เลี้ยงลูกให้น่ารัก ประเด็นสาธารณะพ่อแม่ต้องไม่ลืม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

02 มิถุนายน 2559 เวลา 17:18 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/life/life/435347

เลี้ยงลูกให้น่ารัก ประเด็นสาธารณะพ่อแม่ต้องไม่ลืม

โดย…ชุติมา-อนุสรา

คลิปแม่พริตตี้วัยใสพาลูกเล็กไปกินอาหารแล้วสร้างความอิดหนาระอาใจให้คนรอบๆ ข้าง แม้กระทั่งนางงามรักเด็กเจออาจมีเบือนหน้าหนี กลายเป็นคลิปแชร์กันว่อนในโซเชียลช่วงสัปดาห์ที่แล้ว และไม่แค่ทอล์กออฟเดอะทาวน์เท่านั้น ผู้คนล้วนพากันพูดถึงพฤติกรรมแม่ลูกไม่น่ารักกลุ่มนี้ เรื่องนี้ได้กลายเป็นประเด็นสาธารณะกับการเป็นคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ แต่ก็ต้องไม่ลืมเอาใจใส่ทั้งต่อลูกของตัวเอง แล้วในขณะเดียวกันก็ต้องเอาใจใส่ต่อสังคมในเวลาเดียวกัน

พ่อแม่มีลูกเล็กวัยกำลังซน จนบางครั้งต้องเจอภาวะควบคุมลูกไม่ได้ ทั้งเสียงร้องไห้ เสียงกรี๊ด แต่พวกเขากลับปราบเซียนตัวจิ๋วเหล่านี้ได้อยู่หมัด แค่มีวิธีแสนง่ายดายที่แม่ๆ พ่อๆ บางคนอาจหลงลืม

เวทีแห่งนี้ไม่มีพี่เลี้ยง…คอยสั่งสอน

คุณแม่มือใหม่ที่ขอปฏิเสธผู้ช่วยพี่เลี้ยงมือโปร รัชชต เศรษฐ์วรเดช บอกเหตุผลว่าไม่อยากมีปัญหาปวดหัวพี่เลี้ยงลางาน ลาออก เพราะเพื่อนหลายๆ คนประสบปัญหานี้ถึงกับไปไม่เป็นจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ของครอบครัว ถ้าไม่อยากให้พี่เลี้ยงคือคนสำคัญที่สุดในบ้าน ไม่อยากให้ลูกติดพี่เลี้ยงมากกว่าแม่ ก็ไม่ต้องมีพี่เลี้ยงไปเลย แก้ปัญหาง่ายๆ ดี

เวิร์กกิ้งมัม “คุณแม่แนน รัชชต” บอกอย่างภูมิใจว่า ทุกวันนี้ลูกสาววัยขวบกว่าๆ “ด.ญ.นันท์นภัสร์ น้องคิตตี้” น่ารัก ร่าเริง อารมณ์ดี การพาลูกไปกินอาหารนอกบ้านคือไลฟ์สไตล์ที่ทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว พ่อแม่กินอะไร คิตตี้กินด้วย ลูกน้อยวัยขวบกว่า ไม่ใช่เด็กมีปัญหาบนโต๊ะอาหารเลย

“นิสัยการกินอาหารที่ดีเริ่มต้นได้จากที่บ้านค่ะ ถ้ามีพี่เลี้ยงเดินป้อนไปทั่วบ้านเด็กก็จะติดนิสัยนั้นค่ะ แล้วมีปัญหาแน่ๆ ถ้าพาเขาไปกินข้าวนอกบ้าน น้องก็ต้องเดินไปกินไปอยู่นิ่งไม่ได้ ซีทที่นั่งกินอาหารสำหรับเด็กจำเป็นมากในวัยนี้ค่ะ แล้วต้องฝึกจริงจังให้ลูกนั่งกินไปพร้อมๆ กับเรา เด็กๆ ฟังรู้เรื่องนะคะ ดิฉันก็บอกเขาลูกต้องนั่งกินข้าวพร้อมๆ พ่อแม่นะคะ เด็กมีงอแงมีเล่นอยู่แล้วค่ะ ดิฉันก็ใช้ไม้แข็งถึงแม้เป็นลูกสาวเล็ก (หัวเราะ) แม่เก็บเลยถ้าไม่กิน แล้วบอกด้วยว่าถ้าไม่กินลูกก็หิวนะ

เราไม่มีพี่เลี้ยงแล้วทำงานด้วย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมาเอาใจเดินป้อนข้าวลูกนานเป็นชั่วโมง ดิฉันก็ทำแบบนี้ซ้ำๆ ทุกๆ วัน เป็นการสร้างความคุ้นเคยให้เขาเคยชิน คิตตี้กินข้าวเองได้สบายเลยค่ะ แล้วเทคนิคอีกอย่างคือการไปกินข้าวนอกบ้านอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลา 1-2 ชั่วโมงกว่าจะสั่ง กว่าอาหารจะมา ก็ต้องมีของเล่นชิ้นโปรด นิทาน เพลง หรือสติ๊กเกอร์ ให้เขาเล่นเพราะธรรมชาติของเด็กคือสมาธิสั้น อยู่นิ่งไม่ได้ แล้วกระเพาะเขาเล็กกว่าเรา อิ่มก่อนพ่อแม่ก็ยังกินอยู่เลย แล้วจะทำอะได้ลูกต้องมีของเล่นนิดหนึ่งจะได้ไม่รบกวนคนอื่น พ่อแม่ต้องสร้างบรรยากาศที่ดีค่ะ เพราะทุกๆ คนไม่ได้ชอบเด็กนะคะ (บอกพร้อมรอยยิ้ม) ดิฉันมั่นใจค่ะว่าพาคิตตี้ไปกินได้ทุกๆ ร้านเลยค่ะ”คุณแม่รัชชต เผยวิธีเลี้ยงลูกด้วยตัวเองโดยไม่มีพี่เลี้ยง

อีกเรื่องคือเดินทางไปทั่วโลก 10 กว่าประเทศแล้ว ตั้งแต่ใกล้ๆ บ้านเริ่มอุ่นเครื่องทริปใกล้ๆ สิงคโปร์ ฮ่องกง ไปจนอยู่บนเครื่องบินเกิน 10 ชั่วโมง อังกฤษ สเปน ไม่มีงอแงกวนใจให้ใครรำคาญ

 

“พาลูกไปตั้งแต่ 8 เดือน พาไปล่องเรือสำราญยาวถึง 2 อาทิตย์ ดิฉันแฮปปี้อยากให้เขาเห็นโลกกว้าง แล้วดิฉันก็ทำธุรกิจอิมพอร์ตเครื่องสำอางจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่ปลอดภัยสูง แม่ลูกไปกันได้สบายมาก อยากให้เขาจำได้ว่าไปทำงานกับแม่ (บอกพร้อมรอยยิ้ม) ไปเมืองใกล้ๆ ก่อน กลัวนะคะการพาลูกขึ้นเครื่องบิน คิตตี้จะร้องไห้ไหม? กลัวที่สุดคือหูอื้อก็ต้องหาข้อมูลค่ะ โดยให้เขาดูดนมตั้งแต่เครื่องเทกออฟ โชคดีหลับปุ๋ย โชคดีค่ะลูกเลี้ยงง่าย แล้วก็พาไปประเทศไกลๆ ขึ้น พาไปอังกฤษ สายการบินคุณภาพจะให้ความสำคัญกับเด็กค่ะ ก็อำนวยความสะดวกพ่อแม่ที่มีเด็กเล็กๆ ได้เลือกที่นั่งสบายด้านหน้า แล้วอย่าลืมค่ะต้องมีเครื่องทุ่นแรงที่พ่อแม่ไม่เหนื่อย เช่น รถเข็น ไปสเปนคิตตี้ก็สบาย พ่อแม่ก็สบายเดินเที่ยวกันชิลๆ เลยค่ะ

การเลี้ยงลูกเหนื่อยนะคะ ดิฉันให้นมลูกด้วยต้องปั๊มนมทุก 4 ชั่วโมง ประชุมทำงานเสร็จก็ต้องปั๊มนมไปจนถึงกลางคืนด้วย ทำให้นอนไม่เป็นเวลา แต่มีความสุขค่ะ อยากทำให้ลูกทุกๆ อย่างตั้งแต่ทำอาหารให้ลูกกิน ขนมปังก็อบเอง เลี้ยงเอง เพียงเราสอนเรื่องวินัยอันดับแรกในวัยนี้เลยค่ะ ไม่ใช่เรื่องยากค่ะ” คุณแม่แนน รัชชต ย้ำชิลๆ สบายๆ

‘พื้นที่ส่วนรวม’ พ่อแม่ต้องรับผิดชอบ

อยากให้ทุกๆ ฝ่ายอยู่ร่วมกันอย่างสันติ คือความเห็นคุณแม่ของสองบิ๊กบอยวัยกำลังซนสุดฤทธิ์ อมรศรี พัฒนศิษฎางกูร อย่างแรกแน่นอนว่าก็ต้องเป็นฝ่ายพ่อแม่ที่ต้องคำนึงถึงคำว่า Public Space หรือพื้นที่สาธารณะที่ลูกเราต้องไม่รบกวนหรือสร้างความเดือดร้อนให้แก่คนอื่น แต่แนวคิดนี้ก็ไม่ใช่ว่าแค่พ่อแม่ที่สร้างสังคมที่ดี ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าที่มีคุณภาพก็ต้องคำนึงและให้ความสำคัญกับเด็กด้วย
เช่นกัน

 

“ดิฉันมีลูกชายสองคน เวลาเลือกร้านอาหารก็จะเลือกร้านที่มีพื้นที่เฉพาะสำหรับครอบครัว มีที่ให้เด็กๆ ได้วิ่งเล่น เพราะการมากินข้าวนอกบ้านก็คือช่วงเวลาผ่อนคลายนะคะ เด็กๆ ก็อยากมีความสุข
วิ่งเล่น หัวเราะ อาจมีกรี๊ดกันบ้าง โดยเฉพาะถ้าไปกลุ่มใหญ่ 4-5 คน ดิฉันเคยนัดกินข้าวกับครอบครัวเพื่อนๆ ที่มีลูกวัยเดียวกัน ก็ต้องเลือกร้านที่มีโซนเฉพาะ แล้วถ้าไม่มีเราก็ไม่อยากเข้าไปค่ะ เพราะบางทีไปแค่ครอบครัวเราเอง มีพ่อ แม่ ลูก พี่เลี้ยงอีกก็ 5 คนแล้ว บอก เลยอายนะคะ (หัวเราะ) สายตาที่คนมองมากลุ่มอะไรจะใหญ่ขนาดนั้น ถ้าเลือกได้ก็ตัดพี่เลี้ยงออกไป เพราะไม่อยากไปเยอะแยะ เกรงใจ รู้สึกอึดอัดใจกลุ่มใหญ่ๆ คนมองอยู่แล้วค่ะ

ดิฉันสอนลูกโดยไม่เคยสงสารตั้งแต่เด็กแล้ว กินข้าวก็คือต้องนั่งกินให้เป็นที่เป็นทาง มีที่นั่งเด็กกินบนโต๊ะอาหารพร้อมๆ กันทุกคน มีเข็มขัดรัดแบบคาร์ซีทเลยเพื่อไม่ให้เขาวิ่ง กินอิ่มจึงมีสิทธิเล่น ร้องไห้สิคะ (คุณแม่บอกพร้อมเสียงหัวเราะร่วน) แต่แม่ต้องใจแข็งค่ะ ร้องได้ร้องไป แม่ไม่มีทางอ่อนแอตามลูกแน่นอน แต่การที่ดิฉันเลี้ยงเอง ลูกชายทั้งสองคนก็ติดดิฉันมาก เขาเข้าใจค่ะว่าแม่อย่างไรก็เป็นแม่ เขาได้ความรักจากแม่ไปเต็มๆ เขาไม่สงสัยในความรักนี้ แม่ดุอย่างไรเขาก็เชื่อฟัง ร้องไห้แค่ตอนเล็กๆ ค่ะ ตอนนี้หนุ่มๆ กลายเป็นคนเรียบร้อยว่าง่ายทั้งคู่ เพื่อนๆ ก็ว่าดิฉันโหด แต่เรื่องแบบนี้ต้องสอนตั้งแต่เด็ก

ถ้าพ่อแม่ลูกไปกินอาหารด้วยกัน ดิฉันมีเคล็ดลับเลือกนั่งหลังร้านเลยค่ะ เพราะเป็นมุมที่รบกวนคนน้อยที่สุด เด็กก็คือเด็กนะคะ มีเหวี่ยง มีเสียงดัง ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ดิฉันจะบอกก่อนว่าถ้าไม่หยุดแม่จะพาออกไปยืนหน้าร้าน แล้วก็พาไปจริงๆ ค่ะ ถ้าลูกเสียงดังเราต้องพาเขาออกจากจุดนั้นให้เร็วที่สุด เพราะถ้าเราควบคุมเขาไม่ได้ก็จะมีคำพูดตามมาทันทีว่าพ่อแม่เป็นอย่างไรลูกก็เป็นแบบนี้แหละ”

 

‘หมอเด็ก’ แนะเลี้ยงลูกให้น่ารักในสายตาคนอื่น

พญ.นริศรา ติยะพรรณ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลเวชธานี ให้ความรู้ว่าการจะเลี้ยงลูกให้น่ารักมีมารยาทสังคมที่ดีนั้น พ่อแม่คือส่วนสำคัญในการเลี้ยงดูให้ลูกรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีนิสัยเอาใจเขามาใส่ใจเรา โดยเริ่มตั้งแต่เด็กๆ วัยขวบกว่าก็สามารถสอนได้แล้ว เพราะเด็กจะเห็นตัวอย่างจากพ่อแม่

1.เอาอย่าง แม้ลูกจะวัยเพียง 1-2 ขวบ เขาก็สามารถรับรู้ได้โดยเห็นจากการกระทำของพ่อแม่เป็นแบบอย่าง แม้เขาจะยังพูดไม่ได้ก็ตาม เขาจะเริ่มซึมซับ การสอนลูกด้วยการทำให้เห็นเป็นตัวอย่างจะได้ผล 80 เปอร์เซ็นต์ แต่การสอนด้วยการพูดอย่างเดียวจะได้ผล 20 เปอร์เซ็นต์ อย่าคิดว่าเด็กพูดไม่ได้จะไม่รู้เรื่อง เด็กสามารถเรียนรู้ได้ตั้งแต่วัย 7-8 เดือน  ถ้าลูกเห็นพ่อแม่ใส่ใจแคร์คนอื่น เกรงอกเกรงใจ เด็กจะเรียนรู้ได้

2.โอกาส  พ่อแม่ต้องสอนและเปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้เห็นอกเห็นใจคนอื่น โดยพ่อแม่อย่าสอนเพียงให้ลูกเป็นเด็กเรียนเก่งเน้นเรื่องเรียนดี ทำคะแนนได้ดีถึงจะชม เวลาที่ลูกทำดีมีน้ำใจในเรื่องอื่นๆ
ก็ต้องชมให้ลูกเห็นว่าการทำดีก็มีค่าไม่แพ้เรื่องการเรียน วันหยุดแทนที่จะให้ไปเรียนพิเศษ ไปเรียนดนตรี ก็ควรพาลูกไปทำงานจิตอาสาบ้าง ไปทำบุญบ้านเด็กกำพร้าบ้าง เพื่อให้ลูกมีพัฒนาการทั้งด้านอีคิวและ
ไอคิวไปพร้อมๆ กัน

 

3.อารมณ์ สอนให้ลูกเรียนรู้อารมณ์ของตัวเองว่าตอนนี้กำลังโกรธอยู่ใช่ไหม เวลาโกรธลูกจะหน้าตาไม่น่ารัก ดูไม่ดี ลูกต้องพยายามข่มอารมณ์โกรธด้วยการสูดหายใจลึกๆ นับ 1-10 แล้วยิ้มให้กับตัวเอง เวลาลูกเดินผ่านร้านของเล่นอยากได้แล้วไม่ได้ร้องไห้กรี๊ดๆ พ่อแม่จะต้องเตือนสติว่าลูกกำลังโกรธใช่ไหม พยายามเก็บอารมณ์อย่าแสดงออกมากเกินไป ถ้าเป็นเด็กโต 5-6 ขวบ ก็สร้างกติการ่วมกันว่าพ่อแม่จะยังไม่ซื้อให้วันนี้เพราะอะไร เราไม่สามารถซื้อมันได้ทุกครั้งที่อยากได้ แต่ถ้าเป็นเด็กเล็กยังพูดไม่รู้เรื่องก็คือเลี่ยงไม่ให้ผ่านร้านของเล่น อย่าให้ลูกเห็นของล่อตาล่อใจแล้วอยากได้ แทนที่จะพาไปเที่ยวห้างก็พาไปสวนสัตว์บ้าง ไปวัดทำบุญบ้าง ให้ลูกรู้จักคุ้นเคยกับสถานที่อื่นๆ นอกจากห้างขายของ

การฝึกวินัยในเด็กยิ่งเริ่มเร็วยิ่งได้ผลดี แม้เด็กจะพูดไม่ได้ พญ.อัจฉรา ตราชู จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ แนะอีกวิธี ใช้ภาษากายเขาก็พอรู้เรื่อง เมื่อเด็กพูดได้วัย 2-3 ขวบนั้น พ่อแม่ต้องฝึกระเบียบ สร้างกติกาเล็กๆ น้อยๆ กับลูก เช่น ถ้าเสียงดังอาจจะทำโทษด้วยการให้นั่งเฉยๆ สัก 5 นาที พร้อมอธิบายว่ามันรบกวนคนอื่น เมื่อเขาทำได้ให้ชมว่าลูกทำดีมากแม่ภูมิใจ หรือให้รางวัลด้วยไอศกรีม หรือให้ของเล่น และควรพาให้เด็กไปเห็นอะไรที่หลากหลาย แทนที่จะพาไปเที่ยวห้างก็พาไปสวนสัตว์บ้าง ไปวัดทำบุญบ้าง ให้ลูกรู้จักคุ้นเคยกับสถานที่อื่นๆ นอกจากห้างขายของ

ถ้าพูดแล้วไม่เข้าใจยังกรี๊ดๆ ต้องอุ้มออกจากตรงนั้นไปที่อื่น แล้วเบี่ยงเบนความสนใจไปเรื่องอื่น เมื่อเด็กอารมณ์ดีแล้วค่อยอธิบายว่าลูกทำแบบนั้นไม่น่ารัก ถ้าทำอีกแม่จะลงโทษไม่พาออกไปที่นั่นอีก เด็กๆ เมื่อพูดเรื่องเดิมบ่อยๆ เขาจะเข้าใจว่าพ่อแม่จริงจังกับเรื่องนั้น

 

โรงเรียนพ่อแม่…อริยะสร้างได้

พ่อแม่ที่มีลูกอายุตั้งแต่แรกเกิด-12 ปี สนใจเลี้ยงลูกให้มีสัมมาทิฐิ หรือความคิดเห็นที่ถูกต้องโดยธรรม โรงเรียนพ่อแม่ เสถียรธรรมสถาน มีแนวคิดการนำธรรมะมาใช้ในการเลี้ยงดูเด็กตั้งแต่แรกคลอด จากประสบการณ์กว่า 20 ปี ที่สร้าง “บ้านสายสัมพันธ์” (บ้านพักพิงสำหรับผู้หญิงที่เตรียมตัวเป็นแม่) การสร้างวงศาคณาญาติในการเลี้ยงดูเด็กใน “อนุบาลฝีมือพ่อแม่” “บ้านวันอาทิตย์” และ “ครอบครัวแห่งสติ” รวมถึงการจัดการศึกษาวิถีพุทธระดับปฐมวัยในบ้านเรียนแห่งรักและศานติ (ศูนย์เด็กก่อนเกณฑ์วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต) ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันด้วยจิตวิญญาณของ “บวรบ้าน วัด โรงเรียน” ที่ไม่มีรั้ว
แนวคิด “โรงเรียนพ่อแม่…อริยะสร้างได้” จึงเริ่มขึ้นเพื่อนำธรรมะมารับใช้สังคม นำความอบอุ่นของบ้าน ความมีวินัยของวัด คือการอยู่ร่วมกันอย่างไม่เบียดเบียนทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น และการจัดกระบวนการเรียนรู้ตามวัยของโรงเรียน มาบูรณาการเป็น “ชุมชนแห่งการเรียนรู้ของคนทุกวัยในครอบครัว” คุณพ่อคุณแม่สนใจติดต่อร่วมหลักสูตรนี้ได้ที่เสถียรธรรมสถาน

 

Leave a comment