ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
24 มิถุนายน 2559 เวลา 07:05 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/analysis/report/439206
โดย…ทีมข่าวในประเทศโพสต์ทูเดย์
เสียงกู่ร้องขานชื่อ อองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ดังกึกก้องทั่วทั้งบริเวณตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาคร ภายหลังแรงงานชาวเมียนมาหลายพันชีวิตรวมตัวกันเพื่อแสดงการต้อนรับ “ผู้นำประชาธิปไตย” ในโอกาสมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 23-25 มิ.ย.
แม้ว่าการปรากฏตัวของ “ซูจี” จะมีขึ้นเวลาประมาณ 16.30 น. แต่บรรยากาศกลับคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า และแม้ว่าจะมีแรงงานเพียง 500 ราย ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าพบ “ซูจี” อย่างใกล้ชิด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คลื่นมหาชนลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ก่อนถึงกำหนดเวลาการมาถึงของอองซานซูจีได้เกิดเหตุชุลมุนขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากแรงงานชาวเมียนมาต่างพยายามฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเพื่อให้สามารถเข้าถึงตัวอองซานซูจี แต่ที่สุดแล้วก็ไม่เกิดเหตุรุนแรงใดๆ
“แรงงานชาวเมียนมาต่างดีใจและรอคอยการมาเยือนของซูจีมาก” คายมินหลุ่ย หนึ่งในชาวเมียนมาที่เฝ้ารอรับอองซานซูจี เปิดใจ พร้อมทั้งระบุว่า อยากเรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมาประสานกับรัฐบาลไทยเพื่อแก้ปัญหาเรื่องสิทธิของแรงงาน โดยเฉพาะความปลอดภัยในการทำงานและการเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ในประเทศไทยได้โดยไม่ถูกรีดไถ
“ถ้าในอนาคตเศรษฐกิจของเมียนมาดีขึ้น ก็มีความเป็นไปได้ที่แรงงานจะทยอยกลับไปทำงาน แต่ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย แต่ค่าแรงในประเทศไทยสูงกว่า แรงงานส่วนใหญ่จึงยังทำงานในไทยต่อไป”คายมินหลุ่ย พูดชัด
บาดู แรงงานสัญชาติเมียนมา วัย 38 ปี เป็นอีกหนึ่งรายที่มารอรับอองซานซูจีตั้งแต่เช้ามืด โดยเขา เล่าว่า หลังทราบข่าวการเดินทางมาของอองซานซูจีก็ได้เดินทางมายัง จ.สมุทรสาคร พร้อมกับเพื่อนแรงงานอีก 20 คน ตั้งแต่ช่วงเวลา 04.00 น. เนื่องจากต้องการพบตัว เพราะนับถือว่าเป็นผู้ปกครองหรือแม่ที่ชาวเมียนมารักมาก
ขณะที่ อิอิชอ รองผู้อำนวยการมูลนิธิการศึกษาเพื่อการพัฒนาชาวเมียนมา เชื่อว่า การที่ซูจีมาเยือนประเทศไทยจะทำให้ได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของแรงงานชาวเมียนมาและนำกลับไปเพื่อหาทางพัฒนาให้คุณภาพชีวิตแรงงานเมียนมาในประเทศไทยดีขึ้น ทั้งมิติของค่าครองชีพ การรักษาพยาบาล
นอกจากความคาดหวังของแรงงานชาวเมียนมาแล้ว มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงานและภาคีเครือข่าย ได้ร่วมกันจัดทำข้อเสนออองซานซูจีผ่านความร่วมมือกับรัฐบาลไทยเช่นกัน
สำหรับข้อเสนอ อาทิ เร่งจัดทำเอกสารสำคัญแสดงตัวและพิสูจน์สัญชาติแก่แรงงานข้ามชาติทั้งที่จดทะเบียนแรงงานและยังไม่จดทะเบียน พร้อมให้มีกลไกการเข้าถึงการปฏิบัติคุ้มครองสิทธิแรงงานตามมาตรฐานแรงงานไทย อาทิ ค่าจ้าง 300 บาท การเข้าสู่ระบบประกันสังคม การคุ้มครองกรณีบาดเจ็บจากการทำงานในสถานประกอบการ ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังรวมถึงการให้สิทธิเดินทาง การให้ก่อตั้งสหภาพแรงงาน การให้เข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน การส่งเสริมให้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ภาษา ศาสนา ที่สำคัญต้องเข้มงวดกวดขันเจ้าหน้าที่ที่แสวงหาประโยชน์จากแรงงานข้ามชาติทุกรูปแบบ และขจัดกลุ่มนายหน้าทั้งไทยและข้ามชาติ
อารักษ์ พรหมณี อธิบดีกรมการจัดหางาน บอกว่า การมาเยือนของอองซานซูจีจะมีการลงนามบันทึกความตกลง (เอ็มโอยู) เรื่องการข้ามแดน ซึ่งจะทำให้ชาวเมียนมาที่อยู่ตามแนวชายแดนสามารถข้ามมาทำงานในประเทศไทยในลักษณะเช้าไปเย็นกลับได้ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยได้ประโยชน์ นายจ้างจะมีแรงงานกลับเข้ามาทำงาน
อธิบดีกรมการจัดหางาน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันแรงงานชาวเมียนมาทำงานในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมายประมาณ 1.4 ล้านคน กระจายอยู่ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะภาคประมง การแปรรูปสัตว์น้ำ ซึ่งปัจจุบันยังคงขาดแคลนแรงงานอยู่
ด้าน อองซานซูจี ได้ปราศรัยกับแรงงานชาวเมียนมาที่มาให้การต้อนรับท่ามกลางสายฝนตอนหนึ่งว่า ขอให้แรงงานเมียนมามีความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของบ้าน มีความสามัคคีกัน มีปัญหาอะไรให้พูดคุยกัน เข้าใจซึ่งกันและกัน และทำกระบวนการทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย ปัญหาแรงงานเมียนมาคือ หนึ่งเรื่องสำคัญที่ต้องกลับมาเยือนไทย
ขณะที่แรงงานชาวเมียนมาที่มีโอกาสได้เข้าพบ และได้สะท้อนปัญหาหลายร้อยคนกลับเป็นแรงงานที่มาจากบริษัทที่มีประวัติและสวัสดิการดี จึงทำให้แรงงานเมียนมาส่วนใหญ่ที่มารอต้อนรับซูจีไม่พอใจ เพราะกลัวว่าปัญหาจากการจ้างงานที่ไม่เป็นธรรมจะไม่ได้รับการแก้ไข
อย่างไรก็ตาม ซูจีให้คำมั่นว่าจะคุยกับรัฐบาลไทยเรื่องของการทำงานและจ้างงาน ซึ่งจะมีการลงนามเอ็มโอยู 3 ฉบับที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 24 มิ.ย.นี้