ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05128150858&srcday=2015-08-15&search=no
| วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 27 ฉบับที่ 605 |
ธรรมะจากวัด
ดร. พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ เจ้าอาวาสวัดลอยฟ้า http://www.Skytemple.org
งานบวช ตอนจบ
คณะสงฆ์ประชุมพร้อมกัน 9 รูป อาตมาทำหน้าที่เป็นพระอุปัชฌาย์ ทำหน้าที่เป็นประธานให้การบรรพชาอุปสมบทเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามพระธรรมวินัย
เริ่มต้นด้วยเจ้านาค หรือเรียกตามภาษาแห่งพระวินัยว่า อุปสัมปทาเปกข์ ซึ่งแปลว่า ผู้มุ่งการอุปสมบท กล่าวคำขอขมา และขอบรรพชาตามลำดับ
เมื่อกล่าวคำขอขมา กล่าวขอบรรพชาและประเคนผ้าไตรแก่พระอุปัชฌาย์แล้ว จึงนั่งพับเพียบด้วยความสงบเพื่อฟังโอวาทของพระอุปัชฌาย์
พระอุปัชฌาย์ สอนนาคเรื่องโอกาสดีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ รอดชีวิตมาได้จนอายุครบบรรพชาอุปสมบท ได้เกิดทันเวลาที่ยังมีโอกาสพบพระพุทธศาสนา และได้ฟังธรรม ที่พระสาวกนำมาแสดงสืบทอดกันมา เมื่อได้ฟังธรรมแล้วรู้เรื่อง เข้าใจ ศรัทธาเลื่อมใส น้อมใจเข้ามาเพื่อบรรพชาอุปสมบทประพฤติพรหมจรรย์ในพระพุทธศาสนา
เมื่อเข้ามาสู่พระพุทธศาสนาแล้ว จะต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจถึงสิ่งสูงสุดในพระพุทธศาสนาที่พุทธศาสนิกชนเคารพนับถือ ได้แก่ พระรัตนตรัย คือ 1. พระพุทธเจ้า ผู้บำเพ็ญเพียรอย่างสูงสุดจนตรัสรู้จนเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยพระองค์เอง แล้วสอนผู้อื่นให้รู้ตาม 2. พระธรรม คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ทรงค้นพบจนทำให้พ้นทุกข์แล้วนำมาสอนผู้อื่นให้รู้ตาม 3. พระสงฆ์ คือหมู่ชนที่ฟังคำสอนของพระองค์แล้วนำมาประพฤติปฏิบัติแล้วได้ผลเป็นความสงบร่มเย็น แล้วบวชตามพระพุทธเจ้าเพื่อช่วยกันเผยแผ่คำสอนของพระพุทธเจ้าให้แผ่ออกไปอย่างกว้างไกลเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขของมหาชนเป็นอันมาก
เมื่อได้ทราบถึงความหมายและพระคุณของพระรัตนตรัยอย่างนี้แล้ว พึงตั้งใจปฏิบัติสมาธิภาวนาด้วยตจปัญจกกัมมัฏฐาน คือกัมมัฏฐานอันมีหนังเป็นที่ห้า ซึ่งต้องบริกรรมจนขึ้นใจว่า เกสา ผม โลมา ขน นะขา เล็บ ทันตา ฟัน ตะโจ หนัง
การบริกรรมไปตามลำดับเรียกว่า อนุโลม การบริกรรมทวนลำดับ ว่า ตะโจ หนัง ทันตา ฟัน นะขา เล็บ โลมา ขน เกสา ผม เรียกว่า ปฏิโลม เพื่อให้จิตสงบอยู่กับคำบริกรรมนั้น และพิจารณาต่อไปว่า ผม ขน เล็บ ฟัน และหนังนี้ เป็นของปฏิกูล โดย สี สัณฐาน ที่อยู่ การหมักหมมถมทับล้วนทำให้ปฏิกูล เมื่อพิจารณาว่าเป็นของปฏิกูล ก็จะกลายเป็นของน่าเกลียด ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความน่ายินดี น่ากำหนัดขัดเคือง ก็จะช่วยบรรเทา กิเลสและความกำหนัดขัดเคืองได้ ใจก็จะสงบร่มเย็นสงบอยู่ผาสุกในชีวิตพรหมจรรย์
เมื่อทราบถึงวิธีการบวชที่สงบไม่ถูกกิเลสรบกวนแล้ว ก็ควรทราบถึงอานิสงส์ของการบวชที่พึงได้รับโดยสรุป จะมีดังนี้
1. ได้รับประโยชน์แก่ตนเองที่จะได้มาฝึกฝนตนเองตามหลักของพระพุทธศาสนาอันจะเป็นประโยชน์ทั้งกาย วาจา จิต และความเห็นอันถูกต้องดีงามตามลำดับ ได้เว้นจากความชั่วได้แน่นอน เช่น เว้นจากการดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน ดูการละเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร เกียจคร้านการทำงาน
2. พ่อแม่ได้รับผลบุญมากมายจากการบวชของลูกตามที่พุทธศาสนิกชนไทยเชื่อสืบต่อๆ กันมาว่า พ่อแม่จะได้เกาะชายผ้าเหลืองของลูกขึ้นสวรรค์ คือพ่อแม่มีความสุขปลาบปลื้ม เพราะลูกได้บวชทำความดีนั่นเอง
3. สัตว์ทั้งหลายได้รับประโยชน์ เพราะเมื่อบวชแล้วจะไม่ฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ สัตว์ทั้งหลายจะอยู่รอดปลอดภัยตราบใดที่เขายังบวชอยู่
4. พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จะได้รับอานิสงส์จากการบวช เมื่อได้เห็นพระภิกษุสงฆ์ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ พุทธศาสนิกชนจะมีความปลาบปลื้มอิ่มใจได้มีโอกาสทำบุญตักบาตร ได้ฟังเทศน์ฟังธรรมตามที่ผู้บวชได้ศึกษามานั้น
5. ได้สืบทอดอายุพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนตามวันเวลาที่ได้บรรพชาอุปสมบทนั้น จะกี่วัน กี่เดือน กี่ปี ล้วนสืบไปได้ตามแรงศรัทธาที่จะอุทิศนั้น
สุดท้ายนี้ ขอให้เธอตั้งใจศึกษาปฏิบัติธรรมให้เกิดความงอกงามไพบูลย์ในพระพุทธศาสนายิ่งๆ ขึ้นไปเทอญ
เมื่อสอนนาคและให้กัมมัฏฐานเสร็จ จึงได้มอบผ้าไตรออกไปห่มให้เป็นปริมณฑลเรียบร้อยถูกต้องตามพระวินัย โดยมีพระสงฆ์ช่วยกันเป็นพี่เลี้ยงห่มผ้าให้ด้วยความกรุณายิ่ง
เมื่อห่มผ้าไตรแล้ว จึงกลับเข้ามากล่าวคำขอขมาและกล่าวคำขอศีลและไตรสรณคมน์
พระบุญพิทักษ์ สุนทโร พระกรรมวาจา ทำหน้าที่ให้ศีลโดยกล่าวนำอย่างถูกวรรคตอน เนื่องจากเจ้านาคฝึกตนเองอย่างมาก ฝึกการอ่านการท่องจำจนขึ้นใจ จึงกล่าวสมาทานศีลตามได้อย่างคล่องแคล่วไม่ติดขัด
เมื่อกล่าวสมาทานศีลเสร็จ ได้กล่าววันทาอีกครั้งหนึ่งแล้วกราบพระศีลาจารย์ผู้ให้ศีล 3 ครั้ง เป็นอันว่า การบรรพชาเป็นสามเณรจบลงด้วยดี ตามหลักการบรรพชาในพระพุทธศาสนา การบรรพชาหรือการบวชเป็นสามเณรจะจบลงเมื่อสามเณรกล่าวถึงไตรสรณาคมน์ว่า ตติยัมปิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ แล้วสมาทานศีลสิบ เพื่อเป็นข้อปฏิบัติของสามเณรต่อไป
เพื่อให้การอุปสมบทกรรมเป็นไปอย่างสะดวก จึงได้จัดการอุปสมบทกรรมข้างบนอุโบสถศาลา เริ่มด้วยการขอนิสัยและกล่าวคำเป็นภาระดูแลซึ่งกันและกัน พระอุปัชฌาย์ให้นิสัยคือการมาอยู่ปฏิบัติธรรมด้วยกัน ยอมรับว่า สัทธิวิหาริกกับพระอุปัชฌาย์จะต้องดูแลซึ่งกันและกันอย่างสนิทสนมดังบิดากับบุตรฉะนั้น
จากนั้นจึงเริ่มอุปสมบทกรรมตามลำดับด้วยการบอกบาตรจีวรแล้วเริ่มสังฆกรรมการอุปสมบทตามกระบวนการจบลงด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจา
พระบุญพิทักษ์ สุนฺทโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ ดร. พระมหานรินทร์ นรินฺโท เป็นพระอนุสาวนาจารย์
เมื่ออุปสมบทเสร็จแล้ว พระอุปัชฌาย์ก็บอกอนุศาสน์ โดยเริ่มสอนเป็นภาษาไทยแล้วบอกอนุศาสน์เป็นภาษาบาลีตามลำดับ
ครั้นบอกอนุศาสน์จบแล้ว อุปสมบทกรรมเป็นเสร็จสิ้นเรียบร้อยด้วยดี เวลา 14.16 น. เป็นอันว่าประเทศสหรัฐอเมริกามีพระภิกษุสงฆ์ฝ่ายเถรวาทแบบไทยเพิ่มขึ้นอีก 1 รูป ชื่อว่า พระกิตติศักดิ์ ฉายา กตสาโร ขอพระกิตติศักดิ์ กตสาโร จงเจริญงอกงามไพบูลย์ในพระพุทธศาสนาเป็นนิตย์เทอญ