ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
21 กันยายน 2559 เวลา 10:20 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/life/life/455729

โดย…ภาดนุ ภาพ เอพี/เอเอฟพี
เราเชื่อว่าทุกคนคงเคยได้ยินและเคยเห็นใบปลิวโฆษณาธุรกิจ Work @ Home หรืองานที่สามารถทำจากบ้านได้ มีอิสระ เป็นงาน Part Time นอกเวลา รายได้ 8,000-5 หมื่นบาท/เดือน สนใจติดต่อได้ตามเบอร์โทร…กันมานักต่อนักแล้ว
เพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งซึ่งตกเป็นเหยื่อ เล่าว่า ตอนที่ได้ใบปลิวมา แรกๆ เขาก็ยังไม่เชื่อเท่าไหร่นัก กระทั่งได้ไปเจอโฆษณาจากเว็บไซต์เว็บหนึ่งในอินเทอร์เน็ตอีก ซึ่งโฆษณาว่า “งานนี้ไม่ใช่งานขาย เพียงคุณทำงานจากที่บ้านผ่านทางระบบของเรา คุณก็สามารถมีรายได้มากมายอย่างน่าประหลาดใจ” และอื่นๆ อีกสารพัดที่จะชวนเชื่อ รวมทั้งการตั้งชื่อบริษัท การโน้มน้าวใจ จนเพื่อนรุ่นน้องตัดสินใจไปยังสถานที่ที่บริษัทพวกนี้ได้จัดฉากไว้เพื่อการฝึกอบรมบนอาคารแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง
มีผู้คนหลงเชื่อมารับการอบรมมากมาย ส่วนหนึ่งเพราะอยากทราบว่า จะทำงานจากที่บ้านแล้วมีรายได้ดีขนาดนี้ได้อย่างไร เรียกว่ามีแทบทุกชนชั้น ตั้งแต่เด็กมัธยม คนทำงาน คนตกงาน ผู้สูงอายุ บางคนมาจากต่างจังหวัดก็มี
เมื่อเข้าไปในห้องอบรม จะมีคนมายืนปรบมืออยู่เป็นแถว จากนั้นก็เชิญพิธีกรขึ้นไปพูดบนเวทีถึงผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชนิดหนึ่งซึ่งกินแล้วได้ผลดียังงั้นยังงี้ มีภาพประกอบ มียกตัวอย่างผู้ที่เคยใช้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากเมืองนอก มีคนมากกว่า 30 ล้านคนใช้ผลิตภัณฑ์นี้
หลังจากนั้นเหล่า “ซูเปอร์ไวเซอร์” (Supervisor) ก็ยกตัวอย่างตนเองที่มาทำงานตรงจุดนี้ แล้วมีรายได้มากมาย และสุดท้ายก็สรุปว่า พวกคุณก็สามารถเป็นอย่างพวกเขาได้ เพียงแต่สมัครเป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์กับบริษัทเท่านั้น
ถึงตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้วว่านี่มันขายตรงนี่นา โดยไม่ทราบเลยว่าวิธีการทำงานจากที่บ้านที่ว่านั้นเป็นอย่างไร แต่ซูเปอร์ไวเซอร์ก็จะบอกว่า ต้องสมัครเข้ารับการอบรมก่อน โดยเสียค่าสมัคร 500 บาท แล้วเขาค่อยอธิบายให้ฟังทีหลัง พูดแค่นี้เพื่อนรุ่นน้องก็รีบถอนตัวแล้วเดินออกจากห้องทันที จนได้พบกับสาวคนหนึ่งซึ่งเล่าว่า เธอได้หลวมตัวสมัครเข้าไปฟังการอบรมแล้ว ซึ่งในการอบรมได้สรุปว่า การที่จะมีรายได้โดยที่เราไม่ต้องไปขายสินค้านั้น เราจะต้องเป็นซูเปอร์ไวเซอร์ก่อน แล้วจึงค่อยหา “ดาวน์ไลน์” (Down Line) ให้ขายของแทนเรา
แต่กว่าจะเป็นซูเปอร์ไวเซอร์ได้นั้น เธอบอกว่าจะต้องขายสินค้าเพื่อให้ได้คะแนนสะสม 3,000 คะแนนขึ้นไปใน 1 เดือน ซึ่งทำได้ยากมากในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ เพราะสินค้าราคาชุดละ 4,500 บาท แล้วยังโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณจนเกินจริง ต้องขายให้ได้ถึง 30 ชุด ซึ่งเธอบอกว่าเธอทำไม่ได้
คนเหล่านั้นจึงบอกว่า มีอีกวิธีหนึ่งคือ เธอต้องเหมาซื้อสินค้าไปเลย 30 ชุด แล้วเลื่อนเป็นซูเปอร์ไวเซอร์ เสียเงินซื้อสินค้าประมาณ 5 หมื่นบาท แล้วหาดาวน์ไลน์เพื่อปล่อยสินค้าอีกต่อหนึ่ง แล้วพูดจาหว่านล้อมต่างๆ นานาว่าเป็นซูเปอร์ไวเซอร์แล้วดีอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นแล้วสามารถทำงานจากที่บ้านได้
ถึงจุดนี้เธอก็พอจะรู้แล้วว่า เธอกำลังจะโดนหลอกเป็นรอบที่ 2 เพราะไม่มีงานที่ไหนที่ทำจากบ้านแล้วได้เงินเยอะๆ นอกจากงานที่หลอกผู้คนในลักษณะนี้ ถามว่าทำจากที่บ้านได้ไหม ตอบว่าได้ แต่หารู้ไม่ว่าคุณต้องเสียเงินทองมากกว่า 6 หมื่นบาท ซึ่งในคำโฆษณาชวนเชื่อไม่ได้บอกไว้
วิธีการของธุรกิจนี้พอจะสรุปได้ดังนี้คือ
-เสียเงินซื้อสินค้าเพื่อเป็นซูเปอร์ไวเซอร์ หรือไม่ก็ลงทุนซื้อสินค้าไปขายเองประมาณ 5-6 หมื่นบาท ถามว่าคุณกล้าเสี่ยงมั้ย
-เมื่อเป็นซูเปอร์ไวเซอร์แล้วก็เริ่มหาดาวน์ไลน์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยสร้างเว็บส่วนตัวหรือใช้โทรศัพท์ วอยซ์เมล แล้วหลอกให้คนมาลงทะเบียนรับการอบรมในเว็บเรามากๆ (อาจใช้วิธีการโฆษณาผ่านเน็ต หรือติดประกาศตามที่ต่างๆ หรือเดินแจกเอกสาร) แล้วนัดให้คนเหล่านั้นไปอบรมจากวิทยากรมืออาชีพ ซึ่งเป็นคนของบริษัทที่มีลีลาการพูดโน้มน้าวใจเป็นอย่างดี
-กล่อมให้คนที่เข้ามาอบรมที่ลงทะเบียนกับเราไว้ ให้สมัครเป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าให้ได้
-เมื่อเขาสมัครแล้วก็ดำเนินแผนขั้นต่อไป คือกล่อมให้เขาลงทุนเป็นซูเปอร์ไวเซอร์ให้ได้ โดยซื้อสินค้าทีละมากๆ โดยไม่สนว่าเขาจะเอาไปกินเอง หรือเอาไปถมเขื่อน (นี่แหละคือการขายแบบลูกโซ่)
-เมื่อดาวน์ไลน์ของเราเป็นซูเปอร์ไวเซอร์ แล้วก็ต้องฝึกอบรมเขาให้มีความเก่งกล้าในการออกไปหลอกลวงชาวบ้านหรือญาติพี่น้องของตัวเองให้มาเป็นดาวน์ไลน์ของเขาเองในรุ่นต่อๆ ไปแบบพีระมิด
นี่คือวิธีการทั้งหมดที่บริษัทนี้ใช้ รู้ไหมคนที่ได้รับผลกำไรคือคนของบริษัทนั้นนั่นเอง เขาเหยียบเราขึ้นไปข้างบนเรื่อยๆ ในขณะที่เราต้องหลอกคนอื่นมาให้เราเหยียบ การทำงานจากที่บ้านที่โฆษณาไว้นั้นแทบมองไม่เห็นภาพเลยว่า ทำอย่างไรจึงจะมีรายได้ขนาดนั้น และสามารถจะทำจากที่บ้านได้อย่างไร เพราะเราต้องออกไปหลอกคนอื่นมาร่วมงานอยู่ดี
ฉะนั้นก่อนตัดสินใจไปฝึกอบรม ควรไตร่ตรองถึงผลได้ผลเสียให้ดีซะก่อน