ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
06 ธันวาคม 2559 เวลา 11:14 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/life/health/468807

โดย…บีเซลบับ ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์
อาการคันหูเกิดขึ้นได้บ่อยและกับทุกคน บางคนเป็นๆ หายๆ บางคนนานๆ เป็นที แต่เป็นทีไรคันมากจนถึงขั้นนอนหลับไม่ได้ คันมากแบบไม่ต้องนอนอย่างนี้ ต้องมาพบแพทย์ แพทย์จะทำการสาธยายให้ฟังอย่างใจดีว่า คันหูคืออะไร เป็นได้อย่างไร และจะแก้อย่างไร ปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อคันหู อะแฮ่ม!
อาการคันหูยิกๆ ยักๆ ส่วนใหญ่เกิดจากการคันในรูหูชั้นนอก ซึ่งเป็นส่วนที่มีต่อมสร้างไขมัน เหงื่อ และขี้หู โดยในผู้ใหญ่รูหูจะมีความยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร คดเป็นรูปตัว S เล็กน้อย มิได้เป็นท่อตรงๆ แบบทรงกระบอก ถ้าเราแบ่งความยาวรูหูออกเป็น 3 ส่วน ส่วนด้านนอก 2 ใน 3 จะเป็นส่วนที่เกิดการคัน ส่วนด้านในลึก 1 ใน 3 จะเป็นส่วนที่มีผิวหนังบางมากติดกระดูก และไวต่อความเจ็บปวดมากกว่าการคัน
ดังนั้น จะพบว่าเมื่อเราเอาไม้พันสำลีหรือไม้แคะหูแยงเข้าไปลึกถึงด้านในจะรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นทันที ซึ่งก็หมายถึงกลไกทางธรรมชาติที่สำคัญที่เตือนให้ระวัง เพราะถ้าลึกเข้าไปอีกเพียงเล็กน้อย ก็จะเป็นส่วนของแก้วหู มีลักษณะเป็นเนื้อเยื่อที่บางมาก ความหนาเท่ากระดาษใส ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่แก้วหูจะแตกหรือแก้วหูทะลุ
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการคันหูส่วนใหญ่จะเป็นการระคายเคือง การอักเสบแบบอ่อนๆ หรือเกิดขึ้นจากความชื้นแฉะ เช่น น้ำเข้าหูหลังสระผม ขี้หูที่มีสภาพเปียกแฉะในบางคน การระคายเคืองจากยาสระผม ความมันจากไขมันในผิวหนังของผู้สูงอายุที่มากกว่าปกติ ฯลฯ รวมทั้งนิสัยชอบใช้ไม้พันสำลีหรือไม้ปั่นหูเข้าไปปั่นในรูหูเป็นประจำ
บางคนมีนิสัยชอบความรู้สึกจั๊กจี้และชอบความมันเวลาปั่นหู ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่ไม่อาจหักห้ามใจได้ การกระทำเช่นนี้เมื่อทำเป็นเวลานานๆ หรือเมื่อติดเป็นนิสัย เมื่อเห็นไม้พันสำลีหรือไม้ปั่นหูเป็นไม่ได้ จะเกิดความรู้สึกคันยิบๆ ในหูขึ้นมาทันที จนต้องเอาไม้พันสำลีเข้าไปปั่นหูของตัวเอง อย่างนี้ก็มีหลายคน
ส่วนสาเหตุอื่นๆ ที่อาจพบได้ เช่น การติดเชื้อราในช่องหู การเป็นหูน้ำหนวก มีน้ำหนองในหูการเป็นโรคภูมิแพ้ มีผิวหนังอักเสบในหู และการมีแมลงตัวเล็กๆ หรือเห็บเข้าไปอยู่ในช่องหูทั้งหมดนี้อาจเป็นสาเหตุความคันได้ทั้งสิ้น
สำหรับการดูแลรักษาและการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอาการคันหู สามารถดูแลรักษาเบื้องต้นตามอาการได้ดังต่อไปนี้
1.ถ้าเป็นการคันแบบนานๆ ครั้ง แนะนำว่าควรจะใช้วิธีการกดขยี้บริเวณติ่งกระดูกอ่อนหน้าหู จะดีกว่าการใช้ไม้พันสำลีหรือไม้แคะหูเข้าไปปั่นในรูหู เพราะการปั่นหูนอกจากจะก่อให้เกิดการติดเป็นนิสัยแล้ว วันดีคืนร้ายหากเผลอปั่นแรงเกินไป จะก่อให้เกิดแผลถลอก และมีการอักเสบติดเชื้อขึ้นได้ เมื่อถึงเวลานั้นผู้ป่วยจะเกิดอาการปวดหูซึ่งทรมานกว่าคันหู
2.พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองรูหูภายใน
3.เวลาอาบน้ำสระผม ระวังมิให้น้ำเข้าหู อาจใช้วิธีนำสำลีหรือฟองน้ำอุดหูกันน้ำเข้า
4.ไม่ควรใช้ไม้สำลีปั่นหูทุกครั้งที่อาบน้ำหรือสระผมเสร็จ (บางคนทำทุกครั้งหลังอาบน้ำ ขอความกรุณาเลิก!)
5.ถ้ารำคาญน้ำที่ขังอยู่ในช่องหูเมื่ออาบน้ำเสร็จ ให้ใช้วิธีเอียงและตะแคงศีรษะเพียงเล็กน้อย น้ำก็จะสามารถไหลออกมาได้เอง เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับความเคยชิน หัดตัวเองเสียใหม่ก็จะเลิกปั่นหูได้ บางคนไม่ทำอะไรเลย แต่ก็พบว่าในระยะเวลาไม่นานน้ำที่ขังอยู่จะระเหยหายไปเองในที่สุด
6.ถ้าเป็นการคันหูเรื้อรัง เป็นทุกวันและคันมาก ขั้นตอนแรกอาจพิจารณาก่อนว่า เราติดนิสัยการปั่นหูหรือไม่ ให้พยายามหยุดการปั่นหูทันที เรื่องแบบนี้เหมือนการติดบุหรี่ ให้ใช้วิธีหักดิบไปเลยจะดีกว่า
7.เก็บไม้พันสำลีหรือไม้แคะหูให้พ้นไม้พ้นมือ (หรือทิ้งไปเลยก็ดี) ยากแก่การหยิบจับ
8.ถ้าคันมากจนทนไม่ไหว ก็มาพบแพทย์ แผนกโสต ศอ นาสิก แพทย์จะทำการตรวจหาสาเหตุและทำการรักษาตามสาเหตุ รักษาหายแล้วคราวนี้จะต้องยับยั้งชั่งใจ อย่าหาเรื่องคันหรือปั่นหูอีก &O5532;
ขอบคุณข้อมูล : โรงพยาบาลกลาง