ชีวิตบททดสอบยากๆ และพรุ่งนี้อาจจะไม่เหมือนเดิม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

24 เมษายน 2559 เวลา 09:29 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/life/life/428267

ชีวิตบททดสอบยากๆ และพรุ่งนี้อาจจะไม่เหมือนเดิม

โดย…อณุสรา  ทองอุไร ภาพบุคคล ภัทรชัย ปรีชาพานิช

ชีวิตของคนเราแต่ละคนที่ผ่านมานั้น กว่าจะผ่านมาถึงจุดนี้ได้ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ 30 40 50 ส่วนใหญ่แล้วเรียกได้ว่าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เรามักจะผ่านบทเรียนหรือไม่ก็บททดสอบยากๆ กัน อย่างน้อยก็ต้องสักครั้งในชีวิตกันมาแล้วเสมอ เพราะจะว่าไปแล้วชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย ชีวิตไม่เคยง่ายเลยจริงๆ เช่นเดียวกับเขาคนนี้ วัฒนภาคย์ จินศิริวานิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซล ซีเครท ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจน ภายใต้แบรนด์ โซล ซีเครท ก่อนที่จะมาถึงวันที่เขาประสบความสำเร็จมียอดขายปีละหลายร้อยล้านบาทนั้น เขาต้องผ่านมรสุมชีวิตลูกใหญ่ถาโถมมาครั้งหนึ่งจนยากที่จะลืม

บทเรียนที่ยากเย็นแสนเข็นสาหัสเกือบตายมาแล้ว เมื่อเกือบ 5 ปีที่ผ่านมา ตอนนั้นเขาอายุเพียง 30 ปี เขาเล่าว่าตอนนั้นเขาทำงานบริษัทเอกชนที่ทำธุรกิจด้านค้าปลีกขนาดใหญ่ เขาดูแลด้านพื้นที่เช่าให้กับลูกค้าที่คุมตลาดทางภาคเหนือ ดังนั้นทุก 1-2 เดือน เขาจะต้องขับรถขึ้นล่องจังหวัดโซนภาคเหนือเพื่อมาดูลูกค้า มาดูตลาดต่างๆ คราวละ 4-5 วันต่อเนื่อง 3-4 จังหวัดอยู่เสมอ

 

ครั้งนั้นเขาขับรถยาวจากพิษณุโลก ตาก เชียงใหม่ แบบยิงยาวแทบจะไม่ได้หยุดพักเลย ทำให้ร่างกายอาจจะเพลียสะสมตั้งแต่เช้ายันค่ำติดกัน 3-4 วัน ก่อนเกิดเหตุเขาขับรถหนีรถติดเลี่ยงเมืองเข้ามาทาง จ.นครสวรรค์ ขึ้นมาทางเส้นเลี่ยงเมืองนั้นรถติดไม่มากนัก แต่ถนนไม่ค่อยดีเพราะมีรถสิบล้อ รถบรรทุก ขับทางนี้เยอะ ช่วงที่เขาขับมารถบางตามากจังหวะนั้นเขาเจอหลุมบ่อขนาดเล็กๆ แล้วถนนแตก จังหวะที่เขาเข้าโค้งพอดีก็เลยพยายามจะหลบหลุมแบบกะทันหัน รถก็เลยหมุนฟาดเสาข้างทางชนเสาไปหลายต้น ในที่สุดก็เสียหลักพลิกคว่ำหลายตลบ หลุดลงไปหล่นที่เหวข้างทางที่ลึกประมาณ 3 เมตร ตอนนั้นสภาพร่างกายเราก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์มันเหนื่อยๆ เพลียๆ นึกในใจว่าเราคงต้องตายแน่เลย

ตอนที่เกิดเหตุนั้นเขารู้ตัวดีทุกอย่าง รับรู้ตั้งแต่รถชนฟาดเสาข้างทางกระแทกเรียงไป 3-4 เสา จนพลิกคว่ำหลายตลบหลุดถนนตกเหวข้างทาง รถหงายท้องหัวเขาทิ่มลงพื้น แต่โชคดีที่มีสายนิรภัยคาดติดตัวไว้

 

“นับว่าเป็นความโชคดีของผมนะ ปกติเวลาขับรถผมจะไม่ชอบคาดสายนิรภัย แต่คราวนี้ผมคาด เลยไม่กระเด็นออกนอกรถ พอรถหมุนคว้างพลิกหลายตลบ พอมันหยุดค้างก้นเหวเล็ก ผมแบบเหนื่อยมากเหมือนจะหลับลงตรงนั้นเลย แต่ผมจำได้ว่าเวลาดูหนังเกิดอุบัติเหตุห้ามหลับ เดี๋ยวรถจะน้ำมันไหลทะลัก แล้วก็ระเบิดหรือไม่ก็ไฟไหม้ ผมจึงพยายามฝืนใจไว้ไม่ยอมให้ตัวเองหลับ รีบตะกายออกมาจากรถ พยายามควานหาโทรศัพท์เพื่อจะติดต่อใครสักคน แต่หาโทรศัพท์ไม่เจอ พอออกมานอกรถได้ก็สลบไปเลยจำอะไรไม่ได้”

ตอนที่เกิดเหตุเป็นเวลาประมาณ 3-4 โมงเย็น แล้วถนนโล่งไม่มีรถตามมาสักเท่าไหร่ ถ้าเกิดไม่มีคนเห็นแล้วค่ำไปเสียก่อนจะไม่มีใครเห็นเขาเลย เพราะถ้ายิ่งมืดรถจะยิ่งน้อยแล้วเขาตกเหวลงไปข้างทางจะไม่มีใครเห็นเขาอีกเลยจนกว่าจะเช้าวันรุ่งขึ้น หากถ้าเป็นเช่นนั้นเขาอาจจะสลบไปและไม่ฟื้นหรือไม่ก็เลือดไหลออกไปจนแทบจะหมดตัว

 

แต่ในเรื่องร้ายๆ ก็ยังมีเรื่องดีๆ แฝงอยู่ด้วย เพราะมีรถที่ขับตามเขามาห่างๆ แล้วได้เห็นเหตุการณ์ตอนรถของเขาพลิกคว่ำและหล่นลงไปที่เหวตื้นข้างทาง เขาเลยจอดรถหยุดดูแล้วโทรเรียกหน่วยกู้ภัยขอความช่วยเหลือ และเจ้าของรถคันนี้ก็ใจดีมีน้ำใจมากที่ไม่หยุดดูและรอดูอยู่เฉย ระหว่างรอรถกู้ภัยมาช่วยพี่เขาก็ปีนลงมาที่ก้นทางที่เขานอนสลบอยู่ พยายามเรียกเขาให้ฟื้นแล้วถามชื่อถามเบอร์ที่จะติดต่อคนที่บ้านให้

“พี่เขาพยายามเรียกผม ถามว่าชื่ออะไร เบอร์โทรศัพท์ที่บ้าน เพื่อจะแจ้งข่าวให้ แต่ผมเบลอมากพูดไม่รู้เรื่องแล้ว เขาก็เลยติดต่อใครให้ผมไม่ได้ แต่พี่เขายังมีน้ำใจรอจนหน่วยกู้ภัยมาและตามผมไปที่โรงพยาบาลจนถึงมือหมอแล้วพี่เขาจึงกลับไป ต้องขอบคุณพี่เขาจริงๆ” เขากล่าวอย่างสำนึกในน้ำใจ เพราะหากไม่เจอพี่คนนั้นเขาอาจจะไม่รอดมาถึงวันนี้เพราะพี่คนนั้นยังอยู่รอจนเขาทำแผลเสร็จค่อยมีสติมากขึ้นก็บอกเบอร์เพื่อนสนิทให้พี่เขาช่วยโทรบอกให้หน่อย เพราะตอนนั้นยังไม่กล้าแจ้งให้ที่บ้านรับทราบเกรงว่าคุณพ่อคุณแม่จะตกใจเกินไป เขารักษาตัวที่โรงพยาบาลที่นครสวรรค์

 

คืนนั้นเขานอนโรงพยาบาลหนึ่งคืน แพทย์เอกซเรย์แล้วพบว่ากระดูกไหปลาร้าหัก กระดูกตรงหัวไหล่ทิ่มไปโดนเส้นประสาท ทำให้ร่างกายซีกขวาชาไปทั้งแถบ มีอาการคล้ายอัมพฤกษ์คือรู้สึกชาแต่บางทีก็รู้สึกปวดๆ หนึบๆ เส้นเลือดฝอยบริเวณใต้ไหปลาร้าจนถึงอก ท้อง แตกช้ำ บวมเป็นสีม่วงเข้มตลอดแนวเลย ทางโรงพยาบาลก็ใส่เฝือกให้แล้วก็ให้กลับบ้านเลย ทางโรงพยาบาลจะไม่ให้ค้าง

“คือผมงงมากหลังจากสลบจนมาถึงโรงพยาบาลผ่านขั้นตอนการรักษาไปสัก 4-5 ชม. ประมาณ 5 ทุ่ม เขาไล่ให้ผมกลับจะไม่ให้ค้าง ผมบอกผมอยู่กรุงเทพฯ ญาติก็ยังไม่มา แล้วสภาพแบบนี้ใส่เฝือกไปครึ่งตัว หน้าตา เนื้อตัวฟกช้ำ ซีกขวาไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ผมจะไปไหนได้ยังไง ผมขอนอนที่โรงพยาบาลสักคืน รอให้ญาติมาจากรุงเทพฯ ก่อน จนตอนสายๆ วันรุ่งขึ้นเพื่อนสนิทก็มารับที่โรงพยาบาล เขาเห็นสภาพผมก็ตกใจมากเพราะผมดูยับเยินมาก” เขาเล่าย้อนให้ฟังด้วยสายตาหดหู่

 

วัฒนภาคย์ เล่าต่อไปว่า ระหว่างที่นั่งรถกลับบ้านที่กรุงเทพฯ เขาก็เริ่มนึกถึงอนาคตของตัวเอง เพราะตอนนั้นกำลังจะลาออกจากงานมีแผนจะมาทำธุรกิจอาหารเสริมของตัวเองอยู่แล้ว แต่คุณพ่อยังไม่เห็นด้วยอยากให้ทำงานออฟฟิศไปก่อนหรือให้ลองทำควบคู่กันไปก่อนสักปีสองปีแล้วค่อยออก ตอนนี้อย่าเพิ่งออกจากงานเต็มตัว แต่เขาอยากจะออกเลยเพื่อมาลุยงานอย่างจริงจังเพราะเขาได้เตรียมงานเอาไว้ส่วนหนึ่งแล้ว

แต่พอมาเจออุบัติเหตุอย่างนี้ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ทำให้เขาต้องเลือกว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิต ซึ่งเขาก็ลังเลและวิตกกังวล เนื่องจากเมื่อกลับมาหาหมออีกครั้งที่กรุงเทพฯ นั้น หมอบอกว่าเขาจะต้องทำกายภาพอีก 1 ปี เพื่อให้ทุกอย่างเหมือนเดิม และกว่าที่อาการชา ปวด แบบอัมพฤกษ์ ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน เพราะตอนนี้ร่างกายเขาใช้ได้เพียงซีกซ้ายได้อย่างเดียว มือขวาแทบจะใช้การอะไรไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่าหากเขาจะลางานไปรักษาตัวนานถึง 6 เดือนนั้น ก็ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน ส่วนการรักษาตัวทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลเอกชนสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เป็นเวลาเกือบ 1 ปี นั้นก็ต้องใช้เงินเยอะมาก ซึ่งเงินที่เขามีก็ไม่ได้เยอะ เพราะส่วนหนึ่งนำไปลงทุนกับอาหารเสริมเกือบหมดแล้ว เหลือเงินเพียงจำนวนเดียวที่ไม่มากนักที่จะเอาไว้สำหรับเช่าทำสำนักงานเล็กๆ กับทีมงาน 2-3 คน

 

เขาบอกว่าตอนนั้นเครียดมากจะเอาอย่างไรต่อดีกับชีวิต ไม่ว่าจะตัดสินใจไปทางซ้ายหรือทางขวา ก็ดูเหมือนจะมืดมนไม่สดใสเท่าที่ควร ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจลาออกเพราะถึงอย่างไรก็ไปทำงานในสภาพนั้นไม่ได้ และที่ทำงานคงให้ลาหยุดได้เพียงเดือนเดียวเท่านั้น แต่แม้ลาออกแล้วจะมาอยู่เฉยๆ พักสัก 2-3 เดือนก็เป็นไปไม่ได้ เพราะเงินที่เตรียมจะมาเช่าสำนักงานต้องเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวในการทำกายภาพ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะพอใช้ไปถึงปีหรือเปล่า

ถือว่าเป็นช่วงที่ยากลำบากที่สุดในออฟฟิศ เขาได้หยุดพักจริงๆ แค่สัปดาห์เดียว หลังจากนั้นก็นั่งทำงานที่คอนโด ติดต่องานทางออนไลน์ ขายสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตไปก่อน แผนการจะเช่าออฟฟิศเล็กๆ กับทีมงานสัก 3-4 คน ต้องหยุดพักไว้ก่อน แต่ขณะเดียวกันก็ต้องออกไปหาร้านค้าเพื่อขอวางสินค้าหรือหาตัวแทนจำหน่าย แล้วสภาพตอนนั้นทรุดโทรมมาก ผอมโทรม ไว้หนวดไว้เครา เพราะมือขวาโกนหนวดไม่ได้ หน้าตาก็มีร่องรอยของความบวมช้ำ ใช้ไม้เท้าค้ำพยุงตัวกระหย่องกระแหย่งไป

“สภาพไม่ได้น่าดูเท่าไหร่เลย เห็นสภาพตัวเองแล้วยังรู้สึกแย่มากๆ แล้วไปติดต่อขายอาหารเสริมขายคอลลาเจน เข้าไป 10 กว่าร้านบางวันไม่ได้งานเลย ผ่านไป 3-4 วันติดต่อไปสัก 20 ร้าน เขารับสินค้าหรือยอมเป็นตัวแทนจำหน่ายได้สักร้านสองร้านก็ดีใจมาก อย่างน้อยพอได้มีทุนไว้รักษาตัว พอไปหาหมอแต่ละครั้งเขาก็สั่งห้ามอย่านั่งนาน อย่าเพิ่งใช้คอมพิวเตอร์นานๆ พยายามรักษาตัวก่อนเดี๋ยวมันจะหายช้า แต่ผมรอไม่ได้ ลาออกจากงานมาแล้วสินค้าสั่งเข้ามาแล้ว ยังไงก็ต้องลุยอ่ะ แล้วเงินก็แทบจะไม่มีแล้ว หยุดรอเฉยๆ ไม่ได้จริงๆ” เขาเล่าให้ฟังอย่างเจ็บปวด

 

เขาเล่าว่าเขาอยู่ในสภาพนั้นประมาณ 5 เดือน ทุกอย่างจึงเริ่มดีขึ้นแต่ก็ยังไม่ดีมาก ยังเดินไม่ถนัด อาการชาแบบอัมพฤกษ์ก็ยังไม่ดีขึ้น ตัวแทนจำหน่ายก็มีไม่ถึง 10 คนเลย ส่วนยอดขายทางอินเทอร์เน็ตก็ค่อยดีขึ้นบ้าง แต่ก็ยังไม่มีเงินมากพอจะเปิดสำนักงานหรือจ้างทีมงาน ยังคงทำงานลุยเดี่ยวต่อไปแต่โชคดีมีเพื่อนอีกคนมาช่วยตอนนั้นก็ช่วยงานกันไป 2 คน

เขาบอกว่าตอนนั้นชีวิตย่ำแย่มาก เกือบตาย เจ็บตัว เงินทองก็หมด ชีวิตไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ คิดอย่างเดียวว่าไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้อีกแล้ว มันสุดๆ แล้วเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ นับจากนี้ต่อไปไม่มีอะไรจะเสีย ต่อจากนี้ไปอะไรที่เข้ามาถือว่าเป็นกำไรชีวิตแล้ว อยากทำอะไรถ้าไม่เดือนร้อนใครทำเลย ถ้าศึกษาหาข้อมูลมาดีแล้วก็ลุยเลย ชีวิตไม่ได้ยืนยาวอย่างที่คิด ไม่มีอะไรแน่นอน อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าลังเลกับอะไรนาน เพราะพรุ่งนี้อาจจะมาไม่ถึง หรือบางทีพรุ่งนี้ทุกอย่างอาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

จากอุบัติเหตุครั้งนั้นให้บทเรียนชีวิตกับเขามากมาย เรื่องความไม่ประมาท ต่อจากนั้นขับรถเขาคาดสายนิรภัยทุกครั้ง ใจเย็นลงมีสติมากขึ้น และพยายามระมัดระวังในการขับรถให้มากขึ้น

 

Leave a comment