PROBLEM&FEAR Makeover

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

12 ธันวาคม 2559 เวลา 10:32 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/life/life/469867

PROBLEM&FEAR Makeover

โดย…ชลญ่า

สำคัญที่ต้องดูดีจากข้างในด้วย

บุคลิกภาพทางกายเป็นลักษณะที่มองเห็นได้ง่ายจากรูปร่าง หน้าตา กิริยา ท่าทาง มารยาท ภาษากายต่างๆ การแต่งตัว การพูดการจา การแสดงออกต่างๆ ตลอดจนความสะอาด สุขภาพอนามัย ฯลฯ ถ้าหน้าตาดี หุ่นดี ท่าทางดี อากัปกิริยาดีมารยาทเรียบร้อย การแต่งตัวที่ดูดีและเหมาะสมกับกาลเทศะ พูดจาดี มีจังหวะจะโคนน่าฟัง มีสัมมาคารวะ เหล่านี้เป็นต้นจะยิ่งทำให้บุคลิกภาพภายนอกดูดีมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น

ทว่า การที่บุคลิกภายนอกดูดี แต่ถ้าข้างในคือในส่วนของอารมณ์และจิตใจไม่ดี มักอารมณ์เสีย ชอบคิดไม่ดีอันนำไปสู่การทำไม่ดี ก็พลอยฉุดให้ภาพลักษณ์หรือบุคลิกภายนอกดูไม่งามและไม่ดีในสายตาคนที่พบเห็นด้วย เพราะฉะนั้นบุคลิกภาพภายในจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรต้องมี และถ้ามีก็จะเสริมให้บุคลิกภาพทางกายงดงาม ดูน่าศรัทธาและเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

1.ต้องมีความสามารถในการควบคุมอารมณ์หมายถึง ความสามารถในการควบคุมอารมณ์โลภ โกรธ หลง ไม่ให้เกิดขึ้นในใจ หากไม่สามารถควบคุมความโลภของตนเองไว้ได้ ต่อไปก็จะเกิดการคดโกง การทุจริต การลักขโมย เบียดบัง ช่อโกง หนีภาษี หรือทำอะไรอื่นที่ผิดกฎหมาย เวลาทำอะไรก็จะหวังแต่ผลประโยชน์ฝ่ายเดียว โดยไม่คำนึงถึงกฎหมาย ศีลธรรม ตลอดจนจารีตประเพณี

หากเกิดอารมณ์โกรธก็จะมีอาการหงุดหงิด ขุ่นเคือง ไม่พอใจ บางทีไม่สามารถควบคุมสติ ขาดการยั้งคิดอาจทําให้การตัดสินใจผิดพลาด หรือทํางานบกพร่อง สร้างความเสียหายให้กับงาน ตัวเอง และองค์กร เป็นต้น หากอารมณ์ตกอยู่ภายใต้โมหะก็อาจหลงมัวเมาเดินในทางผิด เช่น อบายมุข สิ่งเสพติดต่างๆ ทําให้ละทิ้งหน้าที่การงานจนต้องถูกไล่ออก หรือละทิ้งครอบครัวจนอาจทําให้ครอบครัวแตกแยกในที่สุด

ในทางกลับกัน ถ้าสามารถควบคุมอารมณ์และรักษาใจตัวเองไว้ได้ก็จะเป็นผู้ที่มีอารมณ์ดี ไม่เครียด ยิ้มแย้มแจ่มใส มีมนุษยสัมพันธ์ดีต่อคนใกล้ชิดและคนรอบข้าง คนอื่นเห็นก็ชม คนที่มาคุยด้วยก็ชื่นชอบ อย่างนี้เรียกว่างามจากข้างในฉายออกมาถึงข้างนอก

2.มีทัศนคติที่ดีต่อการปฏิบัติงานจะทําให้มีจิตมุ่งมั่นในการทํางาน ทุ่มเทในการทํางานทั้งร่างกายและจิตใจและพร้อมที่จะฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ทํางานด้วยใจรักและทํางานโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ ก็ยังได้

3.มีความสามารถในการตัดสินใจ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในด้านต่างๆ รู้บทบาทหน้าที่ของตนเอง มองเห็นผลที่จะเกิดขึ้นตามมาจากการตัดสินใจของตน โดยให้มุ่งองค์กรได้รับผลประโยชน์สูงสุดและเกิดความเสียหายน้อยที่สุด

ทั้งนี้ แม้บุคลิกภาพภายนอกจะดูดีแค่ไหนก็คงไม่ยั่งยืน หากตราบใดที่ภายในคือจิตใจไม่มั่นคง มีความลังเล กล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าตัดสินใจ ตลอดจนมีทัศนคติไม่ดีและมักอารมณ์เสีย เช่น โกรธง่าย โมโหร้าย เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เสียบุคลิกภาพและภาพลักษณ์อย่างยิ่ง

ภาพ… รอยเตอร์ส

 

บุคลิกของประธานที่นำการประชุม

ความสามารถในการนำประชุมยังเป็นทักษะที่สำคัญอย่างหนึ่งของผู้บริหารหรือผู้นำองค์กร เนื่องจากสภาพภายในห้องประชุมจริงๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับภายในสถานที่ทำงาน เนื่องจากมีองค์ประกอบหลายอย่างคล้ายๆ กัน เช่น มีหลายๆ คนร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ร่วมกันประชุม อาจมีเรื่องของบุคลิกภาพของแต่ละคน ทัศนคติ มุมมอง ความรู้ความเข้าใจ หรืออาจมีความขัดแย้งกันอยู่ก็เป็นได้

รศ.ดร.วิทยาธร ท่อแก้ว อาจารย์ประจำสาขาวิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า การเป็นประธานผู้นำประชุมจึงไม่ใช่เรื่องที่ง่าย เนื่องจากเป้าหมายสูงสุดคือประสิทธิผลที่จะได้จากการประชุม แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินความสามารถของคนระดับผู้บริหารหรือผู้นำองค์กรในการทำหน้าที่นี้ ซึ่งต้องใช้เทควิธีการต่างๆ ที่ใช้ในการประชุมและส่วนหนึ่งที่ต้องมีคือบุคลิกภาพส่วนตัวที่สำคัญประกอบด้วย

1.การมีภาวะผู้นำ เป็นคุณลักษณะที่มีอิทธิพลเหนือบุคคลอื่นในทางบวก ทำให้เกิดพฤติกรรมการมีส่วนร่วมและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสมาชิกที่เข้าร่วมการประชุม

2.มีความมั่นใจในตนเอง โดยผู้นำการประชุมต้องศึกษารายละเอียดของหนังสือเชิญประชุม กำหนดการประชุม รวมถึงวาระการประชุมอย่างดี และมั่นใจว่าจะสามารถบริหารการประชุมให้สมาชิกที่เข้าร่วมประชุมเต็มใจที่จะมีส่วนร่วมในการประชุม ทั้งนี้ อากัปกิริยา ท่าทาง น้ำเสียง คำพูด และสายตาของประธานที่ประสานกับสมาชิกผู้เข้าร่วมประชุมจะเป็นดัชนีชี้ความมั่นใจได้อย่างดี

3.มีทักษะในการคิดและวิเคราะห์ โดยมีความชัดเจนในขั้นตอนการคิด วิเคราะห์ และการตัดสินใจด้วยเหตุด้วยผล ตลอดจนสามารถสรุปประเด็นและสรุปกิจกรรมในแต่ละวาระการประชุม พร้อมทั้งทำการมอบหมายงานได้อย่างถูกต้องและชัดเจน

4.มีความยุติธรรม กล่าวคือมีความเป็นธรรมในการให้โอกาสแก่สมาชิกผู้เข้าร่วมประชุมทุกคน ได้แสดงความคิดเห็นโดยเสรี รวมถึงมีความยุติธรรมในการตัดสินใจมอบหมายกิจกรรมต่างๆ

5.มีความสุขุมนุ่มลึก โดยต้องพยายามควบคุมตนเองให้ปราศจากความเอนเอียงไปเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ไม่มีอารมณ์โกรธฉุนเฉียว แม้ในยามที่ต้องเผชิญกับปัญหาร้ายแรงขององค์กรก็สามารถใช้ความเยือกเย็นและสมาธิเข้าคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหาโดยปราศจากความตื่นตระหนก

6.มีทักษะในการสื่อสาร นำเสนอประเด็นผ่านสื่อการพูด สื่ออื่นตามความเหมาะสม มีทักษะในการสรุปประเด็นให้ผู้อื่นเข้าใจได้โดยง่าย รวมถึงการสั่งการที่กระชับ การตัดบทไม่เยิ่นเย้อ และควรมีทักษะในการฟังจากผู้เข้าร่วมประชุมที่อาจจะมีวิธีการพูดในรูปแบบต่างๆ

 

Leave a comment