วาสนาพันธุ์ปลา เมืองคอน จากสาวโรงงาน สู่เกษตรกรดีเด่น

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05078150858&srcday=2015-08-15&search=no

วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 27 ฉบับที่ 605

รายงานพิเศษ เกษตรดี ที่นครศรีธรรมราช

ธีรวุฒิ เหล่าสงคราม

วาสนาพันธุ์ปลา เมืองคอน จากสาวโรงงาน สู่เกษตรกรดีเด่น

ด้วยใจที่รักการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ คุณหนูวาด ไข่นุ่น หรือที่รู้จักกันดีในแถบจังหวัดนครศรีธรรมราชและใกล้เคียง ในชื่อของ “ป้าวาด” ได้รับการยอมรับว่า เป็นฟาร์มเพาะพันธุ์ปลาแห่งเดียว ที่มีพันธุ์ปลาจำหน่ายเกือบทุกสายพันธุ์ มีความซื่อตรง รับผิดชอบต่อลูกค้า จนชื่อฟาร์มวาสนาพันธุ์ปลาแห่งนี้ ขึ้นชื่อและการันตีคุณภาพพันธุ์ปลาในระดับต้นๆ ของภาคใต้ ด้วยความขยันหมั่นเพียร สร้างสรรค์ และไม่หยุดการค้นคว้าศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม จึงทำให้ป้าวาด ได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ปี 2557 สาขาอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด ซึ่งเป็นรางวัลที่ป้าวาด ภาคภูมิใจเป็นที่สุด

คุณหนูวาด ไข่นุ่น หรือ ป้าวาด เล่าย้อนให้ฟังถึงความฝันของตนเองว่า ชื่นชอบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมาตั้งแต่เด็ก โดยการนำปลาจากแหล่งน้ำต่างๆ มาเพาะเลี้ยง ต่อเมื่อเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ความรู้ที่มีน้อยนิด ทำให้ต้องผันตัวเองไปเป็นสาวโรงงาน แต่ก็โชคดีที่ความรับผิดชอบงานของป้าวาด ส่งผลให้ป้าวาดทำงานในตำแหน่งหัวหน้า โอกาสนี้ทำให้ป้าวาดใช้เวลาเต็มที่กับการทำงานในโรงงาน เพื่อเจียดเวลาว่างจากการสั่งงานไปยังลูกน้อง ออกไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมทุกครั้ง เมื่อทราบข่าวว่า กรมประมง ออกเผยแพร่การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชนิดต่างๆ

“ป้าก็เอากลับมาลองทำดูทุกครั้ง ที่ไปเข้ารับการอบรม เริ่มจากการทำบ่อขนาดเล็ก เป็นการเพาะเลี้ยงปลาในบ่อซีเมนต์ ขนาด 2×3 เมตร จำนวน 4 บ่อ ปลาที่เริ่มทดลองเพาะชนิดแรก คือ ปลาหมอ ซึ่งได้รับพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์จากกรมประมงขณะเข้ารับการอบรม เมื่อได้มาก็ทดลองทำ ครั้งแรกไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากไม่ทราบวิธีการอนุบาลไข่ปลาที่ได้รับการผสมแล้ว ทำให้ต้องหาเวลาไปศึกษาอบรมกับกรมประมงอีก เมื่อทราบวิธีการเพาะเลี้ยง การอนุบาล ทุกขั้นตอนแล้ว ก็ทดลองทำ กระทั่งได้ลูกปลารอดมากกว่า 10,000 ตัว”

หลังจากการผสมพันธุ์ปลาชนิดแรกประสบความสำเร็จ ป้าวาดก็ไม่ได้หยุดนิ่ง ยังคงแสวงหาความรู้ในการเพาะพันธุ์ปลาชนิดอื่น เพราะความตั้งใจจริงของป้าวาด อีกทั้งกรมประมงเห็นว่า ป้าวาดเป็นผู้ที่ใส่ใจในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างจริงจัง เมื่อมีโครงการทำความดีถวายในหลวง ด้วยการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ กรมประมง จึงให้ป้าวาดเป็นตัวแทนในการจัดหาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลา และเหมือนโอกาสอำนวย การเป็นตัวแทนจัดหาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ในครั้งนั้น ก็เป็นเสมือนการเปิดโลกกว้างให้ป้าวาด ทำให้มีคนรู้จักฝีมือการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำของป้าวาดเพิ่มมากขึ้น เมื่องานด้านการประมงเริ่มชุกมือ ป้าวาดจึงลาออกจากงานประจำมาเพาะพันธุ์สัตว์น้ำขายอย่างเต็มตัว โดยเริ่มจากการรับเหมากรมประมงในการจัดหาพันธุ์ปลา สำหรับปล่อยคืนสู่แหล่งน้ำ จำนวน 4,000,000 ตัว ภายในระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ป้าวาดใช้บ่อขนาด 2×3 เมตร ที่เคยสร้างไว้ จำนวน 4 บ่อ ใช้ในการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ และจากการรับเหมาในครั้งนี้ ทำให้ป้าวาดมีเงินทุนมากพอที่จะซื้อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาหลายชนิดมาผสม เพื่อให้ได้ลูกพันธุ์ไว้จำหน่าย

เพราะฝีมือการผสมพันธุ์ปลาของป้าวาด ทำให้สำนักงานประมงจังหวัดเรียกใช้งานอยู่บ่อยครั้ง ชื่อเสียงของป้าวาดเริ่มเป็นที่รู้จักเป็นวงกว้างมากขึ้น ไม่ว่าลูกพันธุ์ปลาชนิดใด หากลูกค้าต้องการ ป้าวาดจะพยายามหาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์นำมาผสม เพื่อให้ได้ลูกพันธุ์ตามที่ลูกค้าต้องการ ประกอบกับคุณภาพลูกปลาที่ดี ทำให้ป้าวาดเป็นที่ติดอกติดใจของเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจำนวนมาก

“ลูกค้าอยากได้ปลาพันธุ์อะไร มาบอกเรา เราก็จะทำให้ เราทำได้ทุกสายพันธุ์ บางสายพันธุ์เราไม่รู้วิธี เราก็ศึกษา หาวิธีผสมพันธุ์จนได้ อาศัยความชำนาญที่เคยฝึกปรือมาก็ช่วยให้ประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก”

ปี 2547 ป้าวาดได้ติดต่อซื้อขายพันธุ์ปลากับบริษัทเอกชน ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตพันธุ์ปลานิลแปลงเพศ จนก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัท การติดต่อซื้อขายตรงนี้ ทำให้ป้าวาดมีรายได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อมีเงินทุน การขยับขยายบ่อเพาะ บ่ออนุบาล บ่อเลี้ยง และบ่อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ก็ตามมา

ฝีมือการผสมพันธุ์ปลาของป้าวาดเป็นที่เลื่องลือไปหลายจังหวัดในภาคใต้ตอนบน กระทั่งภาคอีสาน ที่มีระยะทางอยู่ห่างไกล ยังติดต่อให้ป้าวาดเป็นผู้เพาะพันธุ์ปลาให้ เพราะเชื่อถือในฝีมือการผสมพันธุ์ การอนุบาลลูกปลา ที่ช่วยให้ลูกปลามีคุณภาพ นอกจากจะได้รับการยอมรับจากเกษตรกรแล้ว ป้าวาดเห็นว่าวิชาความรู้ที่มีควรเผยแพร่ให้กับผู้สนใจ เพื่อเพิ่มเทคนิควิธีการให้กับผู้สนใจได้ จึงเปิดฟาร์มให้เป็นแหล่งเรียนรู้การผสมพันธุ์ปลา จนถึงปัจจุบัน ป้าวาดได้รับเลือกให้เข้ารับรางวัลเกษตรกรดีเด่น ปี 2557 ด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด

ป้าวาด ยกตัวอย่างการเพาะพันธุ์และการดูแลปลา โดยเล่าถึงการเพาะพันธุ์ปลานิลในบ่อดินว่า ถึงแม้ว่าปลานิลจะเป็นปลาที่เลี้ยงง่าย แต่ในการเพาะเลี้ยงเพื่อให้ได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจนั้น การเตรียมบ่อถือได้ว่าเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่มีความสำคัญ ซึ่งมีผลต่ออัตราการรอดของลูกปลา

การเตรียมบ่อดิน สำหรับบ่อที่ผ่านการเลี้ยงสัตว์น้ำมาก่อน

1. สูบน้ำออกจากบ่อให้เหลือประมาณ 10-20 เซนติเมตร

2. กำจัดวัชพืช เช่น กกและหญ้าให้หมดด้วยวิธีการถอนทั้งบริเวณก้นบ่อ ขอบบ่อ และคันบ่อออกให้หมด

3. กำจัดศัตรูของปลานิล โดยการใช้กากชาในการกำจัดศัตรูของปลานิล เช่น ปลาช่อนและปลาชะโด โดยการใช้กากชา 2 กิโลกรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 1 วัน

4. นำเฉพาะน้ำที่ได้ ไปสาดให้ทั่วบ่อ เพื่อกำจัดศัตรูของปลานิลและเพื่อเพิ่มอัตราการรอดของลูกพันธุ์ปลานิล

5. สูบน้ำออกจากบ่อให้หมดและลอกเลน ในกรณีที่ภายในบ่อมีการสะสมของตะกอนเลนมากเกินไป ซึ่งตะกอนเลนที่สะสมในบ่อจะมีลักษณะสีดำคล้ำและมีกลิ่นเหม็น โดยจะลอกเลนด้วยวิธีการใช้เครื่องฉีดเลนภายในบ่อให้เหลวก่อน หลังจากนั้นก็ใช้เครื่องสูบดูดออกจากบ่อให้หมด

6. ตากบ่อทิ้งไว้ประมาณ 7 วัน เพื่อให้แสงแดดช่วยฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ที่สะสมอยู่ภายในบ่อให้หมดไป

7. ใช้ปูนขาวหว่านให้ทั่วบ่อ รวมทั้งบริเวณขอบบ่อ ใช้ปูนขาว ประมาณ 110 กิโลกรัม ต่อไร่ เพี่อเป็นการปรับสภาพภายในบ่อ ปูนขาวยังช่วยฆ่าเชื้อโรคและยังช่วยกำจัดศัตรูของปลานิลอีกด้วย

ในกรณีที่ขุดบ่อดินใหม่ บ่อดินที่ขุดใหม่มักไม่ค่อยมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องโรคปลา แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ ความเป็นกรด-ด่าง และความอุดมสมบูรณ์ของดิน เนื่องจากเป็นบ่อขุดใหม่ จะมีวิธีการเตรียมบ่อดังนี้

การเตรียมบ่อดิน ในกรณีที่ไม่เคยผ่านการเลี้ยงสัตว์น้ำมาก่อน

1. วัดค่าความเป็นกรด-ด่าง ของดิน (pH)

2. หว่านปูนขาว จำนวน 100 กิโลกรัม ต่อไร่

3. การเตรียมอาหารธรรมชาติภายในบ่อ เหตุที่ต้องเตรียมอาหารธรรมชาติ เนื่องจากปกติแล้วอุปนิสัยในการกินของปลานิลในธรรมชาติจะกินอาหารจำพวกแพลงตอนพืชและแพลงตอนสัตว์ และเศษวัสดุที่เน่าเปื่อยตามพื้นบ่อ ดังนั้น ภายในบ่อที่เลี้ยงปลานิลควรมีอาหารธรรมชาติเกิดขึ้นอยู่เสมอ จึงจำเป็นต้องใส่ปุ๋ยลงไป เพื่อเป็นการเตรียมอาหารธรรมชาติ โดยปุ๋ยที่ใช้จะใช้ปุ๋ยคอกที่ได้จากมูลสัตว์ ปุ๋ยคอกที่ใช้นั้นต้องเป็นปุ๋ยคอกที่ตากแดดจนแห้งแล้วเท่านั้น

ขั้นตอนการเตรียมอาหารธรรมชาติ

1. หว่านปุ๋ยคอกให้ทั่วบ่อ ใช้ปุ๋ยคอกประมาณ 50 กิโลกรัม ต่อไร่

2. สูบน้ำเข้าบ่อโดยใช้ตาข่ายในการกรองน้ำเพื่อป้องกันศัตรูปลานิลที่ปนมากับน้ำ

3. ปรับระดับน้ำให้มีความลึก ประมาณ 30-50 เซนติเมตร เพื่อกระตุ้นให้เกิดอาหารธรรมชาติ เช่น แพลงตอนพืช และแพลงตอนสัตว์

4. พักน้ำไว้ ประมาณ 6-7 วัน

ขั้นตอนการปล่อยปลา

หลังจากเตรียมอาหารธรรมชาติภายในบ่อเสร็จแล้ว ให้ปรับระดับน้ำให้มีความลึกประมาณ 1 เมตร พักไว้ประมาณ 3 วัน โดยปกติแล้วอัตราการปล่อยลูกพันธุ์ปลานิลจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำที่ใช้เลี้ยงปลานิล ลูกพันธุ์ปลานิลที่นำมาปล่อยจะต้องเป็นปลานิลแปลงเพศ ที่มีขนาดประมาณ 0.6 เซนติเมตร การปล่อยลูกพันธุ์ปลานิลในอัตรา 2 ตัว ต่อตารางเมตร หรือ 3,000-3,500 ตัว ต่อไร่ มีวิธีการปล่อยปลา ดังนี้

1. ปล่อยลูกพันธุ์ปลานิลในช่วงเวลามีปริมาณแสงแดดไม่ร้อนมากจนเกินไป หรือเวลาประมาณ 08.00 น. เนื่องจากอากาศและน้ำมีอุณหภูมิต่ำ ทำให้ลูกพันธุ์ปลานิลไม่ช็อกในขณะที่ปล่อย ไม่ควรปล่อยปลาในช่วงเช้าตรู่ เพราะเป็นช่วงที่น้ำมีปริมาณออกซิเจนต่ำ

2. นำถุงที่บรรจุลูกพันธุ์ปลานิลไปแช่ไว้ในบ่อที่ต้องการเลี้ยงปลานิล ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที เพื่อเป็นการปรับอุณหภูมิภายในถุงลูกพันธุ์ปลานิลให้เท่ากับอุณหภูมิภายในบ่อ เป็นการป้องกันการช็อกของลูกพันธุ์ปลานิลอีกทางหนึ่งด้วย

3. เมื่อครบ 15 นาที แล้วค่อยๆ เติมน้ำเข้าไปในถุง เพื่อให้อุณหภูมิใกล้เคียงกัน แล้วจึงค่อยปล่อยลูกพันธุ์ปลานิลลงบ่อ

ใช้เวลาในการเลี้ยงปลานิล ประมาณ 4 เดือน โดยปลานิลที่ได้จะมีขนาด ประมาณ 500 กรัม ซึ่งปลานิลจะมีอัตราการรอดประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนปลาที่ปล่อยทั้งหมด

การให้อาหาร

ในการเลี้ยงปลานิล จะให้อาหารสำเร็จรูปเป็นหลัก และมีอาหารที่ทำขึ้นเองเสริมไปด้วย โดยอาหารสำเร็จรูป ในเดือนแรก จะให้อาหารของไฮเกร์ด 9961 มีปริมาณโปรตีน 30 เปอร์เซ็นต์ ให้ในปริมาณ 0.5 กิโลกรัม เดือนที่ 2 จะให้อาหาร เซฟฟ์ฟิช 7710 มีปริมาณโปรตีน 30 เปอร์เซ็นต์ ให้ในปริมาณ 1 กิโลกรัม เดือนที่ 3 จะให้อาหาร เซฟฟ์ฟิช 7711 มีปริมาณโปรตีน 30 เปอร์เซ็นต์ ให้ในปริมาณ 2 กิโลกรัม เดือนที่ 4 จนถึงสามารถจับจำหน่ายได้ จะให้อาหาร เซฟฟ์ฟิช 7712 มีปริมาณโปรตีน 25 เปอร์เซ็นต์ ให้ในปริมาณ 5 กิโลกรัม

นอกจากอาหารสำเร็จรูปแล้ว จะให้อาหารที่ทำขึ้นเองเสริมเข้าไปด้วย โดยมีวัตถุดิบคือ เศษปลา 100 กิโลกรัม รำหยาบ 10 กิโลกรัม รำละเอียด 10 กิโลกรัม และน้ำมันพืชใช้แล้ว 10 ลิตร น้ำมาผสมกัน แล้วนำไปบดก่อน จึงสามารถนำไปให้ปลาในบ่อกินได้ ให้ในปริมาณ 3 กิโลกรัม อาหารที่ทำขึ้นเองจะสามารถให้ปลาในบ่อกินได้เมื่อลูกปลานิลมีอายุ 60 วัน จนถึงการจับจำหน่าย

ป้าวาด เล่าว่า ในแต่ละวันจะให้อาหารวันละ 2 ครั้ง โดยครั้งแรกจะให้ในช่วงเวลา 08.00 น. และครั้งที่สองให้ในช่วงเวลา 16.00 น. ควรมีการสังเกตอาการของปลาทุกครั้งที่ให้อาหาร ดูความผิดปกติของปลา เช่น การว่ายน้ำ ความกระตือรืนร้นในการกินอาหาร หากปลานิลแสดงอาการเบื่ออาหาร แสดงว่าผิดปกติ ควรมีการลดปริมาณอาหาร หรืองดอาหารในวันที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม ปราศจากลมพัด ใน 1 สัปดาห์ จะให้อาหารสำเร็จรูป 3 วัน คือวันที่ 1-3 ของสัปดาห์ วันที่ 4 ของสัปดาห์ จะปล่อยให้ปลากินแพลงตอนและพืชน้ำภายในบ่อ และวันที่ 5-7 ของสัปดาห์ จะให้ปลากินอาหารที่ทำขึ้นเอง

การจัดการน้ำ มีการสูบน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติมาพักไว้ในบ่อพักก่อนที่จะนำไปใช้ในการเลี้ยงปลานิล และมีการตรวจสอบคุณภาพของน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยการวัดความโปร่งแสงของน้ำด้วยวิธีการนำวัตถุผูกติดกับเชือกแล้วหย่อนลงน้ำ แล้ววัดความลึกสุดท้ายที่สามารถมองเห็นวัตถุได้ ยังมีการสังเกตกลิ่นและสีของน้ำอย่างสม่ำเสมออีกด้วย เมื่อน้ำในบ่อมีกลิ่นเหม็น ป้าวาดจะใช้น้ำหมักชีวภาพที่ทำขึ้นเองในการรักษาน้ำในบ่อ โดยจะใช้น้ำหมักชีวภาพ 2 ลิตร ผสมกับน้ำ 40 ลิตร นำไปสาดให้ทั่วบ่อที่มีพื้นที่ 2 ไร่

การจำหน่ายปลา แบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ การทยอยจับขาย โดยจะจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 45-55 บาท และการขายแบบยกบ่อ โดยจะจำหน่ายในราคา ประมาณกิโลกรัมละ 43-53 บาท และยังจำหน่ายพ่อแม่พันธุ์ปลา ลูกพันธุ์ปลาชนิดต่างๆ ที่ทางตลาดต้องการ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากการแปรรูปปลา ในแต่ละวันป้าวาดจำหน่ายลูกพันธุ์ปลาได้ 4,000-30,000 ตัว ปัจจุบันป้าวาด มีรายได้เฉลี่ย 100,000 บาท ต่อปี มีฟาร์มเพาะพันธุ์ปลาทั้งหมด จำนวน 3 ฟาร์ม

สำหรับผู้ที่สนใจ อยากที่จะเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสามารถเข้าไปเยี่ยมชม และซื้อพันธุ์ปลา ได้ที่ วาสนาพันธุ์ปลา เลขที่ 52/1 หมู่ที่ 7 ตำบลที่วัง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช หรือโทรศัพท์สอบถามกันก่อนได้ที่ ป้าวาด หรือ คุณหนูวาด ไข่นุ่น โทรศัพท์ (081) 607-7853 และ คุณจีระยุทธ์ ไข่นุ่น บุตรชาย โทรศัพท์ (085) 293-7303 ยินดีต้อนรับผู้สนใจทุกท่าน

ปูนตราเสือ จัดสัมมนา เคล็ดลับฉาบเรียบ

เมื่อเร็วๆ นี้ คุณชัชวาลย์ เศรษฐบุตร กรรมการผู้จัดการ เอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์ พร้อมกับ คุณธีระยุทธ พันธ์มีเชาว์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เสือ มอร์ตาร์ ร่วมจัดกิจกรรมสัมมนาเสริมความรู้แก่กลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างและกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้าน ภายใต้หัวข้อ “The Eternity Wall เคล็ดลับฉาบผนังเรียบเนียนเป็นอมตะ” เพื่อสร้างการรับรู้ถึงนวัตกรรมปูนซีเมนต์สำเร็จรูป สูตรใหม่จากตราเสือ “เสือ มอร์ตาร์ ฉาบอิฐมวลเบา สูตรแพลทินัม” ที่ช่วยให้ผนังเรียบเนียนเป็นอมตะ ด้วยประสิทธิภาพในการรับมือกับปัญหาแตกร้าวช่วงต้นและช่วงปลายได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมอัพเดทเทคนิคการฉาบผนัง ที่จะให้งานออกมาสวยสมบูรณ์แบบ ณ เอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์

Leave a comment