ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
28 สิงหาคม 2559 เวลา 11:43 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/life/life/451095

โดย…วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ ภาพ : สายลมลอย
สายลมลอย คือชื่อที่ สราวุธ วงศ์สุวัฒน์ ใช้เรียกในการสื่อสารผ่านตัวอักษรตั้งแต่เมื่อ 13 ปีก่อน ทั้งหมดคือเรื่องเล่าจากสวนขี้คร้าน โดยบล็อกเกอร์หนุ่มที่ทิ้งชีวิตเมืองกรุงกลับสู่ท้องทุ่งเล็กๆ ใน อ.สวี จ.ชุมพร และใช้ที่นามรดกเป็นห้องทดลอง เรียนรู้ จดบันทึกพร้อมๆ กับแบ่งปันเรื่องราวสู่โลกภายนอก
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ตัวอักษรในสมุดบันทึก จะกลายเป็นเรื่องเล่าที่โลดแล่นอยู่บนโลกโซเชียลและมีกลุ่มผู้ติดตามอ่านอย่างเหนียวแน่นมากว่า 13 ปี ถึงตอนนี้เรื่องราวของนักทดลองแห่งท้องทุ่งถูกนำมาบรรจุไว้ในรูปแบบของหนังสือ “วิถีในนา-ปรัชญาในสวน” จากสำนักพิมพ์โพสต์บุ๊ก ที่ไม่ได้นำเสนอแค่องค์ความรู้ทางเกษตรอินทรีย์ หากยังบันทึกเรื่องราวการพเนจรทางความคิดที่น่าทึ่ง
“หนังสือ บล็อกและเรื่องทั้งหมด เริ่มจากความคิดว่ากลัวจะไม่ได้ใช้ความคิด ผมจึงหาเรื่องให้ตัวเอง (ฮา) ด้วยการเขียนจดหมายไปหาเพื่อนคนหนึ่ง เพื่อให้ตัวเองได้ซ้อมสมอง ใช้สมอง ไม่ใช่อยู่แต่กับนากับไร่ ใช้แต่แรงงานจนสมองแหว่งเว้า” สายลมลอยเล่า

ก่อนหน้าของหนุ่มนักทดลอง คือการทำงานประจำ ก่อนจะตัดสินใจกลับบ้าน ดูแลคนที่รักได้แก่คุณป้าผู้ชราภาพผู้ที่สายลมลอยเรียกว่า “แม่” เมื่อโจทย์ของชีวิตเปลี่ยน ก็คือการตอบคำถามตัวเองว่า ที่เหลือนี้จะต้องทำอย่างไรให้อยู่ได้ มองเห็นแต่วิถีเกษตร
“ผมเป็นคนปลูกต้นไม้ที่แย่ (ฮา) วางแผนปลูกต้นไม้หรือบริหารจัดการพื้นที่ได้แย่มาก พื้นที่นาที่เป็นนาดั้งเดิมก็เป็นพื้นที่น้ำเค็มเข้าถึง นาไม่ได้ข้าว ไม่ได้ผลผลิต ก็ค่อยๆ เรียนรู้ ทดลองมาเรื่อย แก้ไขปัญหาไป ชีวิตเป็นอย่างนี้ ถึงตอนนี้มองย้อนกลับไป โอ้โห”

จากนาของบรรพชนพื้นที่ไม่กี่ไร่เพิ่มเป็น 13 ไร่ ทำทั้งนาข้าวและพืชสวนผสม อีกมีงานช่างตีเหล็กที่สายลมลอยเรียกว่า แบล็กสมิธ (Blacksmith) ที่นักอ่านเรียนรู้ผ่านเขาได้จากหนังสือชุดดูโอไม่ธรรมดาทั้งสองเล่ม
“คนมีเรื่องราวที่แตกต่างกันในแต่ละอาชีพ ในแต่ละหน้าที่ ผมหมายถึงว่าถ้าคุณมีหน้าที่ คุณมีอาชีพของคุณอยู่ คุณก็ทำของคุณไป หนังสือเล่มนี้แค่อยากให้คุณมองไปรอบตัวของคุณ เพื่อที่คุณจะได้เห็นความงาม ความงามนี้จะทำให้คุณมีชีวิตอยู่ได้ ทำหน้าที่ของคุณต่อไปได้โดยไม่หัวทิ่ม”
สายลมลอยแห่งสวนขี้คร้านบอกว่า มองให้เห็นความงามที่อยู่รอบตัว ที่จะช่วยให้คุณอยู่ได้ ใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีแก่นแกนจากภายใน ความงามนี้อาจมาจากความไม่มีระเบียบ ความเละเทะ ความไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียว แต่มองให้ดีก็จะมีความน่ามองที่แทรกอยู่ อาจเป็นต้นไม้เล็กๆ สักต้นที่งอกเงยอยู่บนกองปรักหักพัง

“ถ้าคุณเห็นต้นไม้ต้นนั้น ก็เท่ากับหนังสือสองเล่มนี้ได้ทำหน้าที่”
สายลมลอยแนะนำทุกคนไม่ว่าใครให้สร้างแรงบันดาลใจสำหรับตัวเอง อยากเป็นชาวสวนชาวนาไม่จำเป็นต้องลาออกจากงานมาทำ สำคัญว่าคุณอยู่กับอะไร ใช้ชีวิตทำอะไร คุณก็อยู่กับสิ่งนั้น ที่สำคัญคือให้จดบันทึกสิ่งเหล่านั้นไว้ ไม่ว่าจะด้วยรูปแบบใดก็ตาม เช่น การเล่าให้คนอื่นฟัง การจดบันทึก การถ่ายภาพหรืออะไรก็ตาม ขอเพียงให้เรื่องที่คุณเล่า มันอยู่กับตัวคุณหรือระลึกถึงได้เมื่อต้องการ
สิ่งนี้สำคัญเพราะถ้าคิดถึงมันจำมันได้ คุณจะขอบคุณตัวเอง บางเรื่องน่าประทับใจมาก แต่คุณนึกถึงมันไม่ออก ชีวิตขอแค่สิ่งเล็กๆ ที่มาเขี่ยให้จำ ระลึกได้ถึงความทรงจำที่มีคุณค่าต่อตัวเอง อะไรก็ได้ที่ขอแค่เมื่อย้อนกลับไป สิ่งนั้นย้อนกลับมาให้พลังแก่เรา สร้างแรงแก่เราจนกว่าเราจะผ่านพ้นเรื่องยากในชีวิต
สายลมลอยพูดถึงหนังสือของตัวเองว่าคือเรื่องของคนเล็กๆ บันทึกเรื่องราวเล็กๆ เล่าเรื่องเล็กๆ ก็หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์ จะประสบความสำเร็จหรือไม่ประสบความสำเร็จไม่สำคัญ เพราะสัจจะความจริงทางธรรมชาติคือเรื่องสำคัญที่เกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่อยากทำคือการขอบคุณคนอ่านและคนที่ “อุตส่าห์” ติดตามบล็อกและเป็นแฟนกันมาอย่างเหนียวแน่น
“ต้องใช้คำว่าอุตส่าห์ครับ ขอบคุณแฟนทุกคนที่ติดตามมามาอย่างยาวนาน เป็นสิ่งที่มีความหมายมาก”
