ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
08 ตุลาคม 2559 เวลา 16:48 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/459179

โดย…ทีมงานโลก 360 องศา
“Forbes Magazine ยกย่องเมือง มานน์ไฮม์ (Mannheim) ประเทศเยอรมนี ว่าเป็น The City of Positive Economic and Innovative Environment”
เหตุผลในการยกย่องดังกล่าวคงไม่ใช่แค่เพียงเพราะ Mannheim เป็นเมืองที่เป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรมสำคัญหลายอย่างในโลก หากแต่การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ Mannheim ในด้านต่างๆ ที่สามารถสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนนับแต่อดีตจนปัจจุบัน และการวางแผนสู่อนาคตอย่างเป็นขั้นตอน มีระบบ รวมถึงอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงคือปัจจัยสำคัญ
ประสบการณ์ครั้งใหม่ของทีมงาน โลก 360 องศา ที่เมือง Mannheim คือการเดินทางออกนอกเมืองโดยการใช้บริการรถรางไฟฟ้าซึ่งมีตั๋วแบบเหมาวันให้เลือก สามารถใช้เดินทางได้ตลอดทั้งวันไม่จำกัดเที่ยว โดยราคาจะขึ้นอยู่กับว่าต้องการเลือกไปในเขตไหนบ้าง ถ้าเลือกไปได้ในหลายๆ เขต ราคาก็จะแพงขึ้น หลังจากนั่งรถมาได้สักพัก พวกเราก็เลือกลงที่สถานีย่านชานเมืองซึ่งได้ข้อมูลมาว่าสามารถเดินเลาะไปยังฝั่งแม้น้ำไรน์ได้

เราเดินผ่านหมู่บ้านที่มีอาคารสีสันสดใสเรียงรายกัน หน้าบ้านบางหลังปลูกต้นไม้ มีดอกไม้บานสะพรั่ง ผู้คนพากันออกมาเดินเล่นบ้าง ปั่นจักรยานบ้าง ดูแล้วเป็นย่านที่เงียบสงบน่าอยู่ เราลองกางแผนที่ถามทางจากคนที่เดินผ่านไปมาจึงได้ข้อมูลว่า ให้เดินไปตามถนนที่ตัดผ่านโรงไฟฟ้าซึ่งอยู่ด้านหน้าพวกเราก็จะถึงแม่น้ำได้
เจ้าของบ้านบางคนยังออกมายิ้มทักทายชวนพวกเราพูดคุย และได้ความว่าเขาอาศัยอยู่แถวนี้มากว่า 40 ปี ตั้งแต่ย่านนี้ยังไม่ค่อยมีคนอยู่ เมื่อมีการขยายโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ชุมชนรอบๆ โรงไฟฟ้าก็มีผู้คนมาอาศัยอยู่มากขึ้น และที่สำคัญตั้งแต่อยู่ที่นี่มาไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าเลย จึงทำให้เรารู้ว่าโรงไฟฟ้ากับชุมชนที่นี่อยู่ร่วมกันมานานมากทีเดียว
จากนั้นพวกเราก็ชวนกันเดินต่อ ระหว่างที่เดินไปตามทางตามที่ได้รับข้อมูลมา เราก็มาถึงยัง Information Center ของโรงไฟฟ้า ทำให้รู้ว่าที่นี่คือ โรงไฟฟ้า GKM ซึ่งพวกเราได้ข้อมูลบางส่วนมาก่อนหน้านี้แล้วว่าเป็นโรงไฟฟ้าที่มีความเก่าแก่และสำคัญของเมือง Mannheim และของทวีปยุโรปอีกด้วย

ที่ Information Center ทำให้เราได้รู้เพิ่มเติมว่า โรงไฟฟ้า GKM เป็นโรงไฟฟ้าถ่านหิน เริ่มโครงการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1921 และเริ่มผลิตกระแสไฟฟ้าครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1923 จากนั้นก็มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในปลายปี ค.ศ. 2015 ที่ผ่านมาได้เปิดยูนิตที่ 9 ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีกำลังการผลิตกว่า 900 เมกะวัตต์ และทำการปิดยูนิตที่ 4 และ 5 ทิ้งไป ถึงแม้ว่าจะมีการปิดบางยูนิตไป แต่กำลังการผลิตรวมของ โรงไฟฟ้า GKM แห่งนี้ก็กลับสูงขึ้นเป็น 2,147 เมกะวัตต์ เลยทีเดียว
บริเวณถนนที่ตัดผ่านไปยังแม่น้ำซึ่งผ่านยูนิตที่ 9 นั้น ติดป้ายบอกตำแหน่งต่างๆ ของอาคารไว้อย่างชัดเจน รวมถึงป้ายที่บอกว่า ยูนิตที่ 9 เป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากถ่านหิน และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในโลก และนับเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ของทีมงาน เพราะถนนที่ตัดผ่านโรงไฟฟ้าบริเวณยูนิตที่ 9 นั้น มีผู้คนใช้สัญจรไปมาอยู่ตลอดเวลา
ถนนที่ตัดผ่านโรงไฟฟ้า GKM นั้น พาพวกเราไปจนถึงแม่น้ำไรน์ อย่างที่ได้ข้อมูลมาจริงๆ และยังมีบริการเรือข้ามฟากไปยังอีกฝั่งหนึ่งด้วย ยิ่งไปกว่านั้นตั๋วรถรางแบบเหมาวันที่พวกเราซื้อไว้นั้นก็สามารถใช้เป็นตั๋วเรือข้ามฟากได้ด้วยเช่นกัน พวกเราจึงชวนกันลงเรือข้ามฟากไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำไรน์ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโรงไฟฟ้า จึงได้เห็นภาพชัดๆ ว่า โรงไฟฟ้า GKM นั้นมีขนาดใหญ่มาก และทอดขนานไปกับฝั่งแม่น้ำไรน์

แม่น้ำไรน์นั้นเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่สุดของทวีปยุโรป มีความยาวกว่า 1,200 กิโลเมตร มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาแอลป์ และไหลผ่านประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรปถึง 8 ประเทศ ก่อนจะไหลลงทะเลเหนือ นับเป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งทางน้ำที่สำคัญ ระหว่างที่เรานั่งอยู่ริมฝั่ง จึงเห็นเรือขนสินค้าต่างๆ รวมถึงเรือขนถ่านหินผ่านไปมา อีกทั้งยังเห็นเรือนำเที่ยวอีกจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
บริเวณที่พวกเราข้ามฝั่งมานั้น มีลักษณะเป็นหาด มีผู้คนพากันมาทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนอนอาบแดด นอนอ่านหนังสือ หรือว่าลงเล่นน้ำ บางคนยังโบกไม้โบกมือชวนพวกเราลงเล่นน้ำด้วย พวกเรานั่งเล่นใต้พุ่มไม้ มองท้องฟ้าสดใส มีลมเย็นพัดเอื่อยๆ จึงไม่แปลกใจที่ว่าเหตุใดจึงมีคนจำนวนไม่น้อยเลือกจะมาทำกิจกรรมสันทนาการบริเวณนี้เพราะนอกจากจะเงียบสงบแล้ว ยังรู้สึกปลอดภัยอีกด้วย
พวกเรานั่งเล่นอยู่พักใหญ่ ก่อนจะข้ามฝั่งกลับมา และเดินทางไปยังอีกสถานที่หนึ่งซึ่งน่าจะเหมาะสำหรับคนชอบท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ นั่นคือ Waldpark and Reiß Island ซึ่งเป็นผืนป่าธรรมชาติขนาดใหญ่ริมแม่น้ำไรน์ โดยพื้นที่แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นป่าด้านนอก และส่วนที่เป็นเกาะ
บริเวณป่าด้านนอกนั้นมีความอุดมสมบูรณ์มาก เต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ และมีทางเดินเชื่อมถึงกัน

โดยตลอด ผู้คนพากันพาสัตว์เลี้ยงออกมาเดินเล่น วิ่งออกกำลังกาย บ้างก็มากันเป็นเป็นครอบครัว เป็นภาพความสุขแบบง่ายๆ ของคนที่นี่ นอกจากนั้นแล้วยังมีลานทำกิจกรรม และร้านอาหารไว้บริการด้วย
พวกเราชวนกันเลือกเครื่องดื่ม แล้วนั่งมองผู้คนทำกิจกรรมต่างๆ ริมแม่น้ำไรน์ ได้เห็นชีวิตสบายๆ ไม่เร่งรีบ สำหรับพวกเราแล้ว Mannheim จึงเป็นเมืองที่ดูลงตัวเรื่องคุณภาพชีวิตอย่างมาก สมกับที่ได้รับยกย่องว่าเป็น The City of Positive Economic and Innovative Environment ติดตามเรื่องราวน่าสนใจอันหลากหลายของเมือง Mannheim ได้ในรายการโลก 360 องศา คืนวันเสาร์ ททบ. 5