วิสาหกิจชุมชนผลิตข้าวอินทรีย์ ปากพนัง รวมกลุ่มเข้มแข็ง แก้ปัญหานาข้าว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05064150858&srcday=2015-08-15&search=no

วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 27 ฉบับที่ 605

รายงานพิเศษ เกษตรดี ที่นครศรีธรรมราช

ธีรวุฒิ เหล่าสงคราม

วิสาหกิจชุมชนผลิตข้าวอินทรีย์ ปากพนัง รวมกลุ่มเข้มแข็ง แก้ปัญหานาข้าว

การทำนา ยังคงเป็นอาชีพหลักที่เกษตรกรไทยทุกภาคยังคงดำรงไว้ ภาคใต้ก็มีเอกลักษณ์การทำนาที่แตกต่าง และมีเทคนิคที่ไม่เหมือนภาคอื่น แม้กระทั่งการรวมกลุ่มการผลิตข้าว เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ต่อรองกับพ่อค้าคนกลาง ส่งผลให้ข้าวได้ราคาดีและมีคุณภาพ ซึ่งชาวบ้าน หมู่ที่ 7 ตำบลชะเมา อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ก็เช่นกัน เมื่อผลผลิตข้าวมีจำนวนมากขึ้น และถูกกดดันจากพ่อค้าคนกลาง การรวมกลุ่มเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนจึงเกิดขึ้น

คุณสุชาติ เทียมดี ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตข้าวอินทรีย์อ่าวเคียน เล่าให้ฟังว่า ในอดีตชาวบ้านถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง จึงมีแนวคิดรวมกลุ่มก่อตั้งให้เป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนขึ้น เพื่อแก้ปัญหาราคาข้าว โดยก่อตั้งกลุ่มขึ้น เมื่อปี 2549 ปัจจุบัน มีสมาชิกทั้งสิ้น 29 คน และมีพื้นที่ปลูกข้าวของกลุ่ม 1,066 ไร่ ซึ่งวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งกลุ่มขึ้น ก็เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาในนาข้าว ลดต้นทุนการผลิต เพิ่มมูลค่า ให้สมาชิกและคนในชุมชนได้บริโภคข้าวปลอดสารพิษ และต้องการให้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพไม่กระจายออกไปสู่ชุมชนอื่น

คุณสุชาติ เล่าว่า เมื่อปี 2550 ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุราษฎร์ธานี ได้เข้ามาสนับสนุนให้เกษตรกรภายในกลุ่มให้ปลูกข้าวพันธุ์ชัยนาท เพื่อผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์ให้กับทางศูนย์และสมาชิกภายในกลุ่ม ได้เข้าไปศึกษาความรู้เพิ่มเติมทางด้านการทำนา ของกรมส่งเสริมการเกษตรเป็นระยะเวลา 2 ปี จึงได้นำความรู้นั้นมาปรับใช้ พัฒนา และริเริ่มปรับเปลี่ยนการทำนาของเกษตรกรในกลุ่มเป็นการทำนาแบบผสมผสาน โดยได้รับองค์ความรู้หลายด้าน

สำหรับพื้นที่ปลูกกว่า 1,066 ไร่ นั้น กลุ่มได้แบ่งพื้นที่ปลูกข้าวเพื่อผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์ทั้งหมด 240 ไร่ ทั้งนี้ คุณอารี กรองทอง หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม เล่าถึงขั้นตอนการผลิตเมล็ดพันธุ์ว่า ในการปลูกข้าวเพื่อเก็บเมล็ดพันธุ์นั้น จำเป็นต้องมีกฎกติกา เพื่อให้กลุ่มผลิตเมล็ดพันธุ์ดีมีคุณภาพส่งให้กับศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุราษฎร์ธานี และเก็บไว้ใช้เป็นเมล็ดพันธุ์อย่างดีภายในกลุ่ม โดยการปลูกข้าวเพื่อเก็บเมล็ดพันธุ์ ทำดังนี้

1. ขั้นตอนการเตรียมดิน

1.1 ฉีดน้ำหมักชีวภาพจากหอยเชอรี่ที่ทางชุมชนผลิตขึ้นเอง แล้วปล่อยทิ้งไว้ ประมาณ 7 วัน

1.2 ไถกลบตอซัง แล้วพักดินไว้ 7 วัน

1.3 หว่านปุ๋ยอินทรีย์ พร้อมไถคราด แล้วปล่อยทิ้งไว้ ประมาณ 3-5 วัน

1.4 ปล่อยน้ำออกจากนา

1.5 เกลี่ยหน้าดินให้สม่ำเสมอ

1.6 ชักร่องแปลงนา เพื่อเตรียมปลูก

2. ขั้นตอนการปลูกข้าว

การปลูกข้าวโดยวิธีการปักดำ

– เพาะกล้าในถาด ประมาณ 20 วัน

– นำกล้าที่เพาะไว้ไปปักดำในแปลงนา

3. ขั้นตอนการให้ปุ๋ย ครั้งที่ 1 ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ปริมาณ 50 กิโลกรัม ต่อไร่ หลังจากที่ปักดำได้ 20 วัน

4. ขั้นตอนการกำจัดวัชพืช ครั้งที่ 1 ทำหลังจากหว่านปุ๋ยครั้งแรก ผ่านไปประมาณ 20-25 วัน และสามารถทำได้เรื่อยๆ จนกว่าข้าวจะเก็บเกี่ยวได้

5. ขั้นตอนการกำจัดศัตรูพืช ครั้งที่ 1 ทำได้ตั้งแต่ข้าวอายุ ประมาณ 30 วัน โดยสุ่มตรวจด้วยระบบนิเวศในนาข้าว เนื่องจากพื้นที่แปลงนาในเขตตำบลชะเมา จะประสบปัญหากับหอยเชอรี่มากัดกินทำลายต้นข้าวเป็นจำนวนมาก จึงมีการกำจัดหอยเชอรี่ด้วยวิธีการใช้กากชา เพื่อหลีกเหลี่ยงการใช้สารเคมี และนำหอยเชอรี่ที่กำจัดได้นั้นไปทำเป็นน้ำหมักชีวภาพเพื่อใช้ในแปลงนาต่อไป

6. ขั้นตอนการหว่านปุ๋ย ครั้งที่ 2 ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ปริมาณ 30-50 กิโลกรัม ต่อไร่ หลังจากข้าวอายุได้ 45 วัน

7. ขั้นตอนการกำจัดศัตรูพืช ครั้งที่ 2

– ด้วยเหตุที่พื้นที่ตำบลชะเมา ประสบปัญหาหนูนาระบาดกัดกินต้นข้าวเสียหายอย่างหนัก เกษตรกรจึงได้เชิญปราชญ์ชาวบ้านมาให้ความรู้แก่สมาชิกและเกษตรกรในพื้นที่ ได้เรียนรู้การทำกับดักหนู จากวัสดุธรรมชาติ เพื่อเป็นการลดต้นทุนในการผลิต

– นอกจากนี้ ยังมีการสุ่มตรวจด้วยระบบนิเวศในนาข้าวอีกครั้ง พบแมลงสิงเป็นจำนวนมาก เกษตรกรนำวิธีการกำจัดแมลงแบบธรรมชาติโดยใช้น้ำหมักสมุนไพรแบบภูมิปัญญาชาวบ้านในการกำจัดแมลงสิง

8. ขั้นตอนการหว่านปุ๋ยแต่งหน้า จะทำเมื่อข้าวมีอายุ 60-65 วัน ใช้ปุ๋ย สูตร 46-0-0 ปริมาณ 5 กิโลกรัม ต่อไร่ เพื่อให้ข้าวมีน้ำหนักดีขึ้น

9. ขั้นตอนการกำจัดพันธุ์ปน จะทำได้เมื่อข้าวมีอายุ 70-75 วัน โดยใช้แรงงานคน

10. ขั้นตอนการเก็บเกี่ยวผลผลิต จะเก็บเกี่ยวเมื่อข้าวมีอายุ 115-120 วัน

11. ขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพข้าว หลังจากข้าวเก็บเกี่ยวมาแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยข้าวสุราษฎร์ธานี มาสุ่มตรวจเมล็ดพันธุ์ก่อนที่จะมีการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์

12. ขั้นตอนการตากข้าวเพื่อลดความชื้น หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว นำเมล็ดพันธุ์ที่ได้มาตากแดด 2-3 วัน โดยการเกลี่ยเมล็ดพันธุ์ให้ระบายความชื้นได้ดี โดยมีความชื้นไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์

13. ขั้นตอนการทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์ ทำความสะอาดโดยใช้เครื่องจักร เพื่อคัดแยกสิ่งเจือปน

14. ขั้นตอนการบรรจุกระสอบ สามารถทำได้หลังจากทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์เรียบร้อยแล้ว โดยจะบรรจุกระสอบ กระสอบละ 25 กิโลกรัม

การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจชุมชน จะมีการจำหน่ายแบบ จำหน่ายเมล็ดพันธุ์ และจำหน่ายแบบแปรรูป มีโรงสีขนาดเล็กเป็นของชุมชนเพื่อแปรรูปผลผลิตไว้บริโภคภายในชุมชน และจำหน่ายให้กับหน่วยงานต่างๆ และชุมชนใกล้เคียง โดยโรงสีข้าวของวิสาหกิจชุมชนมีกำลังผลิตข้าวในแต่ละวัน เฉลี่ยวันละ 3 ตัน มีผลิตภัณฑ์แปรรูป อาทิ ข้าวหอมปทุมพร้อมหุง จำหน่ายในราคา กิโลกรัมละ 35 บาท ข้าวสังข์หยดพร้อมหุง จำหน่ายในราคา กิโลกรัมละ 50 บาท ข้าวไรซ์เบอร์รี่พร้อมหุง จำหน่ายในราคา กิโลกรัมละ 60 บาท และข้าวหอมนิลพร้อมหุง จำหน่ายในราคา กิโลกรัมละ 50 บาท และผลิตภัณฑ์แปรรูปอีกมากมาย จำหน่ายสินค้าภายใต้ชื่อ ข้าวปลอดภัยจากสารเคมี อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ผลิตโดยวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร ผลิตข้าวอินทรีย์บ้านอ่าวเคียน

ชาวบ้าน หมู่ที่ 7 ตำบลชะเมา อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช แห่งนี้ ถือเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งและมีความสามัคคี มีความพร้อมเพรียงกันที่จะช่วยกันในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจนประสบความสำเร็จและสร้างประโยชน์ให้กับคนในชุมชนได้อย่างมากมาย และนับเป็นอีกหนึ่งชุมชนตัวอย่าง ที่มีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในชุมชน จนกระทั่งนำไปสู่การส่งเสริมการเกษตรที่สามารถยืนด้วยตัวเองได้อย่างยั่งยืน

สำหรับผู้ที่สนใจ ต้องการทราบรายละเอียด ติดต่อได้ที่ เลขที่ 87 หมู่ที่ 7 ตำบลชะเมา อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช คุณสุชาติ เทียมดี ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตข้าวอินทรีย์อ่าวเคียน โทรศัพท์ (089) 964-3399 และ (089) 885-5274

Leave a comment