อ่านเกมธรรมกายยื้อเวลา ดันคดีเป็นเรื่องการเมือง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

17 มิถุนายน 2559 เวลา 19:22 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/analysis/report/438097

อ่านเกมธรรมกายยื้อเวลา ดันคดีเป็นเรื่องการเมือง

โดย…ทีมข่าวในประเทศโพสต์ทูเดย์

ท่าทีของวัดพระธรรมกาย โดยคณะศิษย์พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ซึ่งระบุว่าพระธัมมชโยจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ต่อเมื่อบ้านเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ในมุมมองของนักกฎหมายเห็นว่านี่คือกลเม็ดการยื้อเวลาของวัดพระธรรมกายเพื่อไม่ต้องการมอบตัว

ท่าทีของวัดพระธรรมกาย โดยคณะศิษย์พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ซึ่งระบุว่าพระธัมมชโยจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ต่อเมื่อบ้านเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เพราะการที่บ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตยทำให้ขาดหลักประกันสิทธิเสรีภาพในกระบวนการยุติธรรม ในมุมมองของนักกฎหมายเห็นว่า นี่คือกลเม็ดการยื้อเวลาของวัดพระธรรมกาย

ปรีชา สุวรรณทัต ปรมาจารย์กฎหมาย อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งศึกษาการเคลื่อนไหวของวัดพระธรรมกายและพระธัมมชโยมาโดยตลอด อธิบายการเดินหมากนี้ว่า จากนี้พระธัมมชโยจะยื้อเวลาให้ได้นานมากที่สุด เพราะเชื่อมั่นว่าหากเข้ามอบตัวโอกาสที่จะไม่ได้ประกันตัวมีสูงมาก เนื่องจากที่ผ่านมาก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด หากจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ผ้าเหลืองที่ห่อเอาไว้จะต้องถอดออกทันที

“ข้ออ้างว่า หากบ้านเมืองเข้าสู่ประชาธิปไตยแล้วจะยอมให้จับกุมเลย เรื่องนี้ตลกต่อให้เรามีรัฐธรรมนูญใช้และได้เลือกตั้งกันแล้ว พระธัมมชโยก็จะอ้างว่ายังไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์อีกแน่นอน จึงเป็นเรื่องที่น่าขัน หากจะจับเขาได้ ก็ต้องรอให้น้ำท่วมหลังเป็ดก่อน”

อาจารย์ปรีชาตั้งข้อสังเกตว่า การอ้างถึงบ้านเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยของพระธัมมชโย เป็นความตั้งใจที่จะทำให้คดีความผิดของเขาเป็นเรื่องการเมือง ซึ่งนานาชาติกำลังจับตาประเทศไทยอยู่

“แนวทางของวัดพระธรรมกายคล้ายมากกับแนวทางของนักโทษบางคนที่หนีคดีอยู่ต่างประเทศ”

ปรีชา กล่าวส่วนกรณีที่มีศิษย์วัดพระธรรมกายจำนวนมากนั่งขวางทางเข้าทำให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นภายในวัดไม่ได้ ปรีชา มองว่า เป็นเกมที่ฝ่ายพระธัมมชโยใช้มาโดยตลอด นำคนมากำบังตนเองเอาไว้เวลาเกิดเรื่อง

“ดีเอสไอทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม คงเห็นภาพวันนี้แล้วและคงมีความคิดอะไรบางอย่าง แผนการต่อไปต้องมีแน่นอน แต่จะต้องไม่เกิดขึ้นคือความรุนแรง เพราะหากทำจะเสียหายอย่างหนัก”

ด้าน ไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากความคาดหมาย ดีเอสไอจำเป็นต้องทำเช่นนี้เพราะถ้าไม่ทำก็จะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ไพบูลย์ มองว่า สิ่งที่ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายกำลังทำนั้นผิดกฎหมายและองค์ประกอบก็ครบถ้วน จากนี้ ดีเอสไอจะต้องจับกุมลูกศิษย์ที่ขัดขวางการทำงาน

“ขวางเท่าไหร่ก็จับไปเรื่อยๆ จะถึงตัวพระธัมมชโยแน่นอน ถ้าไม่จับศิษย์ดีเอสไอก็จะผิดไปด้วย จะบอกว่าเข้าไม่ได้เดินกลับดีกว่าคงไม่ได้ เพราะดีเอสไอคือผู้บังคับใช้กฎหมาย ศิษย์สิไม่รู้เรื่องว่ากำลังทำผิดกฎหมาย เราอยู่สภาวะที่ไม่ปกติ ไม่มีรัฐธรรมนูญคุ้มครองชุมนุมได้โดยสงบ แต่ศิษย์กำลังปกป้องคนผิด” ไพบูลย์ ให้ความเห็น

ทั้งนี้ ประเด็นที่ลูกศิษย์วัดขัดขวางเจ้าหน้าที่ แม้ทางวัดจะอ้างว่าเป็นเรื่องของลูกศิษย์ไม่เกี่ยวกับวัด แต่หากดู พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ในหมวด 5 ว่าด้วยเรื่อง “วัด” กำหนดให้เจ้าอาวาสเป็นผู้รับผิดชอบกิจการต่างๆ ที่บรรดาลูกศิษย์เข้ามาพักพิงในวัด

ทั้งนี้ มาตรา 38 กำหนดอำนาจหน้าที่เจ้าอาวาสในการสอดส่องให้บรรพชิตและคฤหัสถ์ที่มีที่อยู่หรือพำนักอาศัยอยู่ในวัดนั้นปฏิบัติตามพระธรรมวินัย และห้ามหรือสั่งให้บรรพชิตและคฤหัสถ์ซึ่งมิได้รับอนุญาตของเจ้าอาวาสเข้าไปอยู่อาศัยในวัด ในกรณีที่เจ้าอาวาสไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ มาตรา 39 ระบุว่า ให้แต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส ให้ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสมีอำนาจและหน้าที่เช่นเดียวกับเจ้าอาวาส

 

Leave a comment