ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
15 กรกฎาคม 2559 เวลา 08:04 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/analysis/report/443080

โดย…วิรวินทร์ ศรีโหมด
การสั่งเลย์ออฟลูกจ้างของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ กว่า 1,000 คน จากเหตุผลว่า ผลกระทบจากเศรษฐกิจภายในประเทศและความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ก่อนหน้านี้หลายบริษัทได้เลิกจ้างคนงานและลดสวัสดิการต่างๆ ลง จนเกิดคำถามจากสัญญาณเหล่านี้ว่าเป็นความเสี่ยงต่อพนักงานในบริษัทภาคธุรกิจขนาดไหน
อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต มองสถานการณ์การเลิกจ้างแรงงานของไทยขณะนี้ว่า ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต เมื่อเทียบกับตัวเลขอัตราการว่างงานช่วงที่ผ่านมาของประเทศ ตั้งแต่เดือน เม.ย. ตัวเลขการว่างงานอยู่ที่ 1% ส่วนเดือน พ.ค. อยู่ที่ 1.2% และเดือน มิ.ย.อยู่ที่ 1% ซึ่งภาพรวมยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ เพราะช่วงที่ผ่านมาตัวเลขอัตราการว่างงานของประเทศอยู่ต่ำกว่า 1% ไม่มาก แต่มีเพียงช่วง 3-4 เดือนนี้อาจปรับขึ้นเล็กน้อย ไม่นับรวมกับกรณีบริษัท โตโยต้า
อนุสรณ์ มองว่า จากตัวเลขการว่างงานของไทยในภาพรวมที่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำนี้ เกิดขึ้นกับบางอุตสาหกรรมเท่านั้น เช่น อุตสาหกรรมการส่งออก และผลจากการย้ายฐานการผลิตของผู้ประกอบการบางราย ส่วนสถานการณ์เลิกจ้างแรงงานรับเหมาช่วง (ซับคอนแทรกต์) ที่เกิดขึ้นมองว่า ปัจจุบันบริษัทข้ามชาติที่เน้นการผลิตขนาดใหญ่นิยมใช้แรงงานประเภทนี้ เนื่องจากสามารถจ้างงานแบบยืดหยุ่นตามสภาวะเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่มีผลกับพนักงานประจำของบริษัทโดยตรง แต่ส่วนตัวมองว่าระบบการจ้างงานแบบนี้ ไม่เป็นธรรมกับแรงงานกลุ่มนี้เท่าไหร่ เนื่องจากไม่มีความมั่นคง
คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต คาดการณ์ว่า สถานการณ์เช่นนี้จะมีไปอีกสักระยะเพราะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในภาคอุตสาหกรรม ดังนั้นถ้าภาคอุตสาหกรรมไม่มีการปรับตัว ในระยะยาวอาจทำให้เสียหายทางธุรกิจได้หรืออาจจะถึงขั้นล้มลงได้
“การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้น มีผลต่อระบบการผลิตแบบเดิม จึงทำให้มีผลต่อระบบการจ้างงานเปลี่ยนแปลงไป” อนุสรณ์ กล่าว
สอดคล้องกับ แล ดิลกวิทยรัตน์ ที่ปรึกษาศูนย์พัฒนาแรงงานและการจัดการ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองสถานการณ์เลิกจ้างแรงงานขณะนี้ว่า ถึงอัตราตัวเลขการว่างงานในปีนี้จะเพิ่มขึ้นไม่มาก หากเทียบกับตัวเลขย้อนหลังในรอบ 5 ปีอยู่ที่ประมาณ 1-1.2% แต่ภาคการส่งออกของไทยก็ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวเหมือนหลายประเทศ โดยเฉพาะตลาดทางยุโรป อเมริกา รวมถึงจีน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ไทยจะได้รับผลกระทบ
“สิ่งที่เกิดขึ้นกับแรงงานภาคอุตสาหกรรมไทยครั้งนี้ ไม่ใช่เกิดจากผลกระทบเศรษฐกิจตกต่ำเท่านั้น แต่ผู้ประกอบการกำลังมีการเปลี่ยนแปลงโดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาทดแทนแรงงานมนุษย์” แล กล่าว
ขณะที่ตัวแทนภาคแรงงานงาน ยงยุทธ เม่นตะเภา กรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย มองว่า สถานการณ์การจ้างงานขณะนี้มีผลมาจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้ชัดในอุตสาหกรรมยานยนต์ กรณีที่เกิดขึ้นกับบริษัท โตโยต้า นั้น ทางสมาพันธ์แรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทย ตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุการปลดแรงงานรับเหมาช่วงครั้งนี้ น่าจะมาจากที่ทางบริษัทใช้โอกาสภาพเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว ปรับตัวระบบการผลิตที่นำเครื่องจักรมาทดแทนแรงงานคนซึ่งมีจำนวนมาก เพราะจากการตรวจสอบสถานการณ์การเลิกจ้างขณะนี้ยังถือว่าปกติ
ยงยุทธ กล่าวว่า จากที่ทราบข้อมูลเชิงลึกคาดว่าเร็วๆ นี้บริษัทดังกล่าวอาจมีการปลดพนักงานลงอีกจำนวนหนึ่ง ดังนั้นทางคณะกรรมการสมาพันธ์ฯ จึงเตรียมที่จะแถลงเพื่อให้สังคมได้รับทราบ รวมถึงต้องการให้บริษัทดังกล่าวยุติการดำเนินการเช่นนี้ รวมถึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน เพราะเมื่อผู้ประกอบการบริษัทรถยนต์ขนาดใหญ่ 1 แห่งมีการปรับตัวใช้เครื่องจักรเข้ามาทำงานแล้ว อนาคตอีก 1-2 ปีข้างหน้า บริษัทผู้ผลิตรถ รวมถึงอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงอาจมีการปรับรูปแบบการผลิตเช่นเดียวกัน
มุมมองจากภาครัฐ ปฐม เพชรมณี รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ยืนยันถึงสถานการณ์การเลิกจ้างแรงงานขณะนี้ว่า ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติไม่น่าเป็นห่วง เพราะจากข้อมูลการเลิกจ้างตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค.-พ.ค. ปีนี้ที่ทางกรมสวัสดิการฯ ตรวจสอบพบว่ามีโรงงาน 21 แห่งที่เลิกจ้างพนักงานบางจำนวนกว่า 1,362 คน (จำนวนนี้ไม่นับรวมกรณีบริษัท โตโยต้า)
ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นกับบริษัท โตโยต้า รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ชี้ว่า มาจากการปรับตัวของบริษัทเพื่อทำให้การทำงานมีความคล่องตัวมากขึ้น เนื่องจากบริษัทดังกล่าวมีพนักงานรวมกว่า 1.6 หมื่นคน จึงต้องปรับให้เหมาะสม
“จากที่สอบถามกับผู้ประกอบการบริษัทรถยนต์ในประเทศไทย หลายบริษัทก็ยังยืนยันว่าสถานการณ์การจำหน่ายรถยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่น่าเป็นห่วง” รองอธิบดีกรมสวัสดิการฯ กล่าว