‘หนีกรุง คนปรุงฝัน’ ความผูกพันสองนักเดินทาง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

06 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 08:55 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/life/life/414535

‘หนีกรุง คนปรุงฝัน’ ความผูกพันสองนักเดินทาง

โดย…อธิปัตย์ ยศรุ่งเรือง

ไม่น่าเชื่อว่าจากงานเขียนเล็กๆ ชิ้นหนึ่งในเว็บบล็อกเมื่อ 8 ปีที่แล้วจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้เด็กหนุ่มได้มารู้จักกับยอดนักครีเอทีฟมากด้วยประสบการณ์อย่าง รัฐรงค์ ศรีเลิศบรรณาธิการนิตยสาร “หนีกรุง ไปปรุงฝัน” ผู้สร้างตำนานความยิ่งใหญ่ให้วงการโฆษณาของเมืองไทยสามารถก้าวขึ้นไปคว้ารางวัลในเวทีโฆษณาระดับโลกมาแล้ว จากแคมเปญ “Unseen in Thailand”

สายลมแห่งโชคชะตาไม่เพียงแต่พัดพาให้งานเขียนในวันนั้นของ กอล์ฟ-ชนัตพล หวังเพิ่ม เป็นที่ดึงดูดให้รู้จักกับ บก.นกเขา แต่ยังทำให้ทั้งสองคนได้มีโอกาสทำงานนิตยสารร่วมกัน ตลอดระยะเวลากว่า 6 ปี ที่ร่วมกันเก็บเกี่ยวเรื่องราวการเดินทาง เพื่อถ่ายทอดความงดงามจากการท่องเที่ยว ผ่านมุมมองในแบบคนครีเอทีฟ จนปัจจุบัน “หนีกรุง” เติบโตและกลายเป็นนิตยสารที่อยู่ในใจของใครหลายคน

 

รัฐรงค์ ศรีเลิศ ‘โลกของครีเอทีฟมันเลยจูนเข้าหากัน’

“ผมรู้จักกับกอล์ฟจากงานเขียนของเขาในบล็อก ต้องขอย้อนกลับไปสมัยที่หนีกรุงยังเป็นนิตยสารแจกฟรีอยู่ เมื่อประมาณ 6-7 ปีก่อน ตอนนั้นเราจะมีคอลัมน์หนึ่งซึ่งจะเปิดโอกาสให้แฟนคลับร่วมเดินทางไปทำกิจกรรมกับเราตามสถานที่ต่างๆ จากนั้นจะให้พวกเขาเขียนเรื่องราวความประทับใจลงในบล็อก ซึ่งเราจะคัดเอางานเขียนที่เด็ดๆ จากในบล็อกตรงนี้มาลงในคอลัมน์ด้วย และกอล์ฟก็เป็นหนึ่งในผู้โชคดีที่ร่วมเดินทางไปกับหนีกรุง ซึ่งตอนนั้นเขายังเป็นนักศึกษาอยู่

…แต่วันนั้นปรากฏว่าสิ่งที่กอล์ฟเขียนมา ผมอ่านแล้วรู้สึกว่าอันนี้แหละ…มันใช่! เขียนดีถึงขนาดที่ว่า ในคอลัมน์นี้ผมตัดสินใจเอางานเขียนของทีมงานหนีกรุงออกกันหมดทุกคนแล้วเอางานของกอล์ฟมาใส่ลงในคอลัมน์แทน หลังจากนั้นก็มีการติดต่อพูดคุยกันเรื่อยมา จนกระทั่งหลังจากเรียนจบก็ได้ชวนให้มาทำหนีกรุงด้วยกัน งานเขียนวันนั้นก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรารู้จักกัน

…สิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจในตัวกอล์ฟคือ เขาเป็นคนที่เข้าใจงานตามที่ผมต้องการ คืออย่างงานเขียนและภาพถ่าย ผมไม่ได้ตีกรอบไว้ว่าต้องเขียนหรือถ่ายภาพออกมาแบบนั้นแบบนี้ ทุกคนต่างมีลายเซ็นในงานพวกนี้เป็นของตัวเองผมมีหน้าที่แค่ใส่วิธีคิดเข้าไป ซึ่งกอล์ฟเป็นคนที่เรียนรู้ได้เร็วและมีความเข้าใจกับงานตรงนี้ได้ดีมาก หรือพูดง่ายๆ ว่าเขารู้ใจผม”

แม้ตอนนี้ กอล์ฟ ชนัตพล จะวางมือจากการเป็นนักเขียนและช่างภาพประจำกองบรรณาธิการหนีกรุงไปแล้ว แต่ความผูกพันของทั้งสองคนก็ยังเปี่ยมล้นเหมือนเดิม

“หลังจากที่กอล์ฟลาออกไปยอมรับว่าเหนื่อยมากขึ้นอย่างในบางคอลัมน์ผมจะมองออกเลยว่ากอล์ฟต้องเป็นคนเขียนคอลัมน์นี้เท่านั้น ถ้าให้คนอื่นมาทำ คงทำได้ไม่ดีผมเลยต้องลงมาทำคอลัมน์ด้วยตัวเอง แต่มาถึงตรงนี้ผมมองว่ามันเป็นเรื่องของช่วงจังหวะชีวิตมากกว่า กอล์ฟตอนนี้ก็เหมือนไวน์ที่กำลังเพาะบ่มอยู่ ค่อยๆ เดินและค้นหาตัวเองไปทีละก้าว รอเวลาที่มันพอดี ซึ่งกอล์ฟก็เป็นคนที่มีของอยู่แล้ว ต่อให้ไปอยู่ที่ไหนเขาก็สามารถไปได้ไกลขึ้นอีกแน่นอน เพราะในโลกของคนสร้างงานแบบครีเอทีฟ มันจะมีเส้นแนวคิดบางอย่างที่เชื่อมเราให้เข้าหากันผมจึงเชื่อมาเสมอว่าสักวันเราสองคนคงต้องมีโอกาสได้ร่วมสร้างงานอะไรบางอย่างด้วยกันอีกแน่นอน”

 

ชนัตพล หวังเพิ่ม ‘พี่นกเป็นเจ้านายผมแค่คนเดียว’

“สิ่งที่ผมประทับใจในตัวพี่นกเขาคือ พี่นกเขาแกมักจะทำให้เราเห็นถึงความทุ่มเทและตั้งใจกับงาน อย่างตอนไปออกกองที่น้ำตกเซปะหละ จ.ตาก เป็นน้ำตกที่หลบซ่อนอยู่กลางป่าใต้หุบเขา ซึ่งไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่ในการเข้าไปชมความงดงามมันต้องเดินฝ่าทุ่งข้าวโพดเข้าไป ซึ่งก็ค่อนข้างจะทุลักทุเลพอสมควร พอถึงตัวน้ำตกพี่นกเขาก็ปีนขึ้นไปตามแนวหน้าผาเพื่อไปเก็บภาพน้ำตก เราเลยคิดว่าคนที่เป็นถึงระดับเป็นถึงขนาดเจ้านายเป็น บก. บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องลงมาลำบากถึงขนาดนี้ก็ได้เพราะสุขภาพร่างกายก็ไม่ค่อยดี ทุกครั้งที่ต้องลุยป่าผมมักจะคอยเดินตามเพื่อดูแลพี่นกเขาอยู่ตลอด

…ผมบอกกับตัวเองเสมอว่า ตลอดชีวิตของผมจะมีพี่นกเขาเป็นเจ้านายแค่คนเดียว เพราะความผูกพันที่ผมมีต่อพี่นกเขา ไม่ใช่แค่ในฐานะหัวหน้ากับลูกน้อง หรือเพื่อนร่วมงานเท่านั้น แต่พี่นกเขาเป็นได้ทั้งพ่อ พี่ชาย เพื่อน ครู ซึ่งเกินกว่า 50% ของชีวิตผมก็มีพี่นกเขาคอยสั่งสอนและให้วิธีคิด รวมถึงให้โอกาสในการทำงาน ตอนนี้ถึงเราจะไม่ค่อยมีโอกาสได้พูดคุยกันบ่อยเท่าเดิม แต่เมื่อโลกเตะให้เรากลับมาเจอกัน ความรู้สึกที่มีต่อพี่ชายคนนี้ก็ยังเหมือนเดิม

…หลังจากที่ผมตัดสินใจลาออกจากการเป็นนักเขียน-ช่างภาพประจำกองบรรณาธิการ เมื่อปลายปี 2558 ตอนนี้ผ่านมาเกือบ 1 เดือนแล้ว ทำให้ผมได้ใช้จังหวะพักเบรกของชีวิตตรงนี้ค้นหาตัวเอง และตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขกับการให้ ผมมีความสุขกับการได้ถ่ายทอดความรู้ วิธีคิด หรือมุมมองในการถ่ายภาพให้กับนักศึกษาตามมหาวิทยาลัย หรือตามงานเสวนาบรรยายต่างๆ ซึ่งผมก็เป็นวิทยากรพิเศษให้กับมหาวิทยาลัยกรุงเทพมาได้พักหนึ่งแล้ว และล่าสุดก็ได้มีโอกาสเป็นวิทยากรรับเชิญในงานบรรยายนิทรรศการภาพถ่าย ‘แสงศิลป์ ถิ่นเรา ครั้งที่ 8’ ที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์จ.นครศรีธรรมราช โดยใช้แนวคิดและประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาจากในนิตยสารหนีกรุง

ในอนาคตมีแผนจะทำฟาร์มที่เชียงใหม่ ผมพอมีที่ดินส่วนหนึ่งอยู่ตรงนั้น ก็เลยคิดอยากจะลองทำดู คงเป็นเพราะเราได้รับอิทธิพลความคิดมาจากหนีกรุง เลยทำให้ต้องหนีไปปรุงฝันบางส่วนของตัวเองที่เชียงใหม่”

 

Leave a comment