เขตเศรษฐกิจพิเศษปัญหาของเชียงของ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/561997

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 14 ม.ค. 2559 05:01

 

พื้นที่รองรับ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ในอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ยังมีปัญหา

ทันทีที่รัฐเล็งไปยังป่าชุมชนบุญเรือง ซึ่งมีเนื้อที่ราว 3,021 ไร่ ชาวบ้านตำบลบุญเรืองและใกล้เคียงต่างหลอมใจกันต้าน พร้อมยืนยันว่าป่าบุญเรืองไม่ใช่ป่าเสื่อมโทรม แต่เป็นเขตป่าชุ่มน้ำที่ชาวบ้านเข้าไปใช้ประโยชน์มาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน

“ป่าบ้านผมเป็นป่าต้นน้ำ เราอาศัยลำน้ำอิงทำมาหากินสืบต่อกันมา เราต้องการอาศัยป่าหากินตลอดไป” นายบุญช่วยบอก

นายบุญช่วย การะหัน อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ตำบลบุญเรือง อำเภอเชียงของ แสดงความห่วงใยว่า ถ้าเปลี่ยนป่าเป็นเขตอุตสาหกรรม ห้วยหนองคลองบึงต้องถมในพื้นที่ป่าบุญเรือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แม่น้ำอิงบางส่วนจะถูกถม “แล้วพื้นที่ตรงนี้มันเป็นแอ่งเหมือนก้นกระทะ ถ้าหากถมขึ้นมา แก้มลิงก็ไม่มี แล้วน้ำจะไปที่ไหน”

และอีกเหตุผลหนึ่ง “เรื่องมลภาวะในน้ำอิงมีปลา ถ้าสารพิษเกิดขึ้นมาแล้ว ใครจะรับผิดชอบ ผมจะไปกินปลาที่ไหน เมื่อมี อุตสาหกรรมก็ต้องมีขยะ มีมลภาวะ ถ้าเอาขยะอิเล็กทรอนิกส์มาทิ้ง มันก็จะซึมเข้าไปในต้นไม้ แล้วลูกหลานผมจะทำอย่างไร”

ดังนั้น “ขอให้รัฐบาลงด ยับยั้ง ป่าเรายังอุดมสมบูรณ์ เขาหาว่าเป็นป่าเสื่อมโทรม มันเสื่อมโทรมที่ไหน เราต้องต่อสู้ เราทำหนังสือไปแล้ว ถ้านายกฯยังดื้อรั้นอยู่ ผมในฐานะคนไทยคนหนึ่งก็จะต้องขอพึ่งพ่อหลวง”

การเกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษสอดคล้องกับท้องถิ่นหรือไม่ ในมุมของนักอนุรักษ์ นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว บอกว่า เขตเศรษฐกิจเชียงของ ปัญหามันชัดเจนอยู่ว่า คนท้องถิ่นคิดอย่างไร การจะเกิดขึ้นมาเป็นไปตามหลักสากลหรือไม่ คนเชียงของอาจไม่รู้ว่าลักษณะที่ตั้งของเชียงของเป็นที่ราบลุ่มน้ำอิงตอนปลาย มีปากน้ำลงที่ปากอิง ขนาบด้วยภูเขาสองลูก

“เมืองเชียงของมีสันเขาสองลูกมาบรรจบกัน เป็นพื้นที่อยู่ในแอ่งกระทะยาว ถ้าสร้างนิคมอุตสาหกรรมขึ้นมา ปล่อยมลพิษออกมาเราตายแน่ๆ เพราะเป็นปลายน้ำที่สำคัญแม่ น้ำอิงเป็นหลักสำคัญของคนเชียงของ ไม่ใช่แม่น้ำโขง เราใช้ในการเกษตรตรงๆ เมืองเราอากาศดี แต่เดิมมีความอุดมสมบูรณ์ เราเห็นชัดเจนว่า เราปลูกผลไม้ได้สิบกว่าชนิด เพราะอากาศดี ดินดี เป็นเมืองทอง ถ้าเข้าใจพื้นฐานตรงนี้แล้ว ก็จะต่อยอดไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนได้”

ทรัพยากรที่มีอยู่ “เราจัดให้มีการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เชิงสุขภาพ อย่างเอาแพทย์แผนไทยมาสอน ให้เราเป็นเมืองพักผ่อน เพราะอากาศดี อาหารดี ผลไม้ดี ทำไมไม่เอาไปทำเมืองที่เขาไม่มีทรัพยากรสมบูรณ์อย่างนี้เขายังอยากทำ เราสมบูรณ์อยู่แล้วทำไมเอาไปทำลาย” และถ้าเอาผืนป่าไปทำเขตเศรษฐกิจพิเศษ “ผมขอถามหน่อยว่า ที่ผ่านมา

เขตเศรษฐกิจพิเศษในประเทศไทย มีที่ไหนบ้างที่ประสบความสำเร็จ”

เพราะฉะนั้น “ตายเป็นตายสิ ผมไม่ยอม นิคมอุตสาหกรรมบุญเรืองเป็นไปไม่ได้ในภาคประชาชน”

ป่าชุมชนบุญเรือง ปัจจุบันชาวบ้านใช้เป็นแหล่งอาหารจากป่าและจากแม่น้ำอิง กรรมสิทธิ์ของที่ดินเป็นของรัฐ นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่รัฐบาลเล็งให้อนุญาตใช้พื้นที่เพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษ

ในมุมของนักธุรกิจท้องที่ นายสงวน ซ่อนกลิ่นสกุล ตัวแทนหอการค้าเชียงของ บอกว่า คนชายแดนหนีไม่พ้นเรื่องการค้าระหว่างประเทศ เมื่อก่อนเป็นการค้าแบบเป็นไปตามวิถีของคนชายแดน การค้าขายมีรายได้ดี เพราะซื้อมาไกลจึงบวกกำไรได้ และคนขายมีน้อย จากที่เป็นรายเล็กๆก็เป็นรายใหญ่ขึ้นมาได้ “สมัยนั้นไม่ต้องพึ่งเทคโนโลยี ไม่มีเช็ค เป็นไปตามธรรมชาติ ปัจจุบันไปมาสะดวกขึ้น และเราเปิดสะพานเชียงของ ทำให้คนลาวมาซื้อของคึกคักมากในวันศุกร์ คนลาวเพิ่งเปิดประเทศไม่นาน เขาปรับตัวให้อยู่ดีกินดีขึ้น คู่ค้าจากปลีกเป็นการค้าส่งมากขึ้น”

การขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษ นายสงวนบอกว่า ป่าบุญเรืองเห็นชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ป่าชุ่มน้ำ ดังนั้น “ความเหมาะสมมีหรือไม่

ถือว่าเป็นของหลวงจะมาเอา แล้วเคยเข้ามาดูในพื้นที่หรือเปล่า เรื่องนี้ชาวบ้านก็ยืนยันแล้วว่าไม่มีเหมาะสม”

ดังนั้น “ผมอยากให้รัฐให้ความรู้กับประชาชนให้มากที่สุด เพราะเรื่องที่เราไม่รู้ เราก็กลัว ถ้าทำให้รู้อาจจะไม่กลัวขึ้นมา รัฐต้องรู้ว่าคนส่วนหนึ่งอยากได้ แต่อีกส่วนหนึ่งไม่อยากได้ รัฐต้องรับรู้ว่าชาวบ้านต้องการอะไร เมื่อรู้แล้วก็นำสิ่งที่ประชาชนต้องการเข้ามาได้ และการที่นำมาต้องเป็นของดีๆเท่านั้น ถ้าเป็นอุตสาหกรรมก็ต้องเป็นอุตสาหกรรมที่สะอาด และทำให้ประชาชนท้องที่ได้ประโยชน์ด้วย”

พลางสรุปว่า “ปัญหาทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าให้ประชาชนมีความรู้”

การผุดเขตเศรษฐกิจพิเศษ อาจารย์เดชรัตน์ สุขกำเนิด คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บอกว่า นโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาล คสช.อยู่ภายใต้ความเชื่อที่ว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ จะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญในการเติบโตและการสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศ

วิธีการที่ผ่านมา รัฐบาลใช้การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ทั้งการยกเว้น ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีอากรในการนำเข้าเครื่องจักร แต่ละปี รัฐบาลไทยต้องเสียรายได้จากเรื่องเหล่านี้ไปประมาณ 280,000 ล้านบาทต่อปี แต่ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการส่งเสริมการลงทุนกลับกระจุกตัวอยู่เฉพาะคนบางกลุ่มเท่านั้น

“ถ้าพิจารณาจากการจ้างงานจะเห็นว่า การส่งเสริมการลงทุนช่วยทำให้เกิดการจ้างงานได้เพียงประมาณ 55,000 คน นั่นแปลว่า รัฐบาลจะต้องเสียโอกาสในการจัดเก็บรายได้ประมาณ 5 ล้านบาท เพื่อให้เกิดการจ้างงานได้เพียงหนึ่งคน ถ้ามองในแง่นี้ แนวทางการส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ จึงเป็นแนวทางที่ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน”

ส่วนนางเตือนใจ ดีเทศน์ มองในมุมของสิทธิมนุษยชนว่า รัฐธรรมนูญปี 2550 กำหนดเรื่องสิทธิชุมชนว่าต้องคุ้มครองประชาชน การพัฒนาประเทศโดยผุดเขตเศรษฐกิจพิเศษโดยไม่พัฒนาศักยภาพมารองรับเป็นอันตราย “การลงทุนเราก็ไม่รู้เลยว่าใครจะมาลง แล้วเราจะยกพื้นที่ให้เขาแล้ว แรงงานก็เราไม่ได้เตรียมการไว้ หรือว่าจะเอาแรงงานข้ามชาติ เมื่อผุดขึ้นมาแล้วก็อาจมีของเถื่อน ของผิดกฎหมายเข้ามาอีก เป็นเรื่องน่าห่วง”

สหประชาชาติบอกว่า นับตั้งแต่ ค.ศ.2015 ประการแรก มนุษยชาติจะต้องไม่สูญเสียทรัพยากรธรรมชาติอย่างล้างผลาญ รัฐต้องคุ้มครองสิทธิของท้องถิ่น ประการที่สอง กลุ่มธุรกิจหลายแสนโครงการทั่วโลกต้องเคารพสิทธิมนุษยชน และประการที่สาม ชุมชนมีสิทธิที่จะได้รับข่าวสารและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในการดูแลและการเยียวยา”

เกี่ยวกับเรื่องนี้ รัฐต้องส่งเสริมความรู้ หน้าที่ สิทธิต่อชุมชนให้มากขึ้น

เตือนใจสรุปว่า “รัฐบาลจะเอาแต่เขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างเดียวไม่ได้ ต้องให้ความสำคัญต่อสังคมและวัฒนธรรมของท้องถิ่นด้วย”.

Leave a comment