ย้อนรอยคดีจีทูจี อุ่นเครื่องก่อนพิพากษา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

21 สิงหาคม 2560 เวลา 07:27 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/analysis/report/510244

ย้อนรอยคดีจีทูจี อุ่นเครื่องก่อนพิพากษา

โดย…ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

การเมืองตลอดทั้งสัปดาห์ต้องเทความสนใจไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเตรียมนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีรับจำนำข้าวที่มี “บุญทรง เตริยาภิรมย์” อดีต รมว.พาณิชย์ และ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยพร้อมกันในวันที่ 25 ส.ค.นี้

ก่อนอื่นต้องย้ำกันอีกครั้งแม้ “ยิ่งลักษณ์-บุญทรง” จะต้องมาฟังคำพิพากษาในวันเดียวกัน แต่คดีของทั้งสองคนนั้นต่างมีข้อหาที่แตกต่างกัน

โดยกรณีของยิ่งลักษณ์ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวหาในข้อละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้มีการทุจริต ขณะที่กรณีของบุญทรงถูกกล่าวหาทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว)

สำหรับข้อกล่าวหาบุญทรงที่ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนนั้นมีสาระสำคัญดังนี้

บุญทรงและพวกได้ร่วมกันกระทำความผิดด้วยการแบ่งหน้าที่กันทำงาน โดยช่วยเหลือ มุ่งหมาย และเอื้อประโยชน์ให้กับ Guangdong stationery & sporting goods imp. & exp. Corp. และ Hainan grain and oil industrial trading company ซึ่งมิได้รับมอบหมายจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขาย แต่ให้มีสิทธิเข้าทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ โดยไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอราคารายอื่นแล้วนำข้าวที่ซื้อได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาขายภายในประเทศ หรือต่ำกว่าราคาที่ฝ่ายไทยเสนอ หรือต่ำกว่าราคาที่รับจำนำเพื่อนำไปขายต่อให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวในประเทศ หรือนำไปให้บริษัท สยามอินดิก้า นำไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่กรมการค้าต่างประเทศ และประเทศชาติอย่างร้ายแรง

นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังไต่สวนโดยได้ข้อสรุปเพิ่มเติมอีกว่า การที่คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวเป็นผู้ให้ความเห็นชอบ กับ (1) บริษัท Haikou Liangmao Cereals and Oils Trading Co., Ltd. ปริมาณ 3 ล้านตัน (2) บริษัท Haikou Liangyunlai Cereals and Oils Trading Co., Ltd. ปริมาณ 2 ล้านตัน (3) บริษัท Hainan Province land Reclamation Indus trial Development ปริมาณ 4 ล้านตัน และ (4) บริษัท Hainan Land Rec lamation Commerce and Trade Group Co., Ltd. ปริมาณ 5 ล้านตันนั้น บริษัทดังกล่าวมิได้เป็นหน่วยงานของรัฐที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ

แต่กระทำไปโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม อันเป็นการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตตามกฎหมายอื่น เห็นควรดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงตามมาตรา 66 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542

ขณะที่ระหว่างการต่อสู้คดีในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้นบุญทรงได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช.พร้อมกับยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง โดยมุ่งไปที่การยืนยันบริษัทสัญชาติจีนที่เข้ามาซื้อข้าวเป็นตัวแทนหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของสาธารณรัฐประชาชนจีนจริง ไม่ใช่บริษัทปลอมตามที่มีการกล่าวหาแต่อย่างใด

ที่ผ่านมา บุญทรงได้เคยเขียนจดหมายเปิดผนึกผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเพื่อพยายามอธิบายถึงขั้นตอนการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ว่า ตามระเบียบและแนวปฏิบัติของกระทรวงนั้น “รัฐ” ให้ครอบคลุมถึงรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลของประเทศผู้ซื้อ โดยกรมการค้าต่างประเทศจะเป็นผู้ตรวจสอบและพิจารณาคุณสมบัติของผู้เสนอซื้อว่ามีฐานะเป็นรัฐหรือไม่ ซึ่งถือเป็นงานประจำของกรมการค้าต่างประเทศที่ทำกันมาทุกรัฐบาล ในกรณีนี้กรมการค้าต่างประเทศตรวจสอบ พบว่า บริษัทของจีนเข้ามาซื้อข้าวจากไทยเป็นรัฐวิสาหกิจของมณฑลโดยรัฐบาลจีนถือหุ้น 100% จึงถือเป็นรัฐ

ส่วนประเด็นเกี่ยวกับการที่กล่าวหา ว่า ไม่ได้มีการส่งออกข้าว เพราะไม่ได้ชำระเงินค่าข้าวเป็นแอลซีจากต่างประเทศ บุญทรงก็ต่อสู้หักล้างในประเด็นนี้ว่า ผู้ซื้อข้าวเพื่อส่งออกสามารถชำระเงินเป็นเช็ค หรือเงินสดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเปิดแอลซีอย่างเดียว ซึ่งเป็นไปตามแนวปฏิบัติของกระทรวงพาณิชย์ ไม่ใช่หลักเกณฑ์ที่ตนเองคิดขึ้นมาเอง

ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศได้กำหนดรูปแบบการชำระเงินไว้ 3 วิธี คือ 1.แอลซีชนิดเพิกถอนไม่ได้ 2.การโอนเงินผ่านธนาคาร หรือ 3.จ่ายเป็นเช็คเงินสดในรูปแบบของเงินบาทก่อนรับมอบข้าวในแต่ละงวด และเป็นวิธีที่กรมการค้าต่างประเทศเริ่มปฏิบัติมาตั้งแต่รัฐบาลในอดีต

หากพิจารณาข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. และคำชี้แจงของบุญทรงแล้ว ทำให้เห็นประเด็นสำคัญที่จะเป็นการชี้ขาดคำพิพากษาในวันที่ 25 ส.ค. คือ ศาลฎีกาจะรับฟังได้ว่าบริษัทจีนที่มาซื้อข้าวจากไทยเป็นตัวแทนของรัฐวิสาหกิจของจีนหรือไม่ จึงขึ้นอยู่กับหลักฐานของฝ่ายใดจะมีน้ำหนักมากกว่ากัน

ที่สุดแล้ว คำพิพากษาในคดีนี้ไม่เพียงแต่จะมีผลต่อบุญทรงเท่านั้น แต่จะมีผลไปถึงยิ่งลักษณ์อย่างคาดไม่ถึงเช่นกันด้วย

 

Leave a comment