ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
01 สิงหาคม 2560 เวลา 19:44 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/analysis/interview/506542

โดย…วิรวินท์ ศรีโหมด
คอสเพลย์ การแต่งตัวเลียนแบบตัวการ์ตูน ตัวละคร ศิลปินดารา เป็นวัฒนธรรมแฟชั่นที่มีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันแพร่หลายไปทั่วโลกรวมถึงไทย เห็นได้จากเมื่อมีการจัดงานคอสเพลย์เมื่อไหร่จะมีผู้เข้าร่วมล้นหลาม แต่อีกมุมหนึ่งแฟชั่นประเภทนี้ ถูกคนมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ
“ถามว่าคอสเพลย์ไร้สาระไหม มันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิด และวันนี้ผมมีความสุขกับมันมาก” รัตน์พล ขำจิตร์ หรือ เก่ง อายุ 26 ปี ชายหนุ่มผู้ชื่นชอบหลงใหลการแต่งคอสเพลย์มานานกว่า 10 ปี บอกด้วยรอยยิ้มและพร้อมเปิดใจความรู้สึกของผู้ที่ชอบแฟชั่นประเภทนี้ ในอีกมุมที่หลายคนไม่เคยรู้ว่า การแต่งคอสเพลย์สามารถต่อยอดนำมาสร้างอาชีพได้
คอสเพลย์ จุดเริ่มต้นการพัฒนาความรู้
รัตน์พล เริ่มเล่าว่าตอนเด็กเป็นคนที่มีเพื่อนน้อย เพราะนิสัยส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบเตะฟุตบอล-สังสรรค์กับเพื่อน แต่พอได้เข้ามาสู่วงการแต่งคอสเพลย์รู้สึกได้ทันทีว่าชอบ โดยจุดเริ่มต้นอยู่ช่วงมัธยมศึกษาปีที่ 5 ตอนนั้นเรียนอยู่โรงเรียนโยธินบูรณะ ทุกสัปดาห์จะมี 1 ชั่วโมง เป็นกิจกรรมวิชาอิสระที่จะให้นักเรียนเลือกเข้าชมรมกิจกรรมตามความสนใจ กลุ่มคอสเพลย์เป็นหนึ่งชมรม และเมื่อได้เข้าไปพูดคุยกับเพื่อนๆ ทำให้รู้สึกว่าได้เจอคนที่พูดคุยภาษาเดียวกัน ซึ่งความรู้สึกเดียวกับคนที่ชื่นชอบดูฟุตบอล
ส่วนการเริ่มแต่งประกวดจำได้ว่า ตอนนั้นที่ชมรมมีโปรเจคแข่งขันงานดีเดย์คอสเพลย์ เป็นงานซึ่งคนชื่นชอบแต่งมารวมตัวกัน โดยตรีมงานจะแต่งเป็นตัวละครในเรื่องๆ เดียว ตั้งแต่นั้นจึงเริ่มจริงจังมากขึ้น เพราะก่อนแข่งขันต้องศึกษาเรียนรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับคอสเพลย์ตั้งแต่ตัดชุด เซ็ตวิก การฝึกซ้อมเลียนแบบท่าทางตามตัวละคร
รัตน์พล บอกว่าสิ่งที่คนเริ่มแต่งคอสเพลย์เหมือนกัน คือไม่มีความรู้พื้นฐานเรื่องการตัดเย็บเสื้อผ้า แต่งหน้าเซ็ตผม ทำให้ทุกคนต้องพยายามฝึกฝนสะสมประสบการณ์ ช่วงแรกทุกคนอาจแต่งออกมาไม่เหมือนต้นฉบับมาก แต่ทุกคนต้องพยายาม เพราะเมื่อก่อนการแต่งคอสเพลย์ไม่มีทางลัดเหมือนปัจจุบันที่มียูทูปให้เรียนรู้ ผู้ที่สนใจต้องศึกษาหาอ่านเองตามบล็อกเกอร์ โดยผู้ที่เคยแต่งจะมาแชร์ประสบการณ์ร่วมกัน ซึ่งต้องเรียนรู้เองจากในนั้น
“ตัดชุดก็ต้องฝึกเอง ดูจากรูป ดูคาแรคเตอร์ตัวละครเอา ว่าแต่ละตัวมีท่าที การแต่งตัวยังไง เราก็ต้องทำให้คล้ายมากสุด นี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคน พัฒนาฝีมือขึ้นเรื่อยๆ”
การฝึกซ้อมก่อนแข่ง และช่วงได้รับรางวัลในงานแต่งคอสเพลย์
ภาษา แอคติ้ง ตัดเย็บ ทำผม ความรู้จากคอสเพลย์
หนุ่มผู้ชื่นชอบแต่งคอสเพลย์ รายนี้ เล่าว่าการเตรียมตัวหลายคนอาจมองว่า เป็นเรื่องง่ายเพราะปัจจุบันมีชุดสำเร็จรูปจำหน่าย ราคาตั้งแต่หลักพันถึงหมื่นบาทต่อชุด แต่ส่วนใหญ่คนวงการคอสเพลย์จะเลือกตัดเย็บชุด ทำอุปกรณ์กันเอง ซึ่งความยากง่ายอยู่ตรงดีเทลความละเอียด
การตัดชุดไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องทำให้เหมือนต้นฉบับมากที่สุดและต้องให้ผลงานออกมาสวยงาม ส่วนวิธีการสร้างชุด เริ่มจากเลือกว่าจะแต่งเป็นตัวละครอะไร จากนั้นต้องแกะแพทเทิลรายละเอียดเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์ตัวละครเพื่อนำมาสร้างให้คล้ายคลึงมากที่สุด
เริ่มจากปริ้นภาพออกมาว่ารายละเอียดชุดตัวละครเป็นอย่างไร ต้องดูละเอียดถึงกระดุมและรอยเย็บตะเข็บ เพื่อให้มีความสมบูรณ์ จากนั้นไปเลือกซื้อผ้าว่าจะใช้เนื้ออะไร บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าราคาแพงอย่างเดียว แต่ควรคำนึงว่าเข้ากันทั้งชุดหรือไม่ ส่วนอุปกรณ์สำคัญอย่างอาวุธ เข็มขัด หรือพร็อพที่ไม่มีจำหน่าย ต้องทำขึ้นมาเอง โดยใช้ดินญี่ปุ่นปั้นขึ้นรูป จากนั้นนำไปหล่อเรซิ่น ซิลิโคน หรือโฟมยาง แล้วนำไปพ่นสี แต่ทางลัดทุกวันนี้มีเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ซึ่งทำให้การสร้างอุปกรณ์เหล่านี้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ขณะที่การสวมบทจิตวิญญาณเป็นตัวละคร ต้องเริ่มจากการศึกษาลักษณะนิสัยตัวละครว่า มีอุปนิสัยพฤติกรรมลักษณะเด่นอย่างไร เช่น เงียบขรึม ก้าวร้าว เฮฮา จากนั้นต้องมาซ้อมคนเดียวหน้ากระจก ก่อนไปซ้อมร่วมกับเพื่อน
“งานคอนเพลย์ไม่ใช่ว่า ใส่ชุดตัวละครแล้วออกมาเดิน เดิน เท่านั้นก็ได้ แต่มันจะบ่งบอกว่าคุณจริงจังกับงานแค่ไหน จึงเป็นเรื่องปกติที่มักเห็นว่า นิสัยจริงของคนแต่งคอสเพลย์ กับตัวละครไม่เหมือนกัน บางคนตัวจริงเงียบขรึม แต่เมื่อเป็นตัวละครต้องเฮฮา ซึ่งนี่เป็นเรื่องยากมาก”
รัตน์พล เล่าว่า อีกอย่างที่ได้จากคอสเพลย์นอกจากความรู้การตัดเย็บ แต่งหน้า ทำผม คือได้พัฒนาบุคลิกภาพ เพราะต้องฝึกเรื่องการวางตัวให้คนรอบข้างรู้สึกไม่อึดอัดเมื่ออยู่ใกล้ และอยากเข้ามาคุยด้วย นอกจากนั้นคอสเพลย์ยังทำให้รู้ภาษามากขึ้น เพราะเดิมส่วนตัวเป็นคนไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่เมื่อได้เดินสายไปโชว์ตามงานต่างประเทศต้องเจอผู้คนมากมาย มองว่าการยิ้มอย่างเดียวคงไม่ได้ จึงกลับมาคิดว่าต้องเริ่มพัฒนาภาษา จากนั้นเริ่มหาความรู้เพิ่มเติม ปัจจุบันแม้ใช้ภาษาสื่อสารไม่ได้เก่งมาก แต่สามารถพูดตอบโต้หัวเราะไปกับเพื่อนได้ แค่นี้ก็รู้สึกว่าดีระดับหนึ่งแล้ว
“เมื่อก่อนเป็นคนไม่เก่งภาษาอังกฤษเลย แต่พอไปเจอเพื่อนต่างประเทศ เราก็ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่พูดไม่ได้ จึงคิดว่าไม่ได้แล้ว เมื่อกลับมาเลยไปเรียนภาษา ตอนนี้รู้สึกว่าเราพัฒนาเรื่องภาษาพอสมควร สามารถสื่อสาร เฮฮาไปกับเค้าได้”

คอสเพลย์ ไม่ใช่เรื่อง ไร้สาระ
รัตน์พล เล่าว่าปัจจุบันการแต่งคอสเพลย์ในประเทศไทยเปิดกว้างมากกว่าเมื่อก่อน เห็นได้จากการตลาด โฆษณา มิวสิควิดีโอปัจจุบันมีการแต่งคอสเพลย์มากขึ้น แต่สาเหตุหลักที่ทำให้คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์แท้จริงของคอสเพลย์ เพราะทุกคนยังมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่ได้ประโยชน์
อยากขออธิบายว่าคอสเพลย์ไม่ใช่เรื่องไร้สาระอีกต่อไป ปัจจุบันสามารถนำมาสร้างเป็นอาชีพ ธุรกิจได้ตั้งแต่งานตัดเย็บเสื้อผ้า แต่งหน้า ทำผม หรือแม้แต่ธุรกิจทำพร็อพอุปกรณ์ ถ้าหากมีชื่อเสียงก็มีงานโชว์ทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย
“เมืองไทยคนยังมองว่าการ์ตูน เป็นเรื่องสำหรับเด็ก แต่ในต่างประเทศเขามองมากกว่านั้น ผลงานดีๆ ในวงการการ์ตูน หนัง โฆษณาค่ายใหญ่ๆ ระดับโลก ล้วนแต่เป็นผลงานจากผู้ใหญ่ทั้งนั้น จึงอยากให้มองว่า การ์ตูนไม่ใช่เรื่องสำหรับเด็กอีกต่อไป”
รัตน์พล ทิ้งท้ายว่าหากถามคอสเพลย์ไร้สาระไหม ก็แล้วแต่คนมอง ขึ้นอยู่กับว่าคุณจริงจังแค่ไหน แต่สำคัญควรคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนรอบข้างมองว่า สิ่งที่ทำไม่ใช่แค่เรื่องไร้สาระ เพราะตอนแรกที่เริ่มแต่งส่วนตัวก็มีปัญหา คนรอบข้างไม่ยอมรับ แต่เมื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่ามันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิด ทุกวันนี้ผมมีความสุขกับมันมาก





