ศิริรัตน์ ศิริวรรณ กับวิถีแห่ง ‘โค้ชชิ่ง’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

09 เมษายน 2559 เวลา 08:27 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/life/life/425876

ศิริรัตน์ ศิริวรรณ กับวิถีแห่ง ‘โค้ชชิ่ง’

โดย…พีรดา ปราศรีวงค์ ภาพ… กิจจา อภิชนรจเรข

โค้ชชิ่งเปรียบเสมือนกระจกเงาสะท้อนภาพความรู้สึก นึกคิด ความคิดเห็นของผู้ที่เปิดรับการเข้าโปรแกรมในแต่ละหลักสูตร ผ่านการกระตุ้น การตั้งคำถามให้คิดโดยตัวโค้ชชี่ต้องเป็นผู้ดึงความคิดของตัวเองการวางกลยุทธ์และแนวทางการปฏิบัติตัวด้วยตัวเอง เพื่อปลุกศักยภาพของตัวเองออกมาใช้ได้อย่างมีระบบ” ศิริรัตน์ ศิริวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บี วินนิ่ง เทรน แอนด์ โค้ช หรือโค้ชบี สะท้อนภาพอาชีพโค้ชชิ่ง

โค้ชชิ่ง คือ ผู้ทำหน้าที่วิทยากรด้านการพัฒนาความเป็นผู้นำองค์กร ถ่ายทอดกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบให้กับผู้ที่สนใจเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเองในทิศทางที่ดีขึ้น

ศิริรัตน์ เล่าว่า ตั้งแต่ปี 2556 ที่ผ่านมา นวัตกรรมการโค้ช สร้างกระแสให้กับผู้บริหารคนไทยทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่สนใจส่งผู้บริหารเข้าสู่กระบวนการเพิ่มทักษะในหลักสูตรต่างๆ เช่น ความเป็นผู้นำ การสื่อสาร ฯลฯ โดยการกระตุ้นทางความคิด อารมณ์ ทักษะการเรียนรู้ พร้อมปลดปล่อยพลังความคิดและดึงศักยภาพของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมาถึงพนักงานทุกระดับขององค์กร เพื่อเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรทั้งองค์กรภาครัฐและหน่วยงานเอกชนในการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)

ทั้งนี้ บุคลากรที่มีความพร้อมด้านความคิด สติปัญญา จะช่วยเสริมจุดแข็งและสร้างความได้เปรียบในทางธุรกิจ ทำให้ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจการโค้ชเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งความต้องการ (ดีมานด์) ใช้บริการของผู้เข้ารับการอบรม (โค้ชชี่) และผู้ที่ต้องการ (ซัพพลาย) ประกอบอาชีพโค้ชชิ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว

ขณะที่แนวทางการประกอบอาชีพโค้ชชิ่ง ปัจจุบันคนไทยได้รวมตัวกันจัดตั้งหลักสูตรขึ้นมาเอง โดยไม่อิงกับใบรับรองของสหพันธ์ โค้ชนานาชาติ ทำให้การเรียนเข้าสู่อาชีพโค้ชง่ายต่อการเข้าถึง และมีราคาถูกกว่าการเรียนจากสหพันธ์ฯ ราคาการเข้าฝึกหลักสูตรถูกกว่า 50% จึงเป็นช่องทางให้ธุรกิจการโค้ชเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนจะได้คุณภาพตามหลักมาตรฐานสากลหรือไม่นั้น คุณภาพและประสิทธิภาพของโค้ชชี่จะเป็นตัวตัดสิน

นอกจากนี้ การเป็นโค้ชต้องป้อนคำถามที่อยากรู้อยากเห็นมากกว่า ตัดสินหรือตั้งธงให้กับโค้ชชี่ปฏิบัติตาม โดยไม่มีอคติ มีจิตใจที่บริสุทธิ์ หวังดี และเก็บข้อมูลความลับให้กับโค้ชชี่ ส่วนแนวทางการระบายความเครียดของผู้ที่เป็นโค้ชนั้น ส่วนตัวจะไม่นำความทุกข์มาแบกไว้ แต่มุ่งการเจริญสติเดินจงกรม เพื่อผ่อนคลาย

 

“การเป็นโค้ชที่ดีนั้นต้องเป็นพี่เลี้ยงเป็นแม่แบบให้กับตัวโค้ชชี่ แต่ต้องไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางว่าผู้ที่เข้าหลักสูตรต้องทำตามคำแนะนำ แต่จะรับฟังอย่างไม่มีอคติ โดยตัวโค้ชชิ่งจะแตกต่างจากจิตแพทย์ที่ทำหน้าที่เจาะลึกถึงปมอดีต วินิจฉัยปมที่เป็นเหตุแห่งทุกข์ แต่การโค้ชคือการกระตุ้นสมอง ความคิด การค้นหาตัวตนที่ซ่อนอยู่ เพื่อดึงออกมาใช้พัฒนาตัวเอง” ศิริรัตน์ กล่าว

สำหรับผู้ที่เข้าสู่กระบวนการโค้ชต้องเปิดใจ กระหายที่จะพัฒนาตัวเองให้มีความรู้ ความคิด อารมณ์ การสื่อสาร เพราะกระบวนการโค้ชจะแตกต่างจากการเข้าสู่หลักสูตรการอบรมทั่วไปที่มีระยะเวลาการรับฟังสั้น ขณะที่การโค้ชมีระยะเวลาอย่างน้อย 5-6 เดือน มีระยะเวลาการวางแผนให้กับตัวเองพร้อมให้เวลาการปฏิบัติที่สามารถดำเนินการได้จริง

โค้ชบี บอกว่า โดยส่วนตัวแล้วไม่กลัวที่จะเกิดการแข่งขันในธุรกิจนี้ เพราะตัวโค้ชชี่เป็นคำตอบที่ดีให้กับผลงานของโค้ชชิ่ง ซึ่งที่ผ่านมาธุรกิจเติบโตขึ้นทุกปีเพราะมีการบอกต่อแบบปากต่อปาก เช่นลูกค้ารายหนึ่งได้โปรโมทให้เป็นผู้บริหาร แต่พื้นฐานเป็นผู้ที่โกรธง่ายไม่สามารถควบคุมอารมณ์ความโกรธได้ เมื่อเข้าสู่หลักสูตรการโค้ช สติและวิธีการควบคุมความโกรธได้เป็นอย่างดี รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ดี ส่งผลให้การพัฒนาบุคลิกภาพ สมอง ความคิด อารมณ์ถูกพัฒนาอย่างมีขั้นตอน

ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มองค์กรกว่า 95% อีก 5% เป็นลูกค้าที่ต้องการพัฒนาตัวเอง รวมถึงการเขียนหนังสือบอกเล่าเรื่องราววิธีการโค้ชที่ถูกต้อง ถือเป็นช่องทางการโฆษณาประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับบริษัทเป็นอย่างดีการสร้างหลักสูตรที่มีความยืดหยุ่นให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า

“การเปิดเออีซีปลายปีนี้จะเป็นโอกาสให้ตลาดเติบโตเพิ่มขึ้น ในส่วนของลูกค้าและการแลกเปลี่ยนโค้ชชี่ในกลุ่มอาเซียน ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลพร้อมประสานความร่วมมือกับโค้ชชาติอื่น ซึ่งมองว่าไทยสามารถเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) ในอาเซียนได้” โค้ชบี กล่าวทิ้งท้าย

 

Leave a comment