ดูจีนยุคใหม่ ต้องแวะไปปักกิ่ง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

02 กรกฎาคม 2559 เวลา 11:34 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/440828

ดูจีนยุคใหม่ ต้องแวะไปปักกิ่ง

โดย…ทีมงานโลก 360

ในภาวะที่เศรษฐกิจของยุโรปกำลังอ่อนแอเศรษฐกิจของสหรัฐค่อนข้างฟื้นตัวช้า จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าทวีปเอเชียซึ่งมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น กำลังจะกลายเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจโลก และกำลังก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในเวทีโลก(The Rising of Asia) จะเห็นได้จากผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ดังๆ ระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Samsung, Lenovo, Alibaba หรือแม้แต่ Hyundai ก็ล้วนแต่เป็นแบรนด์ที่ใช้นวัตกรรมของประเทศในเอเชียแทบทั้งนั้น

และหากเราจะพูดถึงประเทศที่ยิ่งใหญ่และมีบทบาทสำคัญด้านเศรษฐกิจที่โดดเด่นที่สุดในเอเชีย ก็คงหนีไม่พ้นที่จะต้องกล่าวถึงประเทศจีน เพราะประเทศนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จนเราต้องยอมรับว่า จีนในวันนี้คือ หนึ่งในมหาอำนาจที่สำคัญของโลก ดังนั้นสัปดาห์นี้ ทีมงานโลก 360 องศา จึงขอพาคุณผู้อ่านทุกท่านไปรู้จักกับประเทศจีนในแง่มุมใหม่ๆ ผ่านการเดินทางของพวกเรากันที่กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีน

พระราชวังต้องห้าม หนึ่งในมรดกโลกถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่แสดงให้เห็นถึงความชาญฉลาดของมนุษย์

 

เราเริ่มต้นการเดินทางไปยังสถานที่ที่คนจีนเขาเชื่อกันว่า ถ้าไม่ได้มาเยือน ถือว่ามาไม่ถึงจีน นั่นก็คือ กำแพงเมืองจีน หรือที่ในภาษาจีนเรียกว่า ฉางเฉิน กำแพงเมืองจีนนั้น เริ่มสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อประมาณ 2,500 ปีที่แล้วในสมัยราชวงศ์หมิง โดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันการรุกรานจากศัตรู ซึ่งสมญานามที่ว่ากำแพงหมื่นลี้ นั้นก็มาจากความยาวของกำแพงที่ยาวเท่ากับ 1 หมื่นลี้  หรือประมาณ 6,400 กิโลเมตร โดยมีด่านปาต้าหลิ่ง เป็นจุดชมกำแพงเมืองจีนที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด เนื่องจากเป็นด่านที่ใกล้กรุงปักกิ่งมากที่สุด และมีวิวทิวทัศน์สวยงามที่สุด มากไปกว่านั้นยังเป็นส่วนที่มีจุดชมวิวที่สูงที่สุดอยู่อีกด้วย การเดินทางมาที่นี่ สามารถเดินทางจากกรุงปักกิ่งด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน สายที่ 2 ลงที่สถานีจี้ฉุยถาน และต่อรถบัส สาย 919 มาลงที่ด่านปาต้าหลิ่งได้อย่างสะดวกสบาย

นอกจากเหนือจากกำแพงเมืองจีนแล้ว มาปักกิ่งก็ต้องห้ามพลาดที่จะไปชมจัตุรัสเทียนอันเหมิน

จัตุรัสใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัตุรัสแห่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากจัตุรัสแดงของประเทศรัสเซีย ซึ่งก็มีพื้นที่ทั้งหมด 4.4 แสนตารางเมตร (ตร.ม.) และสามารถจุคนได้กว่า 1 ล้านคน  มีความสำคัญคือ สถานที่นี้เป็นที่ท่านประธานเหมาเจ๋อตง ประกาศสถาปนาประเทศจีนใหม่หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า “สาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึงยังเป็นสถานที่เกิดเหตุการณ์สำคัญๆ มากมายของประเทศ และเมื่อเราเดินผ่านประตูเทียนอันเหมินเข้าไปก็จะพบกับอีกสถานที่หนึ่งซึ่งสำคัญไม่แพ้กัน นั่นก็คือ พระราชวังต้องห้าม หรือ กู้กง พระราชวังแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นใน พ.ศ. 1949 มีพื้นที่ทั้งหมด 7.2 แสน ตร.ม. ในอดีตเป็นสถานที่ประทับของจักรพรรดิในราชวงศ์หมิงและชิง จำนวน 24 พระองค์ จึงเป็นเขตหวงห้ามสำหรับประชาชนทั่วไป

อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาถนนคนเดินหวังฝู่จิง ก็คือการมาลองชิมอาหารเสียบไม้แปลกๆ

ภายในพระราชวังแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ วังหน้าและวังใน ซึ่งวังหน้าจะเป็นเขตที่ฮ่องเต้ออกว่าราชการ ส่วนวังในเป็นเขตของเหล่าสนมและนางใน ซึ่งเป็นเขตหวงห้ามสำหรับผู้ชาย  พระราชวังแห่งนี้ ประกอบไปด้วยพระตำหนัก พระที่นั่ง ท้องพระโรง โดยสามารถนับรวมจำนวนห้องได้มากถึง 9,999 ห้อง

ใน ค.ศ. 1978 หลังจากที่ประเทศจีนมีนโยบายปฏิรูปประเทศเพื่อนำประเทศไปสู่ความทันสมัย ต้องยอมรับว่าจีนนั้นพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และเป็นจีนยุคใหม่ที่มีความเป็นสากลมากขึ้น ดังนั้นภาพลักษณ์ของจีนในอดีตในสายตาชาวโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความไม่มีระเบียบ การแซงคิวแย่งซื้อสินค้า เสียงดัง เอะอะโวยวาย รวมไปถึงชอบบ้วนน้ำลายหรือขากเสลดตามท้องถนนทุกวันนี้ภาพเหล่านั้นแทบจะไม่มีให้เห็นแล้ว ทั้งนี้ส่วนหนึ่งก็น่าจะเป็นเพราะเศรษฐกิจดีขึ้น สังคมพัฒนามากขึ้น ทำให้ทุกวันนี้เราจะเห็นคนจีนที่แต่งตัวดีขึ้น มีมารยาทและสุภาพเรียบร้อยมากขึ้น

การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนอย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่มาจากการผลิตและส่งออกสินค้า นานาประเทศเริ่มยอมรับในสินค้าต่างๆ ที่ตีตราว่า Made in China มากขึ้น ว่าไม่ได้เป็นสินค้าคุณภาพต่ำอย่างที่ผ่านมา ทำให้สินค้าจีนยังสามารถเป็นของดีมีคุณภาพ ที่ขายได้ในราคาที่สามารถแข่งขันในตลาดได้

ถนนคนเดินสายวัฒนธรรมเฉียนเหมิน(Qianmen) ถือเป็นถนนการค้าที่เก่าแก่ที่สุดของกรุงปักกิ่ง ที่มีอายุมากกว่า 600 ปี ในสมัยก่อนนั้นถูกใช้เป็นเส้นทางที่ฮ่องเต้เสด็จผ่าน เพื่อไปสักการะบวงสรวงเทพเทวดาที่หอฟ้าเทียนฐาน ดังนั้นบ้านเรือนของประชาชนบริเวณนี้จึงมีการคมนาคมที่สะดวก และได้รับความนิยมจากชาวเมืองที่มาจับจ่ายใช้สอยตามร้านค้าต่างๆ จุดเด่นของร้านค้าในถนนแห่งนี้ ก็คือ รูปทรงของอาคารยังคงเป็นแบบตึกจีนโบราณ อีกทั้งร้านค้าต่างๆ ที่นี่ก็เป็นร้านที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมานานกว่า 100 ปี สินค้าที่ขายนั้นก็จะเน้นสินค้าจีนแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นของคุณภาพดีที่ชาวจีนนิยมใช้กันอยู่แล้ว อย่างเช่น ผ้าไหมจีน รองเท้าจีนโบราณ รวมไปถึง ยาจีนแผนโบราณ ชาจีนและอาหารจีนต้นตำรับอีกด้วย

 

แต่ถ้าจะพูดถึงแหล่งช็อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดในกรุงปักกิ่ง ก็ต้องไปกันที่ถนนคนเดินหวังฝู่จิง (Wangfujing) ซึ่งตั้งอยู่ในย่านหวังฝู่จิง 1 ใน 4 ของย่านการค้าหลักของกรุงปักกิ่ง ในสมัยราชวงศ์หมิง ถนนแห่งนี้เป็นถนนที่รายล้อมไปด้วยวังขององค์ชายต่างๆ ซึ่งปัจจุบันถูกพัฒนาให้เป็นถนนการค้าโดยยังคงบรรยากาศแบบดั้งเดิมเอาไว้  ดังนั้นหากใครมาเดินช็อปปิ้งที่นี่ก็จะได้สัมผัสบรรยากาศของตึกเก่าอายุกว่าร้อยปีอยู่ท่ามกลางร้านค้าทันสมัย มาที่นี่นอกจากจะได้เห็นสินค้านำเข้าแบรนด์ดังๆ ระดับโลกแล้วยังมีสินค้าแบรนด์จีนชื่อดัง อย่างเช่น Li-ning และ Erke (เอ๋อเค่อร์) ซึ่งเป็นแบรนด์ผลิตรองเท้าและเครื่องกีฬาต่างๆ ชั้นนำของจีน

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่รัฐบาลจีนจะให้ความสำคัญในเรื่องของอุตสาหกรรมการผลิตเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาระบบการศึกษา พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รวมไปถึงพัฒนางานวิจัยต่างๆ อีกด้วย

ทำให้เกิดนวัตกรรมและสินค้าใหม่ๆ ขึ้นมากมาย อย่างเช่น โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Huawei, Xiaomi เครื่องครัวและเครื่องใช้ในบ้าน ยี่ห้อ Haier หรือแบรนด์เครื่องคอมพิวเตอร์ชื่อดัง อย่าง Lenovo ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นสินค้า Made in China ที่มีคุณภาพ และมีขีดความสามารถในการแข่งขันกับแบรนด์อื่นในระดับโลกได้

ดังนั้น จึงไม่แน่แปลกใจหากในปี 2025จีนจะมีนโยบายยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศ ให้เป็น Smart Factory โดยเน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการผลิต มากกว่าใช้แรงงานคน เพื่อให้สินค้าที่ผลิตออกมา เป็นสินค้าที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพสูง และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย

เรื่องราวความน่าสนใจของประเทศจีนยังไม่หมดเพียงเท่านี้ สามารถติดตามอ่านได้ในฉบับต่อๆ ไป หรือสามารถติดตามชมได้ทางรายการ โลก 360 องศา ทาง ททบ.5 ทุกวันเสาร์ เวลา 21.20 น.

Li-ning แบรนด์เครื่องกีฬาชั้นนำของจีน

 

1 thought on “ดูจีนยุคใหม่ ต้องแวะไปปักกิ่ง

Leave a comment