ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
07 มิถุนายน 2559 เวลา 09:43 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/ent/celeb/435995

โดย…อณุสรา ทองอุไร ภาพ… วิศิษฐ์ แถมเงิน
ในวันฟ้าครึ้มและฝนพรำทั้งวัน เราฝ่าการจราจรที่แน่นขนัดและฝ่าสายฝนโปรยปรายไปพบกับนักธุรกิจหญิงหน้าตายิ้มแย้ม อดีตพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่ทำงานที่สายการบินสวิสแอร์มานานกว่า 10 ปี ผันตัวเองมาเป็นเจ้าของธุรกิจสปาเพื่อสุขภาพและความงามเมื่อ 14 ปีที่ผ่านมา
อภิรดี หิรัญรามเดช เธอเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนยุคก่อตั้งของดิวาน่าเวสเนสสปา ที่มีอยู่ทั้งหมด 5 สาขา จับกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม โดยสปาของเธอทั้งหมดตั้งอยู่ที่ถนนสุขุมวิทและสีลม เน้นชาวต่างชาติและคนไทยที่มีกำลังซื้อสูง พร้อมยังขยายโปรดักต์สปาแยกเฉพาะมาจำหน่ายตามสนามบินและห้างสรรพสินค้าหรูกลางเมืองอีกกว่า 10 แห่งด้วย โดยเธอเปิดธุรกิจมา 14 ปีกว่า มีเงินหมุนเวียนในการลงทุนมูลค่าสูงเกือบ 100 ล้านบาท
ด้านการศึกษา เธอจบปริญญาตรีจากคณะครุศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบปริญญาโทด้านการสอนภาษาอังกฤษ คณะครุศาสตร์ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเช่นเดียวกัน หลังทำงานสายการบินมา 10 ปี จึงร่วมหุ้นกับเพื่อนสนิทอีก 3 คนมาเปิดสปาตอนอายุ 27 ปี นับเป็นธุรกิจแรกที่ทำมาถึงตอนนี้ โดยในช่วง 5-6 ปีแรก เธอยังทำงานสายการบินควบคู่ไปด้วย
“ตอนแรกยังไม่ได้ลาออก ทำควบคู่ไปด้วยกัน โดยที่สปารับผิดชอบงานทางด้านเทรนนิ่งให้กับพนักงานทั้งในเรื่องบุคลิกภาพ กิริยามารยาท รวมทั้งฝึกภาษาอังกฤษให้พนักงานควบคู่กันไปด้วย รวมไปถึงการปลูกฝังทัศนคติที่ดีในการให้บริการกับลูกค้า เนื่องจากเราจบทางด้านจิตวิทยาและการสอนมาด้วย ซึ่งเป็นงานที่เราถนัดและชอบมาก เหมือนได้รื้อฟื้นสิ่งที่เรียนมาใช้งานแบบจริงจัง เพราะเราชอบสอนหนังสือ อยากเป็นครู” เธอเล่าด้วยรอยยิ้มใจดี
หลังจากที่ธุรกิจเติบโตขยายงานมากขึ้น เธอจึงลาออกจากงานการบินมาทำธุรกิจเต็มตัว โดยเปลี่ยนงานมารับผิดชอบทางด้านวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์และโปรแกรมการให้บริการทรีตเมนต์อื่นๆ ของสปา รวมทั้งขยายบริการงานทางด้านแพทย์แผนไทย ที่นำสมุนไพรมาใช้ในส่วนผสมแนวแพทย์ทางเลือกให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้น่าใช้มากยิ่งขึ้น โดยเธอได้ไปเรียนปริญญาโทเพิ่มอีกใบทางด้านแอนไทเอจจิ้ง ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และไปอบรมทางด้านแพทย์แผนไทยอีกหลายวิชาเพื่อมาพัฒนาผลิตภัณฑ์สปาให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
เธอกล่าวว่า ยิ่งทำงานยิ่งต้องเรียนรู้ให้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะงานด้านวิชาการ งานวิจัยใหม่ๆ มีเข้ามาตลอดเวลา เรียนรู้กันไม่จบไม่สิ้น เทรนด์ด้านวิชาการก็เติบโตมากขึ้นทุกวัน และแนวโน้มคนรุ่นใหม่หันมาสนใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น แพทย์ทางเลือกจึงได้รับความสนใจและเติบโตมากขึ้นตลอดเวลา

“ใครๆ ก็ไม่อยากเจ็บป่วยใช่ไหมคะ คนเราจึงหันมาสนใจธรรมชาติบำบัดมากขึ้น ดอกไม้ สมุนไพรไทยก็มีเยอะที่น่าสนใจ มีขั้นตอนวิธีการปลูกและผลิตที่พัฒนามากขึ้น บรรจุภัณฑ์ต่างๆ ก็สวยงามน่าใช้ ตลาดตรงนี้เริ่มโตขึ้นอย่างน่าจับตามอง เราจึงพัฒนาต่อยอดจุดนี้มากยิ่งขึ้นไปอีก พยายามเลือกใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติของไทยเป็นส่วนผสมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจำหน่ายที่สปาและจุดขายข้างนอกทั้งสนามบิน ห้างสรรพสินค้า ซึ่งตอนนี้มีอยู่ 10 ช็อปด้วยกัน และมองตลาดส่งออกในอนาคตอันใกล้นี้” เธอเล่าอย่างมีความสุข
นอกจากนั้น เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เธอขยายงานไปสู่ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและการฟื้นฟูจากภายใน ด้วยการใช้เทคโนโลยีมาเป็นตัวช่วยมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่นวดโดยใช้แต่คน เช่น การเปิดธุรกิจในตอนแรก ที่เรียกว่าการแพทย์เชิงรุก ป้องกันดีกว่าแก้ไข เป็นสปาแนวเมดิคัลมากยิ่งขึ้น โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากเป็นที่ปรึกษาใกล้ชิด
ล่าสุดเธอได้พัฒนาผลิตภัณฑ์สกินแคร์ระดับพรีเมียมชื่อ Dii ที่ช็อปปิ้งสโตร์หรูกลางเมืองเป็นสาขาแรกเมื่อเดือนที่ผ่านมา จับกลุ่มสาวทำงาน โดยมีผลิตภัณฑ์ล็อตแรกออกมาประมาณ 10 ชนิด และปีหน้าจะพัฒนาให้ครบ 20 ชนิด คุณภาพเทียบเท่าระดับอินเตอร์แบรนด์ได้เลย เพราะชื่อว่าผลิตภัณฑ์ที่ดีๆ ของไทยก็มีคุณภาพไม่แพ้ใคร อีกทั้งเธอยังนำเข้าวัตถุดิบออร์แกนิกคุณภาพดีจากต่างประเทศที่มีงานวิจัยรองรับมาเป็นส่วนผสมหลายชนิดด้วย
ในปลายปีนี้เธอมีแผนจะเปิดโรงเรียนเล็กๆ เพื่อสร้างบุคลากรเพื่อมารองรับธุรกิจสปาโดยตรง ที่บุคลากรที่มีคุณภาพยังขาดแคลน การเรียนการสอนครบวงจรตั้งแต่การนวดไทย นวดทรีตเมนต์ ทั้งแบบการแพทย์แผนไทย และแบบแอนไทเอจจิ้ง เพื่อต่อยอดธุรกิจที่เธอทำในอนาคตที่จะเปิดสาขาเพิ่มทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันขาดแคลนและมีการซื้อตัวกันมากขึ้น
อภิรดี กล่าวถึงแผนงานในอนาคตของเธอว่า คงขยายงานที่ทำอยู่อีก 2-3 สาขา ควบคู่กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นและมากขึ้น โดยพยายามพัฒนาวัตถุดิบจากดอกไม้และสมุนไพรไทยให้มากขึ้นเพื่อสนับสนุนของไทยให้เป็นที่รู้จักและยอมรับ
หลักการทำงานของเธอนั้น คือเต็มที่และมีความสุขกับการทำงานทุกอย่างที่ได้เลือกทำ “เราจะไม่กดดันกับงานที่ทำ และเรียนรู้งานใหม่ๆ อยู่เสมอ และพยายามที่จะช่วยยกระดับคุณภาพ ภาพพจน์ของสปาไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ซึ่งแบรนด์ดิวาน่าก็ถือว่าเป็นแบรนด์ระดับต้นๆ ของสปาไทยที่ต่างชาติรู้จัก
เมื่อเจอปัญหาและอุปสรรคก็ยอมรับกล้าเผชิญหน้ากับปัญหา พร้อมที่จะเรียนรู้และแก้ไขไม่ให้ผิดพลาดซ้ำ ที่สำคัญคือต้องใจเย็นมีสติในการแก้ปัญหา ไม่ฟูมฟาย ทุกปัญหามีทางออกเสมอ แม้จะต้องใช้เวลาบ้างก็ตาม” เธอกล่าวทิ้งท้าย