ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
20 มิถุนายน 2559 เวลา 21:26 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/digital/438536

โดย…ณัฏฐ์ธยาน์ สุทธิเจริญ
หลังมีการเข้าถือหุ้นด้านธุรกิจเพย์เมนต์ภายในเครือแอสเซนด์ กรุ๊ป ผู้ให้บริการทรูมันนี่เพื่อขยายธุรกิจด้านการทำธุรกรรมบนมือถือของ แจ็ค หม่า ถือว่าเป็นการจุดประกายตลาดฟินเทคในไทยให้มีสีสันมากขึ้น เพราะจะส่งผลให้ภาพรวมอุตสาหกรรมและบริการทางการเงินของเอเชียมีการตื่นตัวและน่าจับตามอง โดยบริษัทวิจัย PwC ได้ออกมาเผยถึงเทรนด์เทคโนโลยีด้านการเงินที่จะเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมวงการเงินทั่วโลกครั้งใหญ่
วิไลพร ทวีลาภพันทอง หุ้นส่วนสายงานที่ปรึกษา บริษัท PwC Consulting (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากผลสำรวจ Financial Services Technology 2020 and Beyond : Embracing Disruption ชี้ให้เห็นว่าอีก 4 ปีข้างหน้าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะเป็นตัวแปรสำคัญที่เปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมธุรกิจบริการทางการเงิน
“เทคโนโลยีที่จะเข้ามามีอิทธิพลนั้น ถือว่าเป็นตัวแปรสำคัญที่จะสร้างผลกระทบต่อผู้ประกอบการเดิมและหน่วยงานที่กำกับดูแล ซึ่งตลาดเอเชียมีแนวโน้มที่จะเป็นศูนย์กลางทางด้านเทคโนโลยี เพราะจำนวนชนชั้นกลางที่เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศแถบเอเชียแ ปซิฟิกเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงินเหล่านี้”
ฟินเทคยังคงเป็นเทคโนโลยีทางการเงินที่ขับเคลื่อนธุรกิจการเงินรูปแบบใหม่ ซึ่งธุรกิจธนาคารเพื่อรายย่อยและธุรกิจบริหารความมั่งคั่งต้องการบริการด้านนี้มากที่สุด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งยังเปิดโอกาสให้ธนาคารขนาดใหญ่และผู้เล่นรายใหม่หันหน้ามาจับมือกันเพื่อเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขัน
บล็อกเชนจะเข้ามาปฏิวัติโลกการเงินยุคใหม่ ด้วยระบบโครงข่ายในการทำธุรกรรมและเก็บบัญชีธุรกรรมออนไลน์ โดยเข้าไปมีส่วนสำคัญในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานในการประกอบธุรกิจการเงินและนำไปสู่โลกการเงินยุคใหม่ ทั้งยังต่อยอดไปในธุรกรรมด้านอื่นๆ เพื่อลดต้นทุนในการให้บริการและเพิ่มความโปร่งใสในการทำธุรกรรมดิจิทัล
ทั้งนี้ ระบบลูกค้าอัจฉริยะจะเป็นตัวกำหนดการเติบโตของรายได้และทำกำไรที่สำคัญที่สุด เพื่อวิเคราะห์และประเมินพฤติกรรมของผู้ซื้อง่ายขึ้น ความก้าวหน้าของวิทยาการหุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์จะทำให้เกิดการกลับเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น คลาวด์สาธารณะจะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานต้นแบบที่วงการอุตสาหกรรมทางการเงินต้องหันมาใช้งาน เพื่อเก็บรักษาข้อมูลโดยอาจจะเช่าเป็นรายเดือนหรือรายปี ทำให้ภัยไซเบอร์กลายเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของสถาบันการเงิน
“เอเชียจะเป็นศูนย์กลางของการขับเคลื่อนนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ ในปี 2563 ทวีปเอเชียแปซิฟิกจะมีจำนวนชนชั้นกลางมากกว่าทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป จากนั้นในอีก 30 ปีข้างหน้าประชากรโลกกว่า 1,800 ล้านคนจะย้ายถิ่นฐานเข้ามาในเอเชียและแอฟริกามากขึ้น ทำให้กลายเป็นโอกาสสำคัญทางธุรกิจของสถาบันการเงิน”
ดังนั้น หน่วยงานที่จะเข้ามากำกับดูแลต้องรู้จักหันมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อวิเคราะห์และรวบรวมข้อมูลเพื่อคาดการณ์และดูแลปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมบริการทางการเงินให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งข้อมูลจำเป็นต้องมี
หน่วยงานกำกับดูแลจะหันมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้น (Regulators will turn to technology, too) หน่วยงานกำกับดูแลจะหันมาใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์และรวบรวมข้อมูลมากขึ้นเช่นกัน เพื่อดูแลและคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมบริการทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นบริษัทต่างๆ ต้องถือเอาการมีระบบจัดเก็บข้อมูลและระบบการควบคุมความโปร่งใสที่ตรวจสอบได้เป็นภารกิจสำคัญ เพื่อให้การทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับเหล่านี้เป็นไปอย่างราบรื่น
“ปัจจุบันมูลค่าตลาดสินเชื่อบุคคลต่อบุคคล (P2P) ของจีนมีมูลค่าอยู่ที่ 1.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 289% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ด้านผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสินเชื่อระหว่างบุคคลออนไลน์อยู่ที่ 2,595 ราย โตเกือบ 2.5 เท่าเช่นกัน ชี้ให้เห็นว่าจำนวนประชากรที่ใช้สมาร์ทโฟนและตลาดสินเชื่อบุคคลต่อบุคคลเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้นักลงทุนสนใจที่จะเข้ามาลงทุนฟินเทคในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น
ตลาดฟินเทคในเอเชียมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐเท่านั้น และเอเชียยังเป็นตลาดผู้นำโลกในการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินใหม่ๆ อีกด้วย