ปิยวัชร ราชพลสิทธิ์ นักการเงินรุ่นใหม่ ยิ่งเด็กยิ่งต้องเรียนรู้ หนักกว่าคนอื่น

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

30 เมษายน 2559 เวลา 09:04 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/life/life/429442

ปิยวัชร ราชพลสิทธิ์ นักการเงินรุ่นใหม่ ยิ่งเด็กยิ่งต้องเรียนรู้ หนักกว่าคนอื่น

โดย…ธนพล บางยี่ขัน

ปิยวัชร ราชพลสิทธิ์ หรือพีท นับเป็นอีกคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่ก้าวสู่เป้าหมายในชีวิตกับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน หรือ CFO บริษัท ดู เดย์ ดรีม และบริษัท นามุ ไลฟ์ พลัส ซึ่งจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว SNAILWHITE อย่างรวดเร็วด้วยวัยเพียงแค่ 30 ปี หลังจากผ่านประสบการณ์อันโชกโชนที่เคี่ยวกรำจนหล่อหลอมให้เขาสามารถมายืนในจุดนี้ และยังไม่หยุดที่จะเรียนรู้ต่อไป

เส้นทางชีวิตของ ปิยวัชร เริ่มชัดเจนเมื่อค้นพบว่าตัวเองสนใจด้านการเงินตั้งแต่มัธยมที่โรงเรียนสาธิตเกษตรฯ ทำให้เขาออกตัวเดินหน้าสู่เป้าหมายด้วยการศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่คณะเศรษฐศาสตร์ ภาคภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนกระทั่งได้ฝึกงานกับบริษัทหลักทรัพย์ระดับโลกอย่าง Merrill Lynch เขาจึงตัดสินใจบินลัดฟ้าไปเรียนปริญญาโทสาขาการเงินต่อที่ Cass Business School ประเทศอังกฤษ ก่อนมาเริ่มต้นงานในฐานะวาณิชธนกิจ หรือ IB เต็มตัว

งานแรกที่ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการเอาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำเรื่องกองทุนรวม การควบรวมกิจการ ผลงานที่สำคัญคือการนำ โรงพยาบาลบวิชัยเวชเข้าตลาดหลักทรัพย์ซึ่งเป็นหุ้นตัวแรกของโรงพยาบาลในรอบ 7 ปีที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ในช่วงนั้น ซึ่งผลตอบรับดีขึ้นไปถึง 30% ก่อนจะหันไปจับงานด้านต่างประเทศกับธนาคารกสิกรไทยที่เน้นไปยังประเทศในกลุ่มเออีซี ซึ่งได้ทำทั้งไฟแนนซิ่งให้กับสายการบินในเมียนมา และเขื่อนโรงไฟฟ้าในลาว รวมทั้งการเปิดสาขาประเทศต่างๆ

ทว่าสถานที่ซึ่งเสมือนเป็นโรงเรียนบ่มเพาะประสบการณ์ที่สำคัญคืองานในตำแหน่งรองประธานกรรมการที่ Richardson Doyle & Partners ซึ่งเป็นกองทุนร่วมลงทุน มูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท ที่จะเข้าไปเฟ้นหาเลือกลงทุนในบริษัทต่างๆ ที่มีศักยภาพแต่ผลประกอบการยังไม่ดี จากนั้นจึงเข้าไปปรับการจัดการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่นี่เองทำให้ต้องทำงานเหมือนกับผู้บริหารบริษัทเหล่านั้น

หนึ่งในบริษัทที่ซื้อมาคือบริษัท HIW ที่ทำรถตีนตะขาบ รถแทรกเตอร์ ซึ่งปิยวัชรต้องทำหน้าที่ตั้งแต่หาลูกค้าต่างประเทศหาเทคโนโลยีมาเสริมเพื่อปรับให้มีกำไรมากขึ้น รวมทั้งการวางระบบเพื่อเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ แม้แต่ประชาสัมพันธ์ ซึ่งต้องคิดตั้งแต่การโฆษณาในนิตยสารสายการบินทั้งนกแอร์ แอร์เอเชีย เพราะลูกค้าคือคนที่เดินทางกรุงเทพฯ ต่างจังหวัดบ่อย ที่สำคัญยังต้องไปหาพาร์ตเนอร์เพื่อมาทำไฟแนนซิ่งจนทำให้ได้ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น

“จะเป็นงานอีกแบบหนึ่งมีปัญหาจุกจิกตลอด ปัญหาที่ไม่เคยเจอแต่เราก็ต้องทำทุกอย่างถึงเป้าหมายที่ต้องการ จากเดิมที่งานส่วนใหญ่จะเป็นงานบนกระดาษ แต่นี่จะได้ลงไปสัมผัสทุกกระบวนการ ใครทะเลาะกับใครก็ต้องไปแก้ เซลส์ไม่มีก็ต้องหา พนักงานถูกเครื่องจักรหนีบแขนบาดเจ็บเราก็ต้องตัดสินใจว่าจะตัดแขนเสียไม่กี่หมื่นหรือรักษาที่เสียเป็นหลักล้าน เราก็เลือกรักษาเพราะอยากให้เขารักษาแต่สุดท้ายรักษาก็ต้องตัดอยู่ดี

…ทั้งหมดนี้ถึงจะอยู่กองทุนไม่นาน แต่เห็นทุกอย่างทุกมุมมองเหมือนเราไปถือหุ้นบริษัท ต้องสัมภาษณ์รับเซลส์ รับเอชอาร์อายุ 40-50 ปี เราอายุ 27 ไปสัมภาษณ์ ก็ต้องปรับตัวเยอะ เมื่อเราอยากได้ผลกำไรดีขึ้นแต่ก่อนไปถึงจุดนั้นการทำงานก็ต้องดีขึ้นด้วย ตรงไหนมีช่องโหว่ เราต้องไปเติมไปเสริม เหนื่อยแต่ดีที่ได้รับเรียนรู้” ปิยวัชร กล่าว

จนมาถึงงานล่าสุดกับตำแหน่ง CFO ที่เขาอธิบายว่าเป็นเหมือนเป้าหมายสูงสุดของคนที่ทำงานด้านการเงิน ผ่านมาหนึ่งปีส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทโตขึ้นเท่าตัว สอดรับไปกับยอดขายที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว จนติดอันดับ 1 ใน 5 บริษัทผู้ประกอบการด้านความความงามของประเทศ แต่เขายังมีมีเป้าหมายว่าจะขยับขึ้นเป็น 1 ใน 3 ของเอเชียในอีก 10 ปีข้างหน้า

 

จากข้อมูลงานวิจัยเมื่อสองปีที่แล้วตลาดด้านความงามของไทยมีมูลค่า 5.8 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับหน้า คือประมาณ 5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วน 1.ไวท์เทนนิ่ง 2.แเอนไทเอจจิ้ง ซึ่งในส่วนของสเนลไวท์อยู่เซ็กเมนต์แรก แต่อีกกลุ่มที่ใหญ่คือแอนไทเอจจิ้งนั้นยังได้จับโดยจะเริ่มขยับในปีนี้

“ผู้หญิงรวมทั้งผู้ชายด้วยใส่ใจในความสวยความงามมากขึ้นมีคนพูดตลกว่าเศรษฐกิจไม่ดีลดข้าวได้แต่เครื่องสำอางไม่ลด ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงเพราะที่ผ่านมาเศรษฐกิจอาจดูว่าชะลอตัว แต่ธุรกิจพวกบำรุงผิวก็ยังโตต่อเนื่องปี 2014-2015 โตทั้งตลาด 7% และสามปีข้างหน้าจะโตมากกว่าจีดีพีทั้งประเทศ ขณะที่คนไทยอัตราการเติบโตน้อยหมายความมีคนแก่มากขึ้นคนวัยทองที่เดี๋ยวนี้เรียกซิลเวอร์เอจเพราะเริ่มมีกำลังใช้จ่ายมากขึ้นมีเงินมากขึ้นคนกลุ่มนี้จะมาใช้ผลิตชะลอความแก่ให้มีความเยาว์วัย”

อีกเป้าหมายที่สำคัญคือตลาดต่างประเทศซึ่งสเนลไว้ท์ได้รับความนิยมจากคนจีน ล่าสุด“วันคนโสด” ของจีนคือวันที่ 11 เดือน 11 ในเว็บไซต์ alibaba ที่ลดราคาสินค้าเป็นพิเศษ ยอดขายขอสเนลไวท์วันนั้นสูงเป็นอันดับหนึ่งของไทย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงออนไลน์คนจะมองตลาดใหญ่ แต่ก็แค่ 20-30% ของตลาดทั้งหมด แม้จะเป็นส่วนที่โตเร็วแต่ไม่ได้เป็นส่วนที่เยอะที่สุด อย่าง Watsons สเนลไวท์มียอดขายดีที่สุดเมืองไทย 300 สาขา แต่เมืองจีน 3,000 สาขา เป็นตลาดที่ใหญ่มาก

สำหรับผู้ชายที่ต้องเข้ามาทำธุรกิจด้านความงาม ปิยวัชร ยอมรับว่า ต้องทำการบ้านหนักทั้งต้องหาข้อมูลและทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเองเพื่อจะได้รู้ว่าดีกว่าเจ้าอื่นอย่างไร ในการประชุมแต่ละครั้งเขายังสามารถให้ความคิดเห็นว่าตัวไหนใช้แล้วหน้ามันตัวไหนใช้แล้วดี ทั้งประสบการณ์ตรงและรวมทั้งสอบถามจากเพื่อนฝูงที่ได้ทดลองใช้เพื่อสะท้อนกลับมาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น

แม้จะอยู่ในตำแหน่งที่ดูแเลเรื่องการเงินแต่การเงินก็เกี่ยวไปกับทุกเรื่องทั้งออกสินค้าใหม่ต้องใช้เงินเท่าไหร่ โฆษณาเท่าไหร่ ซื้อโรงงานเท่าไหร่ จะใช้เงินกู้ เงินสด ทุกอย่างก็อยู่ที่การเงิน ก่อนหน้านี้ไม่มีการทำงบประมาณ คือประเมินว่าปีหน้าจะใช้งบเท่าไหร่ แล้วมาทบทวนทุกไตรมาสว่าใช้งบมากไปน้อยไปกว่าที่คาดหรือไม่ จากนี้ก็จะมาเริ่มทำให้เป็นระบบมากขึ้น

ปิยวัชร มองว่า หน้าที่ของ CFO นอกจากจะดูเรื่องการเงินแล้ว ยังต้องดูเรื่องความเสี่ยงต่างๆ ซึ่งเขาได้ตั้งคณะกรรมการความเสี่ยงมามอนิเตอร์ว่ามีประเด็นอะไรที่เสี่ยงที่จะต้องรายงานให้ผู้บริหารทราบทุกเดือน บางครั้งบริษัทที่โตเร็วยิ่งต้องให้ความสำคัญกับเรื่องระบบป้องกันความเสี่ยง ป้องกันการทุจริต เงินทองรั่วไหล ต้องวางอำนาจกรอบอนุมัติเงิน กรรมการบริหารอนุมัติได้แค่ไหน หรือมีอีกหลายเรื่องที่ยังต้องทำ

อีกทั้งที่ผ่านมาบริษัทยอดขายดีมีกระแสเงินสดพอสมควรทำให้ไม่ได้มองแหล่งเงินทุนอื่น แต่หน้าที่ CFO ยังต้องมองไปยังเงินทุนกสำรอง สร้างสัมพันธ์กับธนาคารต่างๆ และหันมาใช้เงินกู้เพราะต้นทุนต่ำกว่าเงินสด เพราะหากเอาเงินสดไปใช้ผู้ถือหุ้นคาดหวังว่าจะได้ผลตอบแทน 15-20 คือลงเงิน 100 บาทก็หวังว่าจะได้เงินกลับมา 20 บาท แต่ถ้ากู้เงินธนาคารจะเสียดอกเบี้ย 5-6%

นอกจากนี้ เมื่อบริษัทขยายตัวเร็ว เมื่อปรึกษากับทาง CEO แล้ว ปัจจุบันโรงงานผลิตบนที่ 2 ไร่ อาจไม่ตอบสนองการผลิตใน 1-2 ปีข้างหน้า จึงไปซื้อโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะพื้นที่ 20 ไร่ ราคาประเมิน 80 ล้านบาท แต่สามารถเจรจาต่อรองซื้อมาได้ในราคา 50 ล้านบาท ตรงนี้มาจากประสบการณ์ที่ทำงานกองทุน ถามว่าซื้อเงินสดได้ไหมได้ แต่ถ้าเอาเงินสดไปลง เงินเราจะหายไป 50 กว่าล้านบาท แทนที่เราจะเอาไปลงทุนเครื่องจักรหรือขยายไลน์ผลิตใหม่ได้ผลต่อแทน 15-20% ดังนั้นกู้แบงก์
จึงประหยัดกว่า

ปิยวัชร อธิบายว่า สิ่งสำคัญที่จะทำให้ประสบความสำเร็จโดยเฉพาะในสายบริหาร คือความมั่นใจและความกล้าในการตัดสินใจซึ่งสิ่งเหล่านั้นมันต้องมาจากการสั่งสมประสบการณ์ ยิ่งเราเป็นเด็ก ก็ยิ่งต้องเรียนรู้มากกว่าผู้อื่น  ที่ผ่านมาถือว่าโชคดีที่คุยกับผู้บริหารหรือนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแล้วค่อนข้างเยอะนั่นก็ถือเป็นการเรียนรู้ที่ดี ซึ่งพอเราได้มาทำงานเป็นผู้บริหารจริงๆ ได้เจอของจริง เราก็จะไม่ตื่นเต้น

“ถามว่าความเป็นเด็กจุดเด่นคืนยืดหยุ่นสูงผมมองที่ผลการทำงานเป็นหลัก อยากให้ทุกคนที่มาทำงานกับผม ลูกทีมมีความสุขกับการทำงาน ถ้าสภาพแวดล้อมที่มีความสุขคนก็ทำงานได้อย่างเต็มที่ อีกอย่างการที่เราอายุน้อยทำให้เรา กระฉับกระเฉง ทุกอย่างน่าตื่นเต้นไปหมด โชคดีตรงที่ตั้งแต่ทำงานที่แรกถึงปัจจุบันไม่มีวันไหนตื่นมาไม่อยากทำงาน ตรงนี้เป็นสิ่งที่คิดว่าสำคัญได้ผลดี

…เราทำงานแล้วรู้สึกว่าผมอิน ผมเป็นเจ้าของ มีความเป็นเจ้าของอยากทำให้ดี ทำเต็มที่กลับบ้านพักผ่อนแต่พอเห็นอะไรเกี่ยวกับงานของเราก็คิดแล้วเอามาเสนอแนวกับเขายิ่งบริษัทนี้ CEO เป็นเจ้าของด้วย เข้าถึงง่ายนำเสนอง่ายเห็นผลเร็ว หรือตอนทำที่ บล.กิมเอ็งฯ ทำโปรเจกต์ โรงพยาบาล ผมก็รู้สึกเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเห็นเว็บไซต์เขายังไม่สวย ให้ข้อมูลไม่ครบก็บอกเขาน่าจะทำอย่างนี้”  ปิยวัชรกล่าว ถึงเคล็ดลับที่ทำให้เขาก้าวมาจนถึงจุดนี้

 

Leave a comment