ธเนศ จิระเสวกดิลก – พัฒนพงศ์ รานุรักษ์ มีความเหมือนที่แตกต่างอย่างลงตัว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

10 กันยายน 2559 เวลา 10:50 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/life/life/453705

ธเนศ จิระเสวกดิลก - พัฒนพงศ์ รานุรักษ์ มีความเหมือนที่แตกต่างอย่างลงตัว

โดย…อณุสรา ทองอุไร ภาพ… กิจจา อภิชนรจเรข

หลายคนเชื่อว่าการทำธุรกิจร่วมกับเพื่อนสนิทมีทั้งข้อดีข้อเสีย ข้อเสียคือหากผิดใจกันนอกจากจะเสียธุรกิจแล้วจะเสียเพื่อนไปด้วย แต่ไม่ใช่กับสองหนุ่มคู่นี้ ตรง-ธเนศ จิระเสวกดิลก และตี๋-พัฒนพงศ์ รานุรักษ์ เจ้าของสปาดิวาน่า ที่เปิดธุรกิจสปาด้วยกันมาเมื่อ 16 ปีที่แล้วโดยที่ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ทำงานเป็นพนักงานต้อนรับของสายการบินสวิสแอร์และสนิทกันตั้งแต่นั้นเรื่อยมา จนกระทั่งมาเปิดสปาด้วยกัน ถึงวันนี้มีอยู่ถึง 5 สาขา และยังต่อยอดธุรกิจทำเครื่องสำอางบำรุงผิว DII เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี รวมทั้งจะมีการขยายไลน์เพิ่มในกลุ่มครีมบำรุงอีก 2-3 ชนิด และอนาคตอาจจะมีเมกอัพเพิ่ม เพื่อให้ครบวงจร

ในอนาคตอันใกล้นี้ จะเปิดโรงเรียนสอนบุคลากรเพื่อมาใช้ในธุรกิจสปา เนื่องจากมีแผนที่จะเปิดสปาเพิ่มทั้งในและต่างประเทศภายใน 2 ปีข้างหน้านี้ รวมทั้งอาจจะเริ่มขายแฟรนไชส์ไปในประเทศอาหรับและจีน เนื่องจากมีคนรู้จักติดต่อเข้ามา

แนวโน้มธุรกิจสปาไทย กำลังได้รับความนิยมมากในต่างประเทศ แม้ทางการแพทย์ในต่างประเทศ ก็เริ่มยอมรับว่าการนวดแผนไทยนั้นช่วยชะลอรักษาโรคได้หลายอย่าง จึงเริ่มเป็นที่นิยมในแถบยุโรปและอาหรับมากขึ้น ด้วยการที่ทั้งคู่รู้จักกันมานานเกือบ 20 ปี เรียกว่ารู้จักนิสัยใจคอกันมาเป็นอย่างดี

ระยะเวลาอันยาวนานขนาดนี้ ทำให้ทั้งสองเชื่อว่ามิตรภาพอันแนบแน่นนี้จะไม่มีปัญหาใดๆ ให้ขัดใจกันได้อย่างแน่นอน เนื่องจากเหมือนกับคนในครอบครัวเดียวกัน ที่หากผิดพลาดผิดใจกันก็พร้อมจะให้อภัยกันเสมอวิธีคิดหลายอย่างเขาทั้งคู่เหมือนกันและมีจุดยืนหลายอย่างไปในทิศทางเดียวกัน

 

หากว่าความเห็นในเรื่องงานไม่ตรงกัน ก็จะหาเหตุผลของแต่ละฝ่ายมาคุยกัน ดูจุดเด่นจุดด้อยประกอบการตัดสินใจ ใครเหตุผลดีกว่าทฤษฎีดีกว่าก็ต้องยอมรับ หรือไม่ก็โหวตกันหาความเห็นที่สาม หรือไม่ก็ลองให้โอกาสทำดูสักพักถ้ามันเวิร์กก็ทำต่อ ถ้าไม่เวิร์กก็หยุดแล้วมาทบทวนกันใหม่

อยากให้เขาดูแลสุขภาพมากกว่านี้…

ธเนศ กล่าวถึงพัฒนพงศ์ว่า เขาเป็นคนคิดเร็วทำเร็ว และมีความเป็นนักวิชาการสูง เพราะมาในสายนักวิชาการเนื่องจากเขาเคยเป็นผู้ช่วยสอนในมหาวิทยาลัย ทำงานวิจัยมาก่อน เป็นคนที่ทฤษฎีแน่นเป๊ะมาก คนหนึ่งมาทางบู๊ อีกคนไปทางบุ๋น แต่ภาพรวมแล้วทำให้ดูลงตัว

“เขาเป็นคนที่กล้าจะลอง กล้าที่จะลงทุนอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ จะมีความเชื่อว่าหากจะทำอะไรแล้ว ถ้าทุกอย่างพร้อมสัก 70-80 เปอร์เซ็นต์ แล้วก็ทำได้เลย ไม่ต้องรอ 100 เปอร์เซ็นต์หรอก เพราะในโลกนี่ไม่มีอะไรที่จะมั่นใจได้เต็ม 100 ถ้าคิดว่ามันดีแล้วก็ทำเลย อย่ารอให้เสียเวลา ซึ่งบ่อยครั้งที่ความคิดของเขาแม่นยำจริงๆ” ธเนศ พูดถึงเพื่อนด้วยรอยยิ้ม

ส่วนที่ธเนศห่วงเพื่อนก็คือ เขาเป็นคนทำงานหนักมาก เป็นคนคิดเยอะคิดตลอดเวลา จนแทบจะไม่ได้ดูแลตัวเอง มีหลายครั้งที่ดูเหมือนว่าเขาจะเครียด โดยไม่รู้ตัว

 

“เราก็พยายามจะเตือนเขาให้อย่าเครียด หรือให้พักๆ บ้าง เพราะเขาเป็นไทรอยด์ ซึ่งหลังๆ เขาก็พยายามที่จะพักและใจเย็นขึ้น ปล่อยวางได้มากขึ้น และหันมาอ่านหนังสือธรรมะ เริ่มหัดทำสมาธิ เอาหลักธรรมมาใช้ในชีวิตได้มากขึ้น ซึ่งดูเพื่อนนิ่งและมีความสุขมากขึ้น เพราะงานก็เข้าที่เข้าทางไม่มีอะไรให้ต้องห่วง พักบ้างผ่อนคลายบ้างก็ได้” ธเนศ กล่าวด้วยความห่วงใย

ด้านพัฒนพงศ์ ก็ได้กล่าวถึงธเนศว่า เขามีความเป็นอาร์ตในตัวสูง เป็นคนชอบศิลปะ ชอบอ่านหนังสือ ชอบดูแมกกาซีน มีความรู้รอบตัวเยอะมาก เวลาทำงานเขาจะนิ่งๆ ค่อยๆ คิดค่อยๆ ตัดสินใจ เป็นคนรอบคอบระมัดระวัง คอยสังเกตการณ์

“เขาจะเป็นตัวเบรก คอยเบรกเวลาที่ผมเริ่มคิดหรือทำอะไรเร็วเกินไป คอยบาลานซ์ให้เราว่าควรรอก่อนไหม คอยจังหวะที่เหมาะสม ตัวผมเองเรียนการตลาดมาจึงชอบทำอะไรเร็วๆ ส่วนตรงอะไรไม่ชัวร์เขาจะไม่ทำ พอ 2 คนมาเจอกันมันเลยลงตัว พอดีกันคนหนึ่งช้า คนหนึ่งเร็ว เป็นความแตกต่างที่ลงตัวเป๊ะ เปรียบเสมือนเป็นหยิน-หยาง ซึ่งคนข้างนอกจะมองว่าเราคล้ายกัน แต่ไม่ใช่ในรายละเอียดเราก็ต่างกันเยอะ กระบวนการคิดวิธีการจะต่างกัน แม้ภาพกว้างอาจจะดูคล้ายกันนะ”

พัฒนพงศ์ บอกว่าไม่มีอะไรห่วงเพื่อน เพราะเขาใช้ชีวิตดี มีตรรกะที่ดี มีความกตัญญูต่อครอบครัว ใจดีกับคนรอบข้างเสมอ เขาใช้ชีวิตแบบมีหลักการ มีความสมดุลสมเหตุสมผล ชิวๆ อารมณ์ดีกับทุกๆ คน เรื่องอื่นๆ เขาดีหมด

“จะมีก็แบบเรื่องหลุดๆ เล็กๆ น้อยๆ เดินเผลอตกฟุตปาท ชนนั่นชนนี่ ก้างติดคอ บ้างเหมือนเด็กๆ”  พัฒนพงศ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

Leave a comment