โลกกลับหัวของผู้ชายบ้าพลัง ศิษฎา ศิริพงษาโรจน์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

25 มีนาคม 2560 เวลา 10:34 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/486883

โลกกลับหัวของผู้ชายบ้าพลัง ศิษฎา ศิริพงษาโรจน์

โดย…รอนแรม ภาพ : ศิษฎา ศิริพงษาโรจน์

 หนุ่มกระบี่เสพติดการปีนเขา จนต้องพาตัวเองไปอยู่ท่ามกลางภูเขาในญี่ปุ่น

เขาคือ กอล์ฟ-ศิษฎา ศิริพงษาโรจน์ ผู้พิชิตฟูกุชิมะได้สำเร็จและค้นพบว่า การปีนเขาที่ญี่ปุ่นไม่ใช่แค่เดินตามทาง แต่ต้องปีนป่ายพาตัวและหัวใจขึ้นไปด้วย

“กอล์ฟชอบธรรมชาติ” เขาจึงเลือกไปเรียนต่อปริญญาโทที่เกียวโต

“เลือกเมืองเกียวโตแทนที่จะเป็นโตเกียว เพราะกอล์ฟอยากปีนเขา ที่นี่มีภูเขาเยอะ ธรรมชาติเยอะ เวลาวันหยุดกอล์ฟจะได้ไปปีนเขาได้ ซึ่งภูเขาที่นี่พอขึ้นไปแล้วจะเห็นวิวทั้งเมือง ปีนไม่ยาก ส่วนใหญ่เรียกว่าเนินมากกว่า ใช้เวลาปีนไม่ถึงสองชั่วโมง แต่ที่ท้าทายจะเป็นยอดยูฟูอินที่ใช้เวลาปีนประมาณสี่ถึงห้าชั่วโมง”

เขาเล่าด้วยว่า การปีนเขาที่เมืองไทยกับญี่ปุ่นต่างกันโดยสิ้นเชิง อย่างเรื่องเสื้อผ้าที่ต้องซื้อใหม่หมด เพราะต้องใช้เสื้อผ้าที่รักษาอุณหภูมิของร่างกาย และรองเท้าต้องทนกับสภาพดินหลายแบบทั้งหิน โคลน และหิมะ โดยเขาจะใช้เวลาอยู่ที่ญี่ปุ่นนาน 2 ปี ซึ่งตอนนี้ผ่านไปไม่ถึง 1 ปี เขาปีนไปแล้ว 16 ลูก

“กอล์ฟเป็นคนชอบจับโปเกมอน ตอนปีนเขาก็จะจับไปด้วย” เขาเล่าประสบการณ์ล่าสุด

“แล้วเพราะมัวแต่ห่วงโปเกมอนเลยเดินสะดุด มือถือตกไปในเหว กอล์ฟเลยปีนลงไปเก็บซึ่งก็ไม่ยากอะไร แต่พอเก็บเสร็จแล้วกอล์ฟตัดสินใจเดินทางนั้นต่อ แทนที่จะขึ้นไปทางเดิม แล้วหลังจากนั้นเรื่องก็ยากทันที เพราะเจอทั้งต้นไม้ล้ม ทางเดินลำบากมากๆ ต้องสไลด์ลง เดินลงไม่ได้ เพราะดินมันร่วน มีช่วงที่ต้องผูกเชือกโรยตัวลงมา พอลงมาถึงก็ต้องโบกรถ ตอนนั้นมือถือก็แบตหมดไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหน

“คือจากที่ต้องเดินลงแค่สองชั่วโมง แต่วันนั้นเดินไปห้าชั่วโมง แล้วปกติกอล์ฟจะเดินกับเพื่อนอีกสองสามคน แต่ครั้งนั้นกอล์ฟไปคนเดียว คือทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมกันมากๆ ซึ่งเป็นประสบการณ์เฉียดตายที่สุดแล้ว ตั้งแต่ปีนมาเป็นสิบปี นักปีนเขาจึงจำเป็นอย่างมากที่ต้องพกอุปกรณ์ที่จำเป็นเพื่อใช้ในยามคับขัน”

อุปกรณ์ที่เขาต้องแบกขึ้นบ่าอย่างขาดไม่ได้คือ ข้าวปั้นสำหรับเติมพลัง เสื้อสำหรับเปลี่ยนเพื่อคงอุณหภูมิร่างกาย และผ้าขนหนูสำหรับแช่ออนเซนบนภูเขา ซึ่งกอล์ฟปีนเขาเดือนละ 2-3 ครั้ง และเคยพิชิตยอดเขาคูจู (Kuju-san) ที่สูงสุด 2,002 ม. มาแล้ว

“ทุกครั้งที่ปีนมันเหนื่อยทุกครั้ง แต่ทำไมกอล์ฟเดินต่อ เป็นเพราะกอล์ฟมีจุดหมายที่ยอดเขาข้างบน และทุกครั้งที่ไปถึงยอด ความรู้สึกจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เพราะวิวสวยมาก เขาทุกลูกมีวิวที่สวยงามทุกลูก ซึ่งไม่ใช่แค่ญี่ปุ่น ที่เมืองไทยก็สวยอย่างบนเชียงดาว ดอยอินทนนท์ หรือไร่เลย์ก็สวยมากๆ นอกจากนี้กอล์ฟยังเคยไปปีนเขาที่อินเดีย ฮาวาย นิวซีแลนด์ และออสเตรเลียด้วย”

เอกลักษณ์ในอินสตาแกรมเขานำเสนอโลกกลับหัว (@golfsissada-Upside down, all-around) คือจะไปตีลังกาบนยอดเขาแบบทั้งแสบทั้งฮาและน่าทึ่ง ซึ่งความฝันอันสูงสุดของนักปีนเขาอย่างกอล์ฟมีอย่างเดียวคือ พิชิตเอเวอร์เรสต์ ซึ่งแม้ว่าจะอันตราย แต่ความท้าทายกลับเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากกว่าความน่ากลัว

“คิดไว้ว่าภายในห้าปีข้างหน้ากอล์ฟจะไปปีนเอเวอเรสต์ให้ได้” เขากล่าวต่อ

“แต่สำหรับอนาคตอันใกล้นี้พอเรียนจบ ป.โท จบ กอล์ฟอยากเปิดโฮสเทลเล็กๆ ที่กระบี่ และอยากเปิดเอเยนซีเอ็กซ์ตรีมทัวร์ โดดร่ม ปีนเขา บอร์ดดิ้ง ทุกอย่างที่เป็นกีฬาเอ็กซ์ตรีมกอล์ฟอยากพาคนไปสัมผัส เหมือนกับไลฟ์สไตล์ตัวเองที่เคยทำมาแล้วทุกอย่างจนเจ็บตัวมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังชอบอยู่ดี”

 ตั้งแต่จำความได้เขาชอบความท้าทายมาตั้งแต่เด็ก จนถึงตอนนี้ตลอดอายุ 26 ปี กอล์ฟค้นพบตัวเองจากความเสี่ยงและความมันส์เหล่านั้น

เขากล่าวว่า นอกจากจะได้ประสบการณ์ ความท้าทายยังทำให้เห็นตัวเองมากขึ้น ได้รู้ว่าขีดจำกัดอยู่จุดไหน หรือความมุ่งมั่นของตนมีมากน้อยอย่างไร เพราะความท้าทายคือการทดสอบตัวเองว่า เมื่ออยู่ในสถานการณ์วิกฤตจะสามารถแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ และสิ่งสำคัญที่สุดคือ การรู้ตนและไม่ประมาท

“เราต้องมีสติตลอดเวลาเพราะการพลาดเพียงก้าวเดียว ชีวิตอาจเดินต่อไม่ได้อีกเลย” กอล์ฟกล่าวทิ้งท้าย

ติดตามโลกกลับหัวในแบบฉบับของกอล์ฟหรือขอคำแนะนำเกี่ยวกับการปีนเขาได้ที่อินสตาแกรม golfsissada และเฟซบุ๊ก Sissada Siripongsaroj

 

Leave a comment