บทที่ 22 ในที่สุด…น้ำทั้งโลก อาจหายไปบนท้องฟ้าจนหมดสิ้น

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05026150858&srcday=2015-08-15&search=no

วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 27 ฉบับที่ 605

ทุกมุมสวน ล้วนมีเรื่องราว

ยุคคล จิตสำรวย

บทที่ 22 ในที่สุด…น้ำทั้งโลก อาจหายไปบนท้องฟ้าจนหมดสิ้น

กาแฟร้อนๆ ตอนเช้าของผมในช่วงนี้ รสชาติปร่า กร่อยไปกว่าเดิมมากมาย เพียงเพราะผมย้ายโต๊ะกาแฟหนีละอองฝนจากในสวน มาเป็นทนนั่งละเลียดมันไปกับข่าวคราวทางโทรทัศน์ที่ประโคมกันทุกช่อง ในเรื่องราวของความแล้งร้อน ซึ่งเกิดขึ้นแทบทุกภาคของบ้านเรา ชาวนา ชาวไร่ ขาดน้ำที่จะใช้ในไร่นาของตน ข้าวนาปีของพวกเขากำลังแห้งตายคาท้องทุ่งนับแสนไร่ ยังไม่นับรวมไปถึงพืชผลอื่นๆ ที่ล้วนตกอยู่ภายใต้ชะตากรรมเดียวกัน การช่วยเหลือจากภาครัฐระดมกันเข้าไปในพื้นที่ เพื่อเยียวยาในทุกทางให้กับผู้คนเหล่านั้น

ความทุกข์ของผู้คนบนผืนแผ่นดินอันเคยอุดมสมบูรณ์แห่งนี้ นับวันยิ่งเลวร้ายทบทวี คงไม่มีใครถามหาเหตุผลแห่งความเป็นไปเช่นนี้อีกแล้วล่ะนะครับ เพราะทุกสายตา ทุกการรับรู้ ต่างก็มุ่งตรงไปที่การแก้ปัญหาด้วยการเยียวยาช่วยเหลือ อันมาจากและเริ่มต้นด้วยเม็ดเงินแทบทั้งสิ้น ทุกสายตาคาดหวังและจับจ้องถึงเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่ปลิวว่อนลงไปบนผืนดินอันแห้งแล้งเหล่านั้น ว่าจะคลี่คลุมทับถมได้ถ้วนทั่วหรือไม่

หลายวันก่อน เพื่อนที่ย้ายไปอยู่แถบจังหวัดน่าน ผ่านทางแวะมาเยี่ยม และเล่าให้ฟังถึงสภาพทางภูมิศาสตร์ในแถบถิ่นนั้นว่า เต็มไปด้วยภูเขาหัวโล้นที่ไม่มีต้นไม้ใหญ่หลงเหลืออยู่เลยแม้แต่ต้นเดียวในฤดูแล้ง เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูฝน พื้นดินจากพื้นที่สูงก็จะถูกชะล้างไหลลงมาในแม่น้ำลำคลอง จนน้ำขุ่นข้น พืชพันธุ์ไม้ที่งอกงามได้ในช่วงนั้นก็จะเป็นแค่เพียงวัชพืช และพืชไร่ ประเภท ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ฯลฯ ที่เกษตรกรระดมพากันไปปลูกจนเต็มไปทั้งภูเขา ความสวยงามอุดมสมบูรณ์ที่เรามองจากภาพ ก็จะเห็นได้เฉพาะช่วงนี้เท่านั้น ก่อนที่ภูเขาจะโล่งเตียนไปทั้งหมดในฤดูกาลต่อมา วนเวียนเปลี่ยนไปเช่นนี้มานานมากแล้ว

ทั้งๆ ที่ สี่ห้าสิบปีก่อน บริเวณที่ว่า ทั้งผืนป่าและธารน้ำล้วนอุดมสมบูรณ์ การส่งผ่านของภาพจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เกิดขึ้นได้อย่างไร มนุษย์จำพวกไหนกันแน่ที่ทำลายความอุดสมบูรณ์เหล่านี้ จะเป็นเพราะนายทุนผู้ร่ำรวยและมีอำนาจบุกรุกป่า หรือชาวบ้านยากจนทำไร่เลื่อนลอยเพื่อยังชีวิต ผลที่ได้รับก็เป็นเช่นที่เรามองเห็นอยู่ในเวลานี้นั่นแหละครับ

เมื่อไม่มีป่าอันอุดมสมบูรณ์อย่างที่เคยมี ฝนก็ไม่ตกต้องตามฤดูกาล น้ำในเขื่อน และในระบบชลประทานก็แห้งขอด ผลผลิตต่างๆ ก็เสียหาย ค่าใช้จ่ายในการเพาะปลูกโดยเฉพาะการทำนาสูงขึ้นกว่าประเทศเพื่อนบ้านด้วยเหตุและผลต่างๆ กันออกไป ตำแหน่งผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวมากที่สุด คุณภาพดีที่สุดในตลาดโลก ก็ถูกเปลี่ยนมือไปนานหลายปีแล้ว ข้าวที่ได้จากการทำนาปีก่อนๆ ถูกเก็บค้างจนเน่าเหม็นไปในทุกเรื่องราวอยู่เต็มโกดัง จากเรื่องราวธรรมดาๆ บนผืนดิน พุ่งขึ้นสู่ระบบปฏิบัติการทางสังคมในระดับที่สูงขึ้นตามลำดับ จากเทคนิควิชาการในการเพาะปลูกที่เชื่อกันว่าก้าวหน้าขึ้น การตลาด และการเมือง การปกครองระดับต่างๆ ทั้งหมดทั้งสิ้น ล้วนห่างเหินไปจากความเป็นไปเดิมๆ ในชีวิตของผู้คนในอดีตทั้งสิ้น

จนกระทั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำต้องสั่งให้ชาวนาชะลอการปลูกข้าวในที่สุด ดังที่ปรากฏเป็นข่าวนั่นแหละครับ ความฝันที่จะเป็นครัวแห่งโลกของใครต่อใคร จึงเป็นแค่สิ่งที่ผ่านไปกับสายลมอันแล้งร้อน ซึ่งพัดผ่านมาและผ่านไปอย่างไม่เคยที่จะหยุดลง

หยุดปลูกข้าว ปลูกเฉพาะแต่พอกินกันสักสิบยี่สิบปีจะได้มั้ย ปลูกป่ากันบ้างเถอะนะ หยุดความฝันของคนที่ไม่เคยลงมือทำนาเอาไว้แต่เพียงแค่นี้เถอะครับ

หากเรายังตกอยู่ในวังวนของการตลาดแบบนี้อีกต่อไป เชื่อเถอะนะ ปรากฏการณ์ที่ผู้คนไม่มีอาหารจะกินข้างโรงเก็บอาหารอันใหญ่โตมโหฬาร ไม่มีเสื้อผ้าจะสวมใส่ ทั้งๆ ที่รอบกายอันเปล่าเปลือยของพวกเขาเต็มไปด้วยโรงงานผลิตเสื้อผ้า ก็จะมีให้เห็นบนผืนแผ่นดินนี้

ณ เวลานี้ ผมนั่งมองผลมังคุดที่เริ่มแก่จัดจนใกล้เก็บได้แล้ว ผ่านสายฝนที่พรำลงมาแทบทุกวัน จากระเบียงบ้าน กลิ่นดอกมหาหงส์ที่ผมปลูกเอาไว้ริมธารน้ำ หอมรวยริน

คงเป็นไปไม่ได้หรอกนะ ที่จะให้ฝนซึ่งตกที่นี่ ย้ายที่ไปตกยังบ้านของทุกคน โดยเฉพาะในท้องทุ่งแห่งการรอคอยเหล่านั้น เพราะท้องฟ้าที่คลุมครอบเราเอาไว้ มันกว้างใหญ่นัก

Leave a comment