ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
28 เมษายน 2559 เวลา 17:40 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/life/life/429161

โดย…ตุลย์ จตุรภัทร
ผมมีโอกาสได้สัมภาษณ์ผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้ซึ่งทำงานเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ในซอยติวานนท์-ปากเกร็ด 1 จ.นนทบุรี ในครั้งที่ผมได้เดินทางไปยังสถานที่แห่งนั้น ผมได้ค้นพบว่า ตั้งแต่ปากซอยยันท้ายซอยเต็มไปด้วยสถานสงเคราะห์ต่างๆ มากมาย จนผมรู้สึกและสัมผัสได้ว่า นี่คือซอยที่ได้รวบรวมคนชายขอบที่มีความบกพร่องเอาไว้ ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นที่ที่มีการให้ การดูแลใส่ใจ เยียวยา และการพัฒนาไปด้วยพร้อมๆ กัน
ครั้งนี้ผมจึงมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะนำพาคุณผู้อ่านได้ไปทำความรู้จักกับสถานสงเคราะห์ต่างๆ ซึ่งตั้งอยู่เรียงรายซ้ายขวาของซอยเส้นนี้ เผื่อบางทีคุณจะได้ร่วมเดินทางไปยังซอยเส้นนี้ เพื่อที่จะได้ช่วยกันเติมชีวิตของใครหลายคนให้เต็มมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
จุดเริ่มต้นจากการ ‘ให้’
ก่อนจะไปทำความรู้จักกับสถานสงเคราะห์ต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในซอยติวานนท์-ปากเกร็ด 1 เรามาทำความรู้จักกับประวัติความเป็นมากันก่อนดีกว่า เริ่มต้นจากสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้จัดสรรที่ดิน ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี “ให้” แก่กรมประชาสงเคราะห์ ในสังกัดกระทรวงมหาดไทยเมื่อสมัยนั้น เพื่อจัดตั้งหน่วยงานและจัดบริการ “ให้” แก่กลุ่มผู้ด้อยโอกาส และก่อตั้งสถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านปากเกร็ดเป็นสถานสงเคราะห์แห่งแรกในปี 2484
ในอดีต บริเวณดังกล่าวนับว่าเป็นพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลความเจริญ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ขณะนั้น จึงได้ “ให้” การสนับสนุนด้านการประชาสัมพันธ์ โดยเชิญชวนประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดบริการแก่กลุ่มผู้ด้อยโอกาส ทำให้สถานสงเคราะห์ที่ตั้งอยู่ในบริเวณดังกล่าวเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไปอย่างกว้างขวาง
ต่อมา (ปี 2546) ได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างหน่วยงานราชการ ส่งผลให้กระทรวง ทบวง กรม แบ่งเป็น 20 กระทรวง โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ก็คือหนึ่งในนั้น ซึ่งในปัจจุบันมีหน่วยงานต่างๆ ภายใต้การดูแลของกระทรวงแห่งนี้เป็นจำนวน 16 หน่วยงานนั่นเอง

สำหรับหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การดูแลของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ พม.) มีอยู่ด้วยกัน 6 หน่วยงาน (ที่ซึ่งผมจะพาคุณผู้อ่านได้ไปทำความรู้จักกันในครั้งนี้) ได้แก่ สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการทางสมองและปัญญา หรือบ้านเฟื่องฟ้า, สถานสงเคราะห์เด็กพิการและทุพพลภาพปากเกร็ด หรือบ้านนนทภูมิ, สถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา (ชาย) หรือบ้านราชาวดี (ชาย), สถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา (หญิง) หรือบ้านราชาวดี (หญิง), ศูนย์พัฒนาอาชีพคนพิการ (โรงงานปีคนพิการสากล) และศูนย์บริการบุคคลออทิสติกจังหวัดนนทบุรี
เมื่อ ‘ให้’ ต้อง ‘ให้’ อย่างยั่งยืน
ก่อนลงพื้นที่จริง ณ ซอยติวานนท์-ปากเกร็ด 1 ผมได้พูดคุยกับ สมชาย เจริญอำนวยสุข อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ท่านอธิบดีได้เผยถึงวัตถุประสงค์หลักของการทำงาน ว่าท่านอยากให้สถานสงเคราะห์ต่างๆ ภายใต้การดูแลของท่าน เป็นสถานที่ที่ให้คนได้มาศึกษา ว่าถ้าหากมีคนพิการอยู่ในความดูแลของครอบครัวเรา เราจะสามารถดูแลคนพิการเหล่านั้นได้อย่างไร
“แน่นอนว่าสถานสงเคราะห์คนพิการของเราเต็มไปด้วยการให้ความรัก ความเอาใจใส่ การดูแล การเยียวยา และการพัฒนาคนพิการตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 18 ปีอย่างเต็มที่ ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เช็ดอึเช็ดฉี่ ป้อนข้าวป้อนน้ำ อบรมบ่มนิสัย สร้างพวกเขาให้เป็นคนที่เต็มคน แม้ว่าเขาจะพิกลพิการ แต่เราก็มีวัตถุประสงค์หลักที่สำคัญคือ การทำให้พ่อแม่ที่มีลูกเป็นคนพิการได้เรียนรู้ว่า การเติบโตของลูกที่เป็นคนพิการจะเติบโตได้ดีที่สุดในบ้านที่มีพ่อแม่ของตนเองเป็นคนดูแล แม้ว่าลูกที่พิการจะเกิดมาในภาวะที่ครอบครัวมีปัญหา ไม่สามารถดูแลได้ แต่ความรักความเอาใจใส่ใดก็ไม่เท่าความรักของพ่อแม่และคนในครอบครัว ซึ่งหากครอบครัวใดไม่สามารถดูแลได้อย่างแท้จริง มันสุดๆ ของสุดๆ แล้ว เรายินดีช่วยเหลือ แต่หากครอบครัวใดยังสามารถดูแลได้ เราก็พยายามทำให้พวกเขาได้มาเห็นว่าการดูแลคนพิการไม่ได้ยากลำบากอย่างที่คิด คุณทำได้ และทำได้ดีด้วย”
นอกจากนี้ ท่านอธิบดียังมีวัตถุประสงค์ที่อยากให้สถานสงเคราะห์ต่างๆ เป็นสถานที่ที่ให้นักศึกษาด้านสังคมสงเคราะห์ จิตวิทยา หรือกายภาพบำบัด ได้มาฝึกงานในสถานที่จริง เพื่อที่เมื่อจบการศึกษาไปแล้ว และได้ไปประกอบวิชาชีพ จะได้ปฏิบัติต่อคนพิการได้อย่างถูกต้อง “ผมไม่อยากให้สถานสงเคราะห์ต่างๆ เป็นเพียงที่รองรับ แต่เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องการดูแลคนพิการอย่างแท้จริง เพื่อที่ทุกครอบครัวจะสามารถดูแลคนพิการได้ โดยไม่ทำให้คนพิการตกไปเป็นภาระของใคร เพราะหากเรามองในระยะยาว การดูแลคนพิการอย่างยั่งยืนต้องเริ่มต้นดูแลจากครอบครัวก่อนเป็นที่แรก และการพัฒนาคนพิการต้องทำให้เขาอยู่กับคนปกติให้ได้มากที่สุด อย่างน้อยดูแลตนเองได้ ครอบครัวและชุมชนเข้าใจและยอมรับได้ พวกเขาสามารถทำงานมีรายได้เป็นของตนเอง มีความภาคภูมิใจในตนเอง แค่นี้ในฐานะผู้ที่ทำงานอยู่ในสถานสงเคราะห์ก็มีความสุขแล้ว”

6 สถานสงเคราะห์ที่เต็มไปด้วย ‘ความรัก’
ผมเริ่มต้นลงพื้นที่จริงที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการทางสมองและปัญญา หรือบ้านเฟื่องฟ้า โดยผู้ปกครองของสถานสงเคราะห์ สมคะเน จริตงาม ได้บอกเล่าให้ผมฟังว่า ที่นี่ให้การอุปการะเลี้ยงดูเด็กอ่อนพิการทุกประเภททั้งเพศชายและเพศหญิง อายุแรกเกิด-7 ปี หรืออาจมากกว่านี้ หากจำเป็นต้องได้รับการเลี้ยงดูหรือพัฒนาก่อนที่จะย้ายเข้ารับการสงเคราะห์ในสถานสงเคราะห์เด็กพิการต่างๆ ตามสภาพความพิการต่อไป
ต่อมา ผมได้มาเยือนสถานสงเคราะห์เด็กพิการและทุพพลภาพปากเกร็ด หรือบ้านนนทภูมิ โดยผู้ปกครองของสถานสงเคราะห์ สุชาดา มีสงฆ์ เผยว่า ที่นี่ได้ให้บริการสงเคราะห์ฟื้นฟูและพัฒนาเด็กพิการทางร่างกายทั้งชายและหญิง อายุ 7-18 ปี หรือมากกว่านี้ ให้มีโอกาสได้รับการศึกษา การฝึกอาชีพ การพัฒนา การฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายอย่างเหมาะสมทั้ง 4 ด้าน คือ ในด้านการแพทย์ การอาชีพ การศึกษา และการสังคม ให้เป็นผู้สามารถพึ่งตนเองและมีความสุขตามอัตภาพ
สำหรับสถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา (ชาย) หรือบ้านราชาวดี (ชาย) โดยผู้ปกครองของสถานสงเคราะห์ สุวรรณ์ พรมผล ได้บอกเล่าว่า ที่นี่ได้ให้การอุปการะเลี้ยงดู บำบัด ฟื้นฟู และพัฒนาเด็กพิการทางสมองและปัญญา เพศชาย อายุระหว่าง 7-18 ปี โดยจัดบริการสวัสดิการสังคมและสังคมสงเคราะห์อย่างมีมาตรฐาน ให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตประจำวันและอยู่ร่วมกับคนปกติในสังคมได้อย่างมีความสุข รวมถึงการส่งเสริมให้ผู้พิการและครอบครัวในชุมชนได้รับสวัสดิการสังคมอย่างเหมาะสม (กี้-มงคล จิตรเสงี่ยม นักกีฬาบอคเซียไทย ผู้คว้าเหรียญทองพาราลิมปิกเกมส์ 2012 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ก็อาศัยและเติบโตที่นี่ และทุกวันนี้ก็ยังอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยจิตศรัทธา)
มาถึงสถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา (หญิง) หรือบ้านราชาวดี (หญิง) โดยผู้ปกครองของสถานสงเคราะห์ วิมลพรรณ กุญแจทอง เผยว่า ที่นี่ได้ให้การอุปการะเด็กหญิงพิการทางสมองและปัญญา เพศหญิง อายุระหว่าง 7-18 ปี ที่ครอบครัวประสบปัญหาทางสังคม ขาดผู้อุปการะดูแล หรือถูกทอดทิ้ง รวมถึงการรับอุปการะต่อจากหน่วยงานอื่นๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยจัดให้มีบริการด้านปัจจัยสี่ บริการทางการแพทย์ การรักษาพยาบาล และการศึกษาพิเศษ ตลอดจนการฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่ายกาย จิตใจ อารมณ์และสังคม

ขณะที่ศูนย์พัฒนาอาชีพคนพิการ (โรงงานปีคนพิการสากล) หน่วยงานเดียวของ พม.ที่ดำเนินการในรูปแบบของสถานที่ทำงานของคนพิการที่มาทำงานเพื่อให้มีรายได้สามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้ในลักษณะของธุรกิจเพื่อสังคม โดยดำเนินการโดยเงินนอกงบประมาณ ประเภทเงินทุนหมุนเวียนโรงงานในอารักษ์ โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นคนพิการทุกประเภท ยกเว้นทางสายตา อายุ 18 ปีขึ้นไป ที่มีทักษะการใช้จักรอุตสาหกรรมพื้นฐานในสถาบันและในชุมชน
ผู้อำนวยการศูนย์ สมคะเน จริตงาม เผยถึงการดำเนินงานว่าได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.การดำเนินงานภายในศูนย์ แบ่งเป็น 2 แผนก คือ แผนกผลิตภัณฑ์จากจักรอุตสาหกรรม ได้แก่ กระเป๋าผ้าแบบต่างๆ เสื้อผ้า ดำเนินการในลักษณะของการสั่งทำ และการจัดจำหน่าย และแผนกผลิตน้ำดื่มบรรจุในภาชนะที่ปิดมิดชิด 2.การดำเนินการในชุมชน เป็นรูปแบบของการจัดส่งชิ้นงานให้คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการ ได้นำไปเย็บเป็นชิ้นงาน ดำเนินการใน 3 จังหวัด คือ จ.นนทบุรี ลพบุรี และนครศรีธรรมราช จัดสินค้าให้คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการไปจำหน่าย เพื่อเป็นการสร้างอาชีพ และหารายได้เพิ่มให้แก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการนั่นเอง
สถานที่สุดท้ายที่ผมได้มาเยือนศูนย์บริการบุคคลออทิสติกจังหวัดนนทบุรี โดยผู้อำนวยการศูนย์ นิภาวรรณ สามาลา ได้เผยว่า ที่นี่ได้ให้บริการทางสังคมทางด้านการฝึกทักษะและส่งเสริมศักยภาพรอบด้านให้แก่บุคคลออทิสติก ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพบุคคลออทิสติกได้พัฒนาศักยภาพให้สามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้ เตรียมความพร้อมและส่งเสริมศักยภาพด้านอาชีพแก่บุคคลออทิสติก รวมทั้งเป็นศูนย์สาธิตให้คำปรึกษาด้านการดูแลและการฝึกบุคคลออทิสติกแก่ครอบครัว องค์กรเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และบุคคลทั่วไป รวมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเครือข่ายในการพัฒนาศักยภาพบุคคลออทิสติก
เมื่อผมลงพื้นที่จริงทั้ง 6 แห่งนี้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ผมยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า เมื่อผมได้เห็นสภาพของคนพิการเหล่านั้น ไม่ว่าจะพิการทางด้านร่างกายหรือสติปัญญา หรือพิการซ้ำซ้อน (พิการทั้งร่างกายและสติปัญญา) รวมทั้งสภาพความเป็นอยู่ ผมรู้สึกสะเทือนใจ แต่ผมก็รู้สึกดีใจที่ผมได้รู้ได้เห็นถึงความรักความเอาใจใส่ของเจ้าหน้าที่ที่ดูแล แม้ว่าสถานที่เหล่านี้จะร้อนอบอ้าว อาจมีเด็กพิการที่บ้างก็ซุกซน บ้างก็ดื้อรั้น บ้างก็ร้องไห้งอแง บ้างก็เจ็บป่วยไข้ บ้างก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่พวกเขาก็ยินดีและเต็มใจเป็นพ่อหรือแม่ที่คอยดูแลใส่ใจเด็กๆ เหล่านั้นให้เข้มแข็งเติบโต และมีความมุ่งหวังที่อยากทำให้ชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นดีขึ้น เพื่อที่ท้ายที่สุด ความรักความเอาใจใส่ของพวกเขา จะช่วยทำให้เด็กๆ เหล่านั้นได้กลายเป็นเด็กน่ารัก และกลายเป็นคนที่เต็มคน (แม้ว่าจะพิกลพิการ) รวมทั้งกลายเป็นผู้ให้ ที่มอบความรักความเอาใจใส่ให้แก่เพื่อนมนุษย์ได้ต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
หากนี่เรียกขานว่าความรัก ผมก็ขอเรียกมันว่าความรัก และขอเรียกมันอย่างตรงไปตรงมาอีกครั้ง ว่ามันคือรักแท้ที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วบนโลกใบนี้
หากนี่เรียกขานว่าความรัก ผมก็ขอเรียกมันว่าความรัก และขอเรียกมันอย่างตรงไปตรงมาอีกครั้ง ว่ามันคือรักแท้ที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วบนโลกใบนี้หากใครสนใจอยากร่วมจัดกิจกรรมเพื่อฟื้นฟูเด็กพิการในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านอารมณ์และจิตใจ ด้านร่างกาย ด้านสังคม และด้านอาชีพ สนับสนุนด้านองค์ความรู้ เงิน วัสดุ และสถานที่ฝึกอบรมหรือจัดกิจกรรม สนับสนุนการจ้างงานคนพิการที่มีความพร้อมเข้าทำงานตามสถานประกอบการ รับอุปการะเด็กพิการเป็นบุตรบุญธรรม หรือเป็นอาสาสมัครร่วมดูแลการฝึกอบรมทักษะการใช้ชีวิต สามารถแจ้งความจำนง หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการทางสมองและปัญญา หรือบ้านเฟื่องฟ้า โทร. 02-583-6815 สถานสงเคราะห์เด็กพิการและทุพพลภาพปากเกร็ด หรือบ้านนนทภูมิ โทร. 02-583-8396 สถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา (ชาย) หรือบ้านราชาวดี (ชาย) โทร. 02-583-8426 สถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา (หญิง) หรือบ้านราชาวดี (หญิง) โทร. 02-583-4246 ศูนย์พัฒนาอาชีพคนพิการ (โรงงานปีคนพิการสากล) โทร. 02-583-8415 ศูนย์บริการบุคคลออทิสติกจังหวัดนนทบุรี โทร. 02-583-5108