ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
13 กันยายน 2559 เวลา 16:23 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/life/life/454246

โดย…ดร.ต้อง เดอะ ฟิลเตอร์ ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์
ผมสังเกตเห็นบ่อยๆ ว่า เวลาใครเครียดเรื่องคน หรือเรื่องงานทีไร ก็มักจะหาเรื่องเที่ยว ทั้งเที่ยวในประเทศ ทั้งเที่ยวต่างประเทศ แต่น้อยคนจะหันมาทำความเข้าใจว่า การเที่ยว แม้สนุก มีสีสัน ทำให้ชีวิต
ไม่นิ่งอยู่กับที่ แต่บางทีก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าการเตะถ่วง ซื้อเวลาเพื่อเอาตัวเองออกจากชีวิตเดิมๆ ปัญหาเดิมๆ หรืออะไรก็ตามที่ต้อง “ทน” มันต่อไป
การเที่ยว แม้นำความสุขมาให้ชีวิตกระชุ่มกระชวยขึ้นได้บ้าง แต่หากเป็นวิธีเยียวยาหัวใจวิธีเดียวที่เราใช้มันพร่ำเพรื่อ จากอะไรที่กวนใจให้ขุ่นหมอง อาจกลายเป็นการพบแต่ที่เที่ยว แต่
ไม่เคยพบสถานที่ที่มีความหมายต่อชีวิตจริงๆ ภายในใจเราเอง
นักท่องเที่ยวที่สุข ไม่ว่าอยู่ไหนก็ทำตัวให้สุขได้ เป็นเพราะเขาไม่ได้พบแต่ที่เที่ยว แต่พบสถานที่ที่มีความหมายต่อชีวิตและจิตใจเขา เมื่อเขาเดินทางไปไหน ก็สุขได้ทุกที่ แต่ใครบ้างจะพอมองออกว่า มันมีสถานที่หลายแห่งที่ช่วยทำให้ชีวิตสุขขึ้นได้จริง มากกว่าแค่เที่ยวไปเรื่อยๆ เช่น
สถานที่ที่น่าอยู่ที่สุดคือ อยู่ในความประทับใจของคนอื่น
จากประสบการณ์ให้คำปรึกษา หลายคนใช้ชีวิตโดยลืมสร้างความประทับใจให้กับคนรอบข้าง ตัวเองก็ไม่คิดชอบสิ่งที่ตัวเองคิด ตัวเองทำ จนกลายเป็นอยู่ไปวันๆ การที่ไม่ค่อยประทับใจใครหรืออะไร มีแต่คิดเรื่องทำมาหากิน พานทำให้คนใกล้ตัวเรารู้สึกหมดคุณค่าไปด้วย เพราะเราไม่เคยคุยเรื่องดีๆ พูดจาดีๆ เพื่อให้คุณค่าต่อกัน มีแต่ปัญหาที่ต้องแก้ ชีวิตส่วนตัว ชีวิตครอบครัวก็ดูเครียดขึ้น เนื่องจากไม่มีอะไรประทับใจมาคุยกันเลย จนท้ายสุดเจอหน้ากันก็เบื่อแล้ว
ทีนี้ พอคิดหนีเครียดไปเที่ยว เพราะคิดว่าอาจมีอะไรดีขึ้นบ้าง ปรากฏว่ากลายเป็นการเปลี่ยนที่ทะเลาะกันเท่านั้นเอง
สถานที่ที่น่าไปที่สุดคือ เป้าหมายตามใจฝัน
คนที่ไม่เคยตั้งเป้าหมายอะไรในชีวิต ทำอะไรก็จะทำครึ่งๆ กลางๆ ไปอยู่ที่ไหนก็จะรู้สึกเสมอว่า เราไม่ควรอยู่ที่นี่ (นาน) ดังนั้น ถ้าเราไม่เคยมี
เป้าหมายชีวิตที่ฝันไว้ เราไปที่ไหนก็ไม่รู้สึกว่าใช่สักที่ ท้ายสุดเราก็จะรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนคนพายเรือวนอยู่กลางทะเล ไปไหนก็ไม่สุขจริง เพราะไม่เคยรู้สึกได้ถึงเป้าหมายที่ใจต้องการนั่นเอง
สถานที่ที่น่าจดจำที่สุดคือ ความหวังดีของคนอื่นที่ให้เราอย่างคาดไม่ถึง
ดังนั้น อย่าลืมขอบคุณคนทุกคนที่ทำให้เราเป็นเราวันนี้ รวมถึงคำขอบคุณที่มีให้ คนทุกคนที่ช่วยเราตามทางที่เดินผ่านมา แม้บางคนอาจแทบไม่รู้จักกันดี เพราะถ้าเราลืมคนดีๆ ที่เคยช่วยเรา เราจะมองชีวิตอย่างคนที่ไม่มีใคร แล้วเราจะรู้สึกเลยว่า ไปไหนก็ดูว่างเปล่า ไว้ใจใครไม่ได้สักคน
จริงๆ มันเป็นเพราะเราไม่ได้จำคนที่เคยทำอะไรดีๆ ให้กับเราต่างหาก
สถานที่ที่น่าพิศวงที่สุดคือ ส่วนลึกในหัวใจเราเอง
ใครที่คิดว่า ไม่มีใครสักคนเข้าใจเราเลย อาจต้องทำความเข้าใจใหม่ว่า บางทีอย่าว่าแต่คนอื่นเลย เราเองก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองทำทั้งหมด และจนวันนี้ก็ยังขุดเจอไม่หมดสักที ก็เพราะตัวเราเองมันคือ แดนพิศวง ที่ยากจะหยั่งถึงจนหมด และคงต้องค่อยๆ เรียนรู้จักความต้องการข้างในใจตัวเอง ไปชั่วชีวิต และทุกช่วงชีวิต
คนที่ปล่อยวาง ค่อยๆ ทำความรู้จักตัวเอง ไม่เคร่งครัดกับตัวเองเกินไปจนผิดหวังตัวเองง่าย เวลาไปทำอะไร หรือไปเที่ยวไหน ก็จะยอมปล่อยวาง มีความสุขง่าย เพราะเห็นว่าทุกอย่างคือประสบ การณ์ เขาพร้อมจะสนุก พร้อมไปทุกที่ พร้อมเปิดใจรับทุกอย่าง และพร้อมให้ประสบการณ์การเดินทางนำทางสอนหัวใจเขา แทนที่จะรัดกุมวางแผน จนเมื่อผิดแผนก็หงุดหงิดจนหมดสนุก
และสถานที่ที่สงบที่สุดคือ การค้นพบความสุขแท้ของหัวใจ
มันคือความลงตัวของชีวิต ที่เราสามารถมองดูกระจกแล้วพูดกับตัวเองได้ว่า ดีใจจังเลย ที่เราทำสิ่งนี้ เวลานี้ แบบนี้ เราภูมิใจตัวเองที่ไม่หลอกตัวเอง และทำสิ่งที่ภายในใจต้องการอย่างแท้จริง
เราได้ไปทุกที่เหล่านี้แล้วหรือยังครับ? ถ้ายัง…การไปเที่ยวของเราก็คงยังไม่สุขจริง เพราะใจคงยังไม่นิ่งพอ