ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
10 เมษายน 2559 เวลา 11:49 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/life/life/426012

โดย…เพ็ญแข สร้อยทอง ภาพ … เอพี
เราได้สูญเสียหนึ่งในนักเขียนและนักร้องผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล หัวใจของเขาอ่อนโยนมากพอกับเพลงรักของเขา ฉันรักเขาเหมือนเป็นพี่ชาย หลับให้สบายนะเมิร์ล …
ดอลลี พาร์ตัน ศิลปินเพลงคันทรี่หญิงชื่อดังบอกเล่าความรู้สึกของเธอ เมื่อทราบข่าวการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ “เมิร์ล แฮ็กการ์ด” ด้วยอาการโรคปอดบวมที่บ้านพักในแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ซึ่งเป็นวันเกิดครบรอบปีที่ 79 ของ เมิร์ล ขณะที่รุ่นพี่อย่าง วิลลี เนลสัน เผยความอาลัยผ่านถ้อยคำบนเฟซบุ๊ก “เขาเป็นน้องชายและเพื่อน ผมจะคิดถึงเขา”
เมิร์ล แฮ็กการ์ด เป็นตำนานแห่งวงการเพลงคันทรี่ ผู้เป็น “เอาต์ลอว์” ทั้งในบทเพลงและชีวิตจริง เขาผู้เป็น “กระบอกเสียง” และ “ฮีโร่” ของผู้คนเดินดินธรรมดา เขาโลดแล่นในวงการมานานกว่า 6 ทศวรรษ เป็นเจ้าของผลงานมากกว่า 30 เพลง ซึ่งขึ้นอันดับสูงสุดในชาร์ตเพลงคันทรี่
ใน 79 ปีของชีวิต เมิร์ล แฮ็กการ์ด แต่งงาน 5 ครั้ง เขามีลูกกับภรรยาคนสุดท้าย 2 คน ลูกชายคนเล็กคือ เบน แฮ็กการ์ด วัย 23 ปี ผู้เป็นนักดนตรีตามรอยผู้เป็นพ่อ หลังการลาจาก เบน เขียนบนเฟซบุ๊กว่า เมื่อสัปดาห์ก่อน เมิร์ล คาดการณ์ล่วงหน้าว่า เขาจะเสียชีวิตในวันเกิด ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น “พ่อได้ใช้ลมหายใจสุดท้ายโดยแวดล้อมด้วยคนในครอบครัวและเพื่อน”
ดาวแห่งดนตรีคันทรี่แหกคอก
ครอบครัวของ เมิร์ล แฮ็กการ์ด มาจากโอคลาโฮมา แต่ตัวเขานั้นเกิด (6 เม.ย. 1937) และเติบโตที่แคลิฟอร์เนีย หลังพ่อจากไปก่อนวัยอันควร ชีวิตของ เมิร์ล ก็ต้องดิ้นรนลำบาก ตอนเป็นวัยรุ่นเคยต้องโทษข้อหาลักทรัพย์และทำสุราเถื่อน ระหว่างนั้นเขาได้ชมการแสดงของ จอห์นนี่ แคช ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้เขาหันมาเอาดีทางด้านดนตรี เพลงคันทรี่ของเขาได้รับอิทธิพลจากดนตรีบลูส์ เขาสร้างทางของตัวเองก่อนจะกลายมาเป็นผู้นำแห่งเบเคอร์สฟิลด์ ซาวด์ หรือฮาร์ดคอร์ คันทรี่ ซึ่งนำเสียงกีตาร์ไฟฟ้ามาผสมรวมกับการเรียบเรียงเครื่องสายตามสไตล์แนชวิลล์
เมิร์ล เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจาก Okie from Muskogee งานฮิตในปี 1969 เพลงบอกเล่าถึงความภูมิใจในชาติและสงครามต่อต้านคอมมิวนิสต์ในเวียดนาม ซึ่งส่งให้เขากลายมาเป็นขวัญใจของหนุ่มสาวในยุคนั้น เมิร์ล กลายมาเป็นหนึ่งในดาวแห่งเอาต์ลอว์ คันทรี่ ตามหลังรุ่นพี่ผู้กรุยทางและเพื่อนๆ ร่วมอุดมการณ์ เช่น จอห์นนี่ แคช, เวย์ลอน เจนนิ่งส์, วิลลี่ เนลสัน, คริส คริสทอฟเฟอร์สัน, แฮงค์ วิลเลียมส์ จูเนียร์ เป็นต้น
เอาต์ลอว์ คันทรี่ เป็นเทรนด์ในทศวรรษ 1970 เมื่อเหล่าฮาร์ดคอร์ คันทรี่ได้ปรับซาวด์ของงานให้นุ่มขึ้นอีกหน่อย เดินห่างจากรากฮองกี้ทองค์อันเก่าแก่ ทั้งยังมีลักษณะของความเป็นนักเล่าเรื่องผ่านเนื้อหาเหมือนนักแต่งเพลงโฟล์ค พวกเขาได้แหกกฎของเมืองหลวงของดนตรีคันทรี่ ไม่ไยดีกับซาวด์แนชวิลล์ที่เน้นไปทางป๊อป คันทรี่แหวกแนวของพวกเขามีร็อกแอนด์โรลล์ โฟล์ค และบลูส์เป็นอิทธิพล ทั้งยังพัฒนาหนทางในการแสดงที่ไม่ซ้ำใครอย่างท้าทาย เอาต์์ลอว์ คันทรี่ได้รับความนิยมจนปลายทศวรรษ 1970 จึงได้พัฒนาปรับเปลี่ยนไป
สำหรับ เมิร์ล แฮ็กการ์ด เขายังคงทำงานต่อมา และประสบความสำเร็จมาเรื่อยจนถึงยุค 2000 ใน 2 ทศวรรษหลัง เมิร์ล ยังทำงานบันทึกเสียงและออกทัวร์สม่ำเสมอ กระทั่งปี 2009 เป็นต้นมา ได้แบ่งเวลาให้กับครอบครัวมากขึ้น กับวงการคันทรี่ในช่วงหลังๆ เมิร์ล แฮ็กการ์ด เคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาไม่ชอบเพลงคันทรี่ยุคใหม่เลย เมิร์ล บอกกับหนังสือพิมพ์ว่า ทุกวันนี้แนชวิลล์เต็มไปด้วยเพลงสูตรเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์!!!
เมิร์ล เคยแสดงหนังอยู่หลายเรื่องรวมทั้งงานของ คลินท์ อีสต์วู้ด เรื่อง Bronco Billy เขาร้องเพลงคู่กับ คลินท์ เป็นซาวด์แทร็ก ซึ่งก็กลายมาเป็นเพลงฮิตอันดับ 1 ในภายหลัง เมิร์ล เคยเขียนอัตชีวประวัติออกมา 2 เล่มคือ Sing Me Back Home และ Merle Haggard’s House of Memories: For the Record
ตลอดชีวิต เมิร์ล แฮ็กการ์ด ได้รับรางวัลเกียรติยศมากมาย รวมทั้งรางวัลเกียรติคุณแห่งความสำเร็จจากแกรมมี่ อะวอร์ด (2006) บีเอ็มไอ ไอคอน อะวอร์ด (2006) เขามีชื่ออยู่ในหอเกียรติยศนักแต่งเพลงแห่งแนชวิลล์ (1977) หอเกียรติยศดนตรีคันทรี่ (1994) เป็นต้น เขามีอิทธิพลและเป็นแรงบันดาลใจกับคนรุ่นหลัง ไม่เพียงในแวดวงคันทรี่แต่รวมถึงศิลปินร็อกในยุค 1960 อย่าง เดอะ เบิร์ดส, เดอะ เกรทฟูล เดด เป็นต้น
ตลอดชีวิต เขามองตัวเองเป็น “คนนอก” หรือ ดิ เอาต์ไซเดอร์ ขณะที่วงดนตรีของเขาใช้ชื่อว่า “คนแปลกหน้า” หรือ เดอะ สเตรงเจอร์ส

เพลงชีวิตของ เมิร์ล แฮ็กการ์ด
ในวงการเพลงคันทรี่นั้นยากจะหาศิลปินที่โด่งดังและได้รับความนับถือมากเท่า เมิร์ล แฮ็กการ์ด เขาเป็นนักดนตรีที่มีลีลาการแสดงที่น่าชม เป็นสุดยอดนักแต่งเพลง และกวีของผู้คน บทเพลงของเขามักเล่าถึงการดิ้นรนต่อสู้ของชนชั้นแรงงาน ความยากจน รวมทั้งมีภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (The Great Depression) เป็นแรงบันดาลใจ โดยทั้งหมดนั้นเขาเคยผ่านพบมาด้วยตัวเองจริงๆ
ผลงาน 38 ซิงเกิ้ลของเขาขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงบิลบอร์ดคันทรี่ และมี 7 ซิงเกิ้ลที่ข้ามฟากไปติดอันดับสูงสุดในชาร์ตเพลงป๊อป บทเพลงของเขาถูกศิลปินมากมายนำมาคัฟเวอร์ เพลงฮิตปี 1968 อย่าง Today I Started Loving You Again นั้นมีศิลปินมากมายนับร้อยๆ นำมาร้องใหม่ กว่า 6 ทศวรรษในวงการ เขาสร้างสรรค์เพลงดีๆ ออกมามากมายรวมถึง
Mama Tried (1968) : เพลงนี้มาจากประสบการณ์ชีวิตอันแสนโลดโผน ในช่วงวัยรุ่นเมิร์ลผ่านอะไรมามากมาย ด้วยการขาดพ่อตั้งแต่เด็ก เขายกย่องผู้เป็นแม่ที่เลี้ยงดูลูกมาตามลำพังด้วยเพลงนี้ ภายหลังเขายังอุทิศเพลง Hungry Eyes ให้กับแม่ของเขาอีกครั้ง
Okie From Muskogee (1969) : ระหว่างเดินทาง เมิร์ล และเพื่อนร่วมวงเห็นป้ายชื่อเมืองมัสโคกี (รัฐโอคลาโฮมา สหรัฐ) ก็เลยคุยกันว่า ที่นี่คงไม่มีคนสูบกัญชา จากประโยค We don’t smoke marijuana in Muskogee กลายเป็นเนื้อเพลงที่นำเสนอมุมมองทางด้านการเมืองแบบเอียงขวา หลายปีผ่านไป หลังผ่านประสบการณ์มากมาย แนวคิดทางด้านการเมืองของเขาก็เปลี่ยนแปลง เขาไม่ได้คิดเหมือนกับตอนที่แต่งเพลงนี้อีกแล้ว ช่วงหลังเขากลายเป็นผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตตัวยง เขาชื่นชอบ ฮิลารี คลินตัน ถึงขนาดแต่งเพลง Let’s Put a Woman in Charge! ให้กับเธอ ด้วยเชื่อว่า ถ้าผู้นำที่เป็นชายไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไร ก็น่าจะให้ผู้หญิงมาทำหน้าที่แทนดูบ้าง
Branded Man (1967) : เป็นอีกหนึ่งอัตชีวประวัติของ เมิร์ล แฮ็กการ์ด เล่าถึงชายหนุ่มที่ต้องใช้เวลาอยู่ในคุกด้วยข้อหาลักทรัพย์ เขาต้องการนำความรู้สึกของตัวเองบรรยายบนกระดาษ พยายามจะเปลี่ยนแปลง หาหนทางกลับมาให้ได้ ระหว่างถูกจองจำอยู่นี่เอง เมิร์ล ได้ดูการแสดงของ จอห์นนี่ แคช ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของเขา
Workin’ Man Blues (1969) : หลังจากที่กลายเป็นศิลปินดัง เมิร์ล ได้สร้างเพลงชาติของคนทำงาน โดยเฉพาะคนทำงานหนัก แต่รายได้น้อย เพลงนี้ได้รับความนิยมมากจนขึ้นถึงอันดับ 1 ในชาร์ต
นอกจากนั้น ยังมี The Fightin’ Side of Me (1970) เพลงต่อต้านสงครามเวียดนาม If We Make It Through December (1974) เล่าถึงช่วงเวลาลำบากของครอบครัวในช่วงฤดูเทศกาล ซึ่งคนรุ่นใหม่อาจจะสัมผัสไม่ถึง Big City (1981) เพลงที่เขียนถึงชีวิตในเมืองใหญ่ที่เฝ้าฝันถึงชีวิตเรียบง่ายในบ้านชนบทซึ่งจากมา นอกจากนี้ เมิร์ล แฮ็กการ์ด ยังแต่งหลายเพลงรักบัลลาด อย่างเช่น Today I Started Loving You Again (1968) รวมทั้งเพลงยุคหลัง I Think I’ll Just Stay Here and Drink (1980) ที่สะท้อนอารมณ์ขันในความสัมพันธ์เศร้าๆ
ช่วงปี 1990 เมิร์ล แฮ็กการ์ด ประสบปัญหาทางด้านการเงิน เขาต้องขายสิทธิในหลายๆ เพลงเพื่อใช้หนี้ แต่ตัวเขาไม่เคยไร้ไฟในการสร้างสรรค์ ในปี 1999 เมิร์ล ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมยังคงเขียนเพลงดีๆ ออกมา ผมมีงานเก็บไว้มากมาย ซึ่งเป็นไปได้ว่า เพลงเหล่านี้จะไม่ถูกนำไปบันทึกเสียง …”
สำหรับ เมิร์ล แฮ็กการ์ด แล้ว ทุกๆ เพลง ไม่ได้เป็นสิ่งที่ “แต่ง” ขึ้นมา แต่เป็นการ “ให้ชีวิต” กับเรื่องราวเหล่านั้น และถึงแม้ว่าวันนี้เขาจะจากไปแล้ว ทว่าเพลงเหล่านี้จะคงมีชีวิตอยู่ … ตลอดไป