อัจจิมา โกสุมา ทำตามปรัชญาพอเพียง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

05 พฤศจิกายน 2559 เวลา 15:47 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/thailand/463765

อัจจิมา โกสุมา ทำตามปรัชญาพอเพียง

เรื่อง…รอนแรม / ภาพ…Peeradon Promkesa, chanwat prolracha, อินสตาแกรม aujjima_mean

สาวหน้าหวาน มีน-อัจจิมา โกสุมา นางแบบและนักแสดงอิสระ วัย 24 ปี เธอเป็นคนรุ่นใหม่ที่น้อมนำปรัชญาความพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาใช้ในการดำเนินชีวิต

มีนจบการศึกษาปริญญาตรี คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และกำลังศึกษาต่อปริญญาโท คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ด้านผังเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เธอเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ปี 2 หรือเมื่อ 4 ปีก่อน ทั้งงานเดินแบบและถ่ายโฆษณา แต่เธอได้เปิดเผยว่างานในวงการบันเทิงหรือการเดินแบบไม่ได้เป็นเรื่องจริงจังเท่าไรนักในตอนนี้ เพราะกำลังทุ่มให้กับการเรียน

“เริ่มจากมีนเป็นนางแบบให้กับพี่คณะ จากนั้นก็พูดต่อไปปากต่อปาก ทำให้พอมีงานถ่ายแบบก็จะเรียกมีนไปเรื่อยๆ แต่ที่ทำให้รู้จักจะเป็นงานถ่ายโฆษณามากกว่า เช่น โฆษณาน้ำอัดลม โลชั่นบำรุงผิว และท่าอากาศยานไทย รวมถึงมิวสิควิดีโอเพลงเหมือนใจจะขาดของนิโคล เทริโอ แต่ช่วงนี้มีนหยุดรับงานไปพักใหญ่ เพราะเรียนหนักมาก”

ทว่าระหว่างการศึกษา เธอก็กำลังอยู่ในกระบวนการเรียนการแสดง เพื่อจะเข้าไปเป็นนักแสดงของช่องฟรีทีวี ซึ่งได้วางแผนไว้ให้ทำสำเร็จพอดีกับช่วงเรียนจบมหาบัณฑิตในอีกไม่กี่เดือน

“ที่บ้านเป็นข้าราชการ ทำให้คุณแม่ปลูกฝังเรื่องทำงานข้าราชการมาตั้งแต่เด็กๆ และตอนนั้นก็คิดว่าอาชีพนักแสดงเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง มีนเลยเงียบๆ ไป แต่ก็มีงานเดินแบบ งานถ่ายโฆษณาเข้ามาตลอด เลยคิดว่าหรือตัวเองจะมาแนวนี้ ก็อยากจะลองให้เต็มที่ดูสักครั้ง” เธอกล่าวเพิ่มเติม

ติดนิสัยติดดิน

ครอบครัวของเธอมีรีสอร์ทเล็กๆ อยู่ที่เกาะพยาม จ.ระนอง ทั้งแบบโฮมสเตย์และรีสอร์ท เน้นความกลมกลืนธรรมชาติและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ปลูกต้นมะม่วงหิมพานต์ พืชเศรษฐกิจของเกาะพยาม โดยไม่แปรรูปและไม่ส่งขายออกนอกเกาะ

 

เธอเล่า “คุณทวดมีพื้นที่บนเกาะพยาม ลูกๆ หลานๆ เลยเปิดเป็นร้านอาหาร โฮมสเตย์ รีสอร์ท ซึ่งพลอยทำให้มีนชอบไปอยู่บนเกาะพยามไปด้วย โดยเฉพาะอยู่แบบโฮมสเตย์ ที่ไม่เลือกนอนรีสอร์ทหรูหราเพราะเหมือนกับนอนรีสอร์ททุกที แต่การนอนโฮมสเตย์ทำให้ได้ซึมซับบรรยากาศมากกว่า ตื่นมาเจอทะเล พระอาทิตย์ และบรรยากาศทุกอย่างล้วนเป็นกันเอง เพราะคนที่พักแบบเราก็มีเป้าหมายเดียวกัน คือต้องการความเรียบง่าย จึงทำให้ทุกอย่างดูเรียบง่ายไปหมด และเป็นการนอนที่อิงธรรมชาติจริงๆ”

เธอยังกล่าวด้วยว่า ไม่กลัวความลำบากในการนอนโฮมสเตย์ เพราะติดนิสัยติดดิน ชอบเที่ยวป่า เที่ยวเขา กับครอบครัวมาตั้งแต่เด็กแล้ว “ครอบครัวมีนไม่ค่อยชอบนอนรีสอร์ทกันสักเท่าไร อย่างไปเขาใหญ่ก็จะไม่จองบ้านพักแต่จะกางเต็นท์ มีนจะโดนให้เดินขึ้นเขา แบกของของตัวเอง ช่วยเหลือดูแลตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้โตมาก็ยังชอบเที่ยวลุยๆ แบบนี้อยู่ และยังติดนอนเต็นท์นอนโฮมสเตย์มาถึงทุกวันนี้”

 

นอกจากนี้ สถานที่โปรดของเธอต้องยกให้ ซับป่าว่าน จ.สระบุรี ในศูนย์ศึกษาธรรมชาติเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ถูกแยกออกมาให้อยู่ในความดูแลของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (สาขาสระบุรี) ศูนย์ศึกษาธรรมชาติถูกจัดสรรให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และสถานที่พักแรมสำหรับคนที่อยากจะมาพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์

“ถ้าให้เลือกทะเลกับภูเขา มีนจะเลือกภูเขา มีนชอบป่าไม้ ชอบธรรมชาติ ชอบสีเขียว ชอบการนอนเต็นท์ และชอบบรรยากาศที่ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ มีนรู้สึกว่าบรรยากาศที่สงบและเรียบร้อยเป็นบรรยากาศที่เหมาะแก่การพักผ่อนที่สุดแล้ว”

นอกจากนี้ สำหรับเธอแล้ว เธอให้ความหมายของการเดินทางว่าหมายถึง ระหว่างทาง เพราะระหว่างทางจะเป็นช่วงเก็บเกี่ยวประสบการณ์และเป็นช่วงเวลาที่จะได้เห็นชีวิตคนอื่นมากที่สุด “จุดหมายปลายทางจะแย่หรือดีก็ไม่สำคัญอะไร หากระหว่างทางเราได้เก็บเกี่ยวความทรงจำ ความสุข ความประทับใจต่างๆ ไว้แล้ว แค่นี้ก็ทำให้การเดินทางมีความหมายมาก”

ความพอเพียง

มีนได้นำแนวพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ 9 มาใช้ในชีวิตประจำวันของตน โดยเธอได้เห็นพระองค์ท่านเป็นไอดอลในการดำเนินชีวิต เธอเล่าว่า เกิดมาก็เห็นในหลวงทรงทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ประชาชนและให้ชาติไทย และรู้สึกโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยในรัชสมัยรัชกาลที่ 9

“มีนเกิดมาก็รู้สึกว่าประเทศไทยดีอยู่แล้ว มีนไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้พระองค์ทรงทำอะไรที่หนักหนาและยากลำบากขนาดไหนบ้าง ในหลวงสอนในเรื่องความพอเพียง มีนว่าความพอเพียงก็คือธรรมะ ให้คนใช้ชีวิตให้มีความสุขกับสิ่งที่มี ไม่ละโมบโลภมากกับสิ่งของนอกกาย ซึ่งมีนก็พยายามดำเนินชีวิตตามหลักของท่าน  ถามว่าเคยซื้อของราคาแพงไหม มีนเคยแน่นอน แต่ไม่ว่าอย่างไร ทุกอย่างมีนทำบนบรรทัดฐานของความพอเพียง เพราะสุดท้ายเราต้องรู้สึกเพียงพอ”

ถามเธอต่อว่า ความฝันสูงสุดในการใช้ชีวิตคืออะไร เธอตอบว่า บ้าน เธออยากมีบ้านหลังเล็กๆ ที่ทุกคนในครอบครัวอยู่แล้วสบายและมีความสุข ไม่หรูหรา ไม่ฟุ่มเฟือย แต่ต้องเป็นบ้านที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความรัก

“สุดท้ายทุกคนก็ต้องกลับมาหาความพอเพียง เพราะความพอเพียงคือวิธีหาความสุข คือหนทางที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขอย่างยั่งยืน”

โลกของมีน

ถ้ามีโลกของตัวเองหนึ่งใบ มีนอยากให้โลกใบนั้นเป็นโลกที่ปราศจากความรุนแรง เธออธิบายว่า อยากให้โลกในฝันเป็นเหมือนโลกใบนี้ที่มีทั้งความสุขและความทุกข์ แต่โลกของเธอจะต้องปราศจากความรุนแรง การประหัตประหารและการคิดร้ายต่อกัน

“ในหลวงรับสั่งว่า อยากให้คนไทยรักกัน นี่คือประเด็นสำคัญที่สุดของการอยู่ร่วมกันในชาติ เมื่อประชาชนรักและสามัคคีกันแล้ว มีนว่า ไม่ว่าอย่างไรโลกใบนั้นก็จะเป็นโลกที่มีความสุขและน่าอิจฉาที่สุด ถ้าโลกของเรามีสันติสุข แค่นี้ก็ทำให้โลกน่าอยู่แล้ว” เธอกล่าวทิ้งท้าย

ติดตามชีวิตของเธอได้ทางอินสตาแกรม aujjima_mean

 

Leave a comment