใจ

เมื่อขึ้นไปถึงจุดหมาย ที่นั่นไม่มีป้ายแสดงความยินดีหรือเส้นชัยใดๆ สิ่งที่ทำคือโบกมือทักทายชาวบ้านและแทบจะบอกลาในเวลาเดียวกัน นั่นเป็นอีกครั้งที่รู้สึกว่าจุดหมายไม่สำคัญเท่าระหว่างทาง วัตถุประสงค์ของการล่องแพครั้งนั้นจึงไม่ใช่รีบพายให้ไปถึงจุดกลับตัวแต่เป็นการค่อยๆ ไปตามวิธีของแพไม้ไผ่เพื่อให้ผู้โดยสารได้ดื่มด่ำกับความ “ธรรมดา” สองข้างทางให้มากที่สุด
จากนั้นขาล่องกลับตามน้ำเป็นไอเดียที่ดีที่จะเปลี่ยนจากท่านั่งเป็นลอยคอ แค่จับเชือกให้มั่นแล้วลอยตามแพกลับไป เมื่อแพกลับมาเทียบท่า ณ จุดเริ่มต้น ก็อย่าเพิ่งรีบร้อนกลับ ไก่ย่าง ส้มตำ รอให้ชิมอยู่ริมท่า แต่ที่อร่อยกว่าอาหารน่าจะเป็นอรรถรสของเหล่าแม่ค้า แค่ถามว่าเคยเล่นน้ำที่นี่ไหม แม่ก็เล่าย้อนไปตั้งแต่ยังแก้ผ้าเป็นเด็ก ยาวไปถึงสมัยจีบพ่อ จนเป็นแม่บ้านประจำตำบล

ลำน้ำสานช่วงหน้าร้อนบริการแพไม้ไผ่ แต่เมื่อเข้าหน้าฝนเมื่อไรจะเปลี่ยนไปบริการล่องแก่งซึ่งรับผิดชอบโดย อบต.ลาดค่าง จุดที่ล่องแก่งห่างจากที่ว่าการอำเภอภูเรือประมาณ 9 กม. มีตั้งแต่ระดับความยาก 1-5 ระยะทาง 13 กม. มีแก่งทั้งหมด 59 แก่ง เช่น แก่งเกลี้ยง แก่งลาดนกขี้ถี่ แก่งคอนบ่าและมีเรือยางบริการ 40 ลำ รองรับนักท่องเที่ยวได้ราว 300 คน/วัน รับรองได้ว่านักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสธรรมชาติที่สวยงามของสองฝั่ง รวมทั้งความตื่นเต้นท้าทายตลอดลำน้ำ อัตราค่าบริการเริ่มต้น 700-1,000 บาท/คน ขึ้นอยู่กับระยะทาง
ปีนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภาคอีสานทำแผนการตลาด ประจำปี 2559 ภายใต้แคมเปญ อีสานแซ่บนัว ดึงดูดคนไทยให้ไปเที่ยว 20 จังหวัดในอีสาน ด้วยมิติการท่องเที่ยวหลากหลายรสชาติทั้งประเพณี วัฒนธรรม อาหาร และธรรมชาติ ทั้งยังเที่ยวได้ตลอดปีไม่ว่าจะหนาว ร้อน และฝนดูอย่างจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องความหนาวก็ยังมีที่เที่ยวหน้าร้อนให้ไป เอาเป็นว่าถ้าใครอยากเที่ยวแต่คิดไม่ออกให้นึกถึงอีสาน เว็บไซต์เขาก็มีให้ดูเป็นแนวทางที่ www.เที่ยวอีสาน.com และสอบถามการเดินทางไปล่องแพบ้านปลาบ่า โทร. 042-812-812 (ททท. เลย)
