ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
22 พฤษภาคม 2559 เวลา 10:04 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/life/life/433275

โดย…กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัย ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน
เมื่อความฝันถูกสกัดด้วยความจริง ความจริงที่ติดตัวมาแต่กำเนิด จุดกำเนิดเรื่องราวหลากอารมณ์ของ เณ-ทิฆัมพร พงษ์สุวรรณ สาวเสียงสวรรค์ที่ถูก “ความสวย” ปิดกั้นจนเกือบละทิ้งความฝันไป
เณเป็นคนโคราช ตั้งแต่จำความได้เธอเป็นคนชอบแสดงออก ชอบร้องเพลง ชอบเข้าประกวดตามงานวัด เป็นนักล่ารางวัลหน้าใหม่ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศบ้างบางเวที กระทั่งช่วงมัธยมปีที่ 5 เธอมีโอกาสเข้าประกวดบนเวทีระดับประเทศครั้งแรกในชีวิต “ดีใจมากที่ผ่านเข้ารอบ เพราะเราฝันมาตลอดว่าจะได้ประกวดใหญ่ อยากมีโอกาสเข้ากรุงเทพฯ อยากเป็นนักร้องอย่างที่ฝันไว้จริงๆ” ซึ่งสุดท้ายเธอได้รับรางวัลชนะเลิศ

เมื่อได้ถือถ้วยรางวัลชนะเลิศบนเวทีใหญ่ ความหวังของเธอก็สุกประกายบนเวที เพราะนอกจากจะได้เซ็นสัญญาทำเพลงครั้งแรกในชีวิต นั่นยังเป็นหนทางสู่ความฝันที่หวังมานาน “เหมือนชีวิตพลิกผัน” เธอกล่าว “จากเด็กผู้หญิงบ้านนอกคนหนึ่งที่อยากเป็นนักร้อง อยากมีเพลงของตัวเอง ซึ่งในตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าอีกไม่นานเราคงจะได้ร้องเพลงออกทีวี แต่สิ่งที่คิดกับสิ่งที่เป็นมันตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง” ชีวิตเธอเริ่มเข้าสู่ความขัดแย้ง “เพราะหลังจากที่ทำเพลงเสร็จ อัดทำเป็นซิงเกิ้ลเรียบร้อย แต่ทางค่ายยังไม่ทำเอ็มวีให้ เราก็รอ รอ รอ รอไปจนหมดสัญญา เป็นเวลากว่าสามปี และพบกับจุดจบที่ว่าเราไม่มีโอกาสไปแข่งเวทีอื่น และเพลงที่เคยทำไว้ก็ยกเลิกไป”
ในตอนนั้นเณเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายพร้อมกับความผิดหวังครั้งใหญ่ในชีวิต เธอฝันสลายโดยที่ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้ และสิ่งที่ทำให้หญิงสาวบอบช้ำมากกว่าความผิดหวังคือคำตอบที่ได้รับกลับมา “เขาบอกว่าเณหน้าตาไม่มีจุดขาย ไม่รู้จะขายอะไร” น้ำเสียงเธอดูราบเรียบ “ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่มีจุดขาย เพราะเรามาประกวดร้องเพลง จุดขายคือขายเสียง ไม่ใช่หน้าตา แต่ตอนนั้นจะฟ้องร้องอะไรเขา เราก็ไม่รู้เรื่อง บ้านเราก็ไม่มีเงิน ทำได้แต่ปล่อยให้มันผ่านไป แล้วมาเริ่มต้นใหม่ด้วยตัวเอง”

แสงปลายอุโมงค์ที่เธอเคยเห็นเมื่อ 5 ปีก่อนหายวับไปกับตาเพียงแค่คำว่า เธอไม่สวยพอ คนที่อยู่ข้างเธอยามนั้นคือพ่อและแม่ ที่อยากให้เธอกลับมาสู้อีกครั้งด้วยการเข้าไปเรียนร้องเพลงในกรุงเทพฯ ทำให้หนทางสายดนตรีกลับมาชัดเจนและจริงจัง ทว่าก็เรียนได้เพียงสักพัก เธอก็เจอเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอีกรอบ
“ในตอนที่ทุกอย่างกำลังจะกลับมาดี ก็ต้องมาสูญเสียแม่ที่รักไปทำให้รู้สึกขาดกำลังใจที่สำคัญของชีวิต ตอนนั้นเณเลยรู้สึกท้อแท้มาก และบอกกับตัวเองว่าให้หยุดไว้ก่อน หยุดให้ตัวเองได้พักบนเส้นทางสายนี้”

เณใช้เวลาพักใจ 1 ปี เพื่อกลับไปเรียนมหาวิทยาลัยจนจบ แต่ความฝันของเธอไม่มีวันจบอยู่แค่นั้น “ความสามารถสำคัญกว่าหน้าตา แม่พูดแบบนี้เสมอ ถ้าเสียงดีมีคุณภาพจริงๆ สักวันก็จะมีคนมองเห็น” แต่สังเวียนประกวดร้องเพลงยุคใหม่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะไม่ได้แข่งแค่เสียงร้องแต่ยังต้องประชันหน้าตา
“เณตระเวนไปออดิชั่นทุกที่ แต่ไม่ได้สักที่” เธอกล่าวเสียงสั่น “ซึ่งแปลกไหมที่มีคนชมว่าเสียงดี แต่ไม่ให้เณผ่านเข้ารอบเลย” เธอจึงเริ่มพิจารณาตัวเองถึงสาเหตุของความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งสมมติฐานที่สามารถเป็นได้มากที่สุดคือ หน้าตา

เวลาล่วงเลยไปจนเธอมีครอบครัวและลูกชาย 1 คน ล่วงไปพร้อมๆ ความฝันที่ยังรอวันเติบโต จนเธอตัดสินใจสมัครเข้าร่วมรายการ Let Me In THAILAND ที่อาจเป็นหนทางใหม่ให้เข้าใกล้ความฝันมากขึ้น
“เณเขียนสตอรี่ว่าอยากเป็นนักร้อง แต่โดนตัดโอกาสไปเพราะหน้าตา” เธอเล่า “กรรมการเสียดายเสียงเราจึงให้โอกาสผ่านเข้าไปสู่รอบ 12 คนสุดท้ายได้ไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี 4 เดือน ดีใจมาก และดีใจที่สุดตรงที่แฟนเข้าใจเรา เขายอมลาออกเพื่อมาอยู่บ้านเลี้ยงลูก เพราะอยากให้เราทำตามความฝันให้ถึงที่สุด”
เธอเล่าปัญหาให้ฟังว่า ใบหน้าของเธอไม่เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิต แต่เจอปัญหาด้านจิตใจมากกว่า จากคำล้อเลียนหรือคำดูถูกจากคนรอบข้าง เพราะลักษณะใบหน้าที่มีโหนกแก้มสูง กรามใหญ่ จนมีคนล้อว่า ไอ้หน้าเหลี่ยมบ้าง น้องโหนกบ้าง แต่นั่นก็ไม่ทำให้เธอน้อยเนื้อต่ำใจจนรับตัวเองไม่ได้

สิ่งที่เธอทำคือ ลดโหนกแก้ม ตัดกราม ทำหน้าทรงวี ขยับขากรรไกรเข้าทั้งบนและล่างโดยการตัดกระดูก ปรับโครงหน้าให้เข้ารูป ตัดปีกจมูกให้เล็กลงและใส่ปลายจมูกเพิ่มเข้าไป ฉีดไขมันทั้งหน้าเพื่อให้
หน้าดูอิ่ม และทำหน้าอก ส่วนที่ไม่ได้ทำเหลือเพียงดวงตาและปากเท่านั้น
การปรับเปลี่ยนใบหน้าทำให้เธอมีความหวังในการเป็นนักร้องอีกครั้ง เพราะนอกจากจะทำให้เป็นคนใหม่ เธอยังมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ซึ่งความรู้สึกแรกที่ได้เห็นหน้าตัวเองคือความดีใจ เพราะสิ่งที่คนอื่นเคยพูดล้อเลียน ตอนนี้จะไม่มีอีกแล้ว
“หน้าเราเปลี่ยนไปจริงๆ เปลี่ยนเป็นหวานขึ้น พอส่องกระจกแล้วมันยิ้มกว้างขึ้น และมีความตั้งใจแน่วแน่ว่าจะกลับไปแข่งขัน จะกลับไปเป็นนักร้องให้ได้” จากนั้นเพียงไม่นานเมื่อเธอกลับมาประเทศไทย ทางค่ายยุ้งข้าวเรคคอร์ดได้ติดต่อชวนไปทำเพลง

“คิดอยู่ในใจว่านี่ฝันไปหรือเปล่า เพราะมันเกินความคาดหวังไปมาก เณดีใจ ดีใจมากๆ ที่ทำความฝันเป็นจริงแล้ว อยากให้แม่มายืนอยู่ตรงนี้ด้วยกัน อยากให้แม่เห็นสิ่งที่สนับสนุนลูกคนนี้มาตลอดชีวิต” และคนสำคัญอีกหนึ่งคนที่เธอต้องขอบคุณคือสามี คนที่มองเธอจากภายในมิใช่หน้าตา “เณโชคดีมากที่ได้เจอคนที่เข้าใจและรักเราจากข้างในจริงๆ เพราะความสวยภายนอกนั้นไม่จีรัง เพราะหน้าตาไม่ใช่องค์ประกอบสำคัญ เพราะไม่ว่าจะสวยขนาดไหนแต่จิตใจไม่ดีก็คงอยู่กับใครไม่ได้นาน”
สุดท้ายเธอได้ฝากข้อความไปถึงผู้หญิงทุกคนว่า อย่าคิดถึงแต่สิ่งภายนอก อย่าคิดว่าตัวเองไม่สวย อย่าคิดว่ามีโอกาสไม่เท่าคนอื่น เพราะเธอเชื่อว่าถ้าพยายาม ลองหลายๆ วิธีการ สักวันฝันนั้นจะเป็นจริง “ตอนนี้ความฝันของเณเป็นจริงแล้ว เณได้เป็นนักร้อง มีเพลงของตัวเอง สามารถหาเงินได้จากสิ่งที่เรารัก มีครอบครัวที่มีความสุข ซึ่งมันเพียงพอแล้ว แม้ว่าจะใช้เวลานานไปหน่อย แต่บทสุดท้ายมันก็มีความสุขเหมือนกัน” เธอจบการสนทนา