ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05066150858&srcday=2015-08-15&search=no
| วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 27 ฉบับที่ 605 |
เศรษฐกิจพอเพียง แสงนำชีวิต ที่บ้านโคกยาง
ธนสิทธิ์ เหล่าประเสริฐ
รายงานพิเศษ เกษตรดี ที่นครศรีธรรมราช
“ชาวบ้านโคกยางทุกคน ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต”
บทสรุปจาก คุณภรศักดิ์ มณีโชติ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 10 บ้านโคกยาง ตำบลร่อนพิบูล อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช โทร. (084) 304-3230 หรือที่ชาวบ้านเรียกกันอย่างคุ้นเคยว่า “ผู้ใหญ่โขน” บอกกล่าวถึงแนวทางสำคัญของการดำเนินชีวิตของผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้
บ้านโคกยาง หมู่ที่ 10 ตำบลร่อนพิบูล อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นหมู่บ้านเกษตรกรรมที่ตั้งอยู่ริมถนนสายนครศรีธรรมราช-อำเภอทุ่งสง
บนพื้นที่ของหมู่บ้านกว่า 7,500 ไร่ คือพื้นที่ทำกินของผู้คนทั้ง 512 ครัวเรือน ในหมู่บ้านแห่งนี้ ด้วยวิถีแห่งความพอเพียงที่เน้นการสร้างทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงทำให้บ้านโคกยาง เป็นแหล่งผลิตไม้ผลขึ้นชื่อ ไม่ว่า มังคุด ทุเรียน เป็นแหล่งผลิตยางพาราชั้นดี และเป็นแหล่งผลิตขมิ้นขึ้นชื่อ ที่มีการส่งออกไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศ รวมถึงงานศิลปะพื้นบ้าน งานอาชีพต่างๆ อย่าง พัดใบกระพ้อ ที่กลายเป็นสินค้าโอท็อปขึ้นชื่อ
“เดิมนั้นเราก็มีปัญหามากมายเหมือนกับที่อื่นๆ ไม่ว่า ปัญหาหนี้สิน ปัญหาที่ทำกิน ปัญหาที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้น แต่เราได้ร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขปัญหากันมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้หลายเรื่องผ่านพ้นไปได้ด้วยดี” ผู้ใหญ่โขน กล่าว
แต่เมื่อมีการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักชัยของชีวิต ผสานกับความเข้มแข็งของผู้นำ กลุ่มองค์กรต่างๆ ในหมู่บ้าน รวมไปถึงความร่วมมือของประชาชนในพื้นที่ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต่างๆ จึงทำให้บ้านโคกยางกลายเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงอย่างเต็มภาคภูมิ โดยมีรางวัลหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงของจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นเครื่องหมายการันตี
จากคำบอกเล่าของผู้ใหญ่โขน การได้เข้าไปสัมผัสกับผู้คนในบ้านโคกยาง สิ่งหนึ่งที่ทำให้เห็นได้ชัดเจนคือ ความเข้มแข็งและความร่วมมือ
บทสรุปที่เห็นชัดถึงจุดแข็งของบ้านโคกยาง คือ
หนึ่ง หมู่บ้านมีกลุ่มองค์กรที่เข้มแข็ง จนสามารถสร้างรายได้และให้สวัสดิการกับสมาชิกในหมู่บ้านได้ โดยมีการรวมกลุ่มกันตามอาชีพและความสนใจ ช่วยเหลือพัฒนากันในกลุ่ม อาทิ กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต กลุ่มพัดใบกระพ้อ กลุ่มสวนยาง กลุ่มอนุรักษ์ป่าบ้านใสโตน กลุ่มใช้น้ำ กลุ่มไม้กวาด กลุ่มเวชสำอางขมิ้นชัน กลุ่มสตรี กลุ่มปุ๋ยหมักชีวภาพ กลุ่มกองบุญสวัสดิการชุมชน เป็นต้น
สอง กลุ่มแกนนำที่เข้มแข็ง นับไล่เรียงมาตั้งแต่ผู้นำชุมชนอย่างผู้ใหญ่โขน รวมไปถึงกรรมการของหมู่บ้าน และที่สำคัญคือ ปราชญ์ชาวบ้านในพื้นที่ที่มีความรู้ ความสามารถ ในกิจกรรมการประกอบอาชีพต่างๆ จนกลายเป็นทั้งผู้นำและผู้ให้ความรู้เพื่อการนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต เช่น วิทยากรป่าชุมชน วิทยากรกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต วิทยากรการเลี้ยงสัตว์ วิทยากรการเลี้ยงผึ้ง วิทยากรการเลี้ยงด้วง วิทยากรการเผาถ่านและน้ำส้มควันไม้ เป็นต้น
สาม การเปิดรับองค์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อนำมาพัฒนาและปรับใช้ให้เหมาะสมกับวิถีของหมู่บ้าน สิ่งหนึ่งที่ปฏิบัติเป็นประจำคือ การเดินทางไปศึกษาเรียนรู้นอกสถานที่จากผู้ที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิตและอาชีพในพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงบ้านเขากรม จังหวัดกระบี่ การไปศึกษาดูงานพลังงานทดแทนในการทำไบโอดีเซล อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง เป็นต้น
“แต่ทุกอย่างจะไม่ประสบความสำเร็จเลย ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนในหมู่บ้าน” ผู้ใหญ่โขน ชี้ถึงสิ่งสำคัญ
“หมู่บ้านจะมีการประชุมกรรมการหมู่บ้านและประชาชนทั้งหมู่บ้าน อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง อีกทั้งยังมีการจัดทำข้อปฏิบัติและกฎกติกาของหมู่บ้าน ขณะเดียวกันยังมีการจัดทำแผนชุมชน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาหมู่บ้าน” ผู้ใหญ่โขน ชี้ถึงสิ่งสำคัญ
ผู้ใหญ่โขน ได้กล่าวอีกว่า ด้วยมองเห็นถึงความสำคัญของการสร้างครอบครัวที่เข้มแข็ง อบอุ่น งานหนึ่งที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องใน 5 คุ้ม ของหมู่บ้าน ไม่ว่า คุ้มบ้านควนสี คุ้มบ้านศาลาไฟไหม้ คุ้มบ้านควนสีเมือง คุ้มบ้านหนองบอน และคุ้มบ้านสวนผัก คือการสร้างครอบครัวพัฒนา
“ครอบครัวพัฒนาที่เราทำนั้นจะมีคุณสมบัติที่พึงประสงค์ 7 ด้าน หนึ่ง เป็นครอบครัวที่มีรายได้สมดุลกับรายจ่าย สอง เป็นครอบครัวที่ได้รับการฝึกอบรมในแต่ละปี สาม เป็นครอบครัวที่มีอาชีพแน่นอน สี่ เป็นครอบครัวที่มีการทำบัญชีครัวเรือน หก เป็นครอบครัวที่มีการวิเคราะห์บัญชีครัวเรือนร่วมกันของสมาชิกในครัวเรือน และ เจ็ด เป็นครอบครัวจิตอาสา”
ผลจากการสร้างที่เริ่มต้นด้วย 1 ครอบครัวตัวอย่าง วันนี้ได้พัฒนาขยายออกไป จนเป็น 69 ครอบครัว และกำลังจะเพิ่มมากขึ้นตามเป้าหมายของการพัฒนา
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญและเกิดขึ้นที่บ้านโคกยางคือ การสร้างความเข้มแข็งในอาชีพ อันเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้กับผู้คนในหมู่บ้าน ปัจจุบันมีการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาอาชีพอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นความเข้มแข็งและที่สำคัญได้กลายเป็นแหล่งถ่ายทอดองค์ความรู้ไปยังผู้สนใจ
“สิ่งที่เราได้ดำเนินการนั้น มีทั้งการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน โดยเน้นการส่งเสริมให้ปลูกพืชผักสวนครัวไว้กินเองในบ้าน เรียกว่า ปลูกทุกอย่างที่กิน เหลือกินก็นำไปขาย หรือแจกจ่ายให้กับคนที่รู้จัก ในขณะเดียวกันก็มีการส่งเสริมด้านอาชีพ ขณะนี้มีทั้งหมด 12 กลุ่มอาชีพ มีการอบรมให้ความรู้ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเสริมในสิ่งที่ต้องพัฒนา ในขณะที่สิ่งใดเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน ทำแล้วดี ก็จะมีการบอกต่อกัน”
องค์ความรู้ที่เกิดจากภูมิปัญญาของชาวบ้านโคกยางมีหลายอาชีพ หลายกิจกรรมที่น่าสนใจ และสามารถเข้ามาเรียนรู้ได้ตลอดเวลา
“เรามีศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง 1 ศูนย์ กับ อีก 8 แหล่งเรียนรู้ ไม่ว่า แหล่งเรียนรู้บ้านขนมไทย แหล่งเรียนรู้เกษตรผสมผสาน แหล่งเรียนวิถีไท วิถีพอเพียง แหล่งเรียนรู้คนรักษ์ป่าและสิ่งแวดล้อม แหล่งเรียนรู้การเลี้ยงสัตว์ แหล่งเรียนรู้พัดใบกระพ้อ แหล่งเรียนรู้การออมทรัพย์เพื่อการผลิต และแหล่งเรียนรู้บ้านหมอสมุนไพรพื้นบ้าน”
แม้ในวันนี้จะกล่าวได้ว่า บ้านโคกยาง เป็นหนึ่งในหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงที่มีความเข้มแข็ง แต่การพัฒนาของหมู่บ้านแห่งนี้ยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ ผู้ใหญ่โขนในฐานะผู้นำหมู่บ้าน ซึ่งเรียนจบปริญญาตรีทางด้านเกษตร บอกว่า ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่ต้องทำ ยังมีอีกหลายงานที่ต้องพัฒนา เพื่อสร้างความมั่นคง ความเข้มแข็ง ทั้งด้านชีวิตความเป็นอยู่และอาชีพอย่างยั่งยืน
บ้านโคกยาง จึงเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของจังหวัดนครศรีธรรมราชที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง…
แหล่งเรียนรู้แพะ ที่บ้านโคกยาง
ปัจจุบัน แพะ ได้กลายเป็นหนึ่งสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญของหมู่บ้านแห่งนี้ ชาวบ้านโคกยางหลายครอบครัวได้ปรับเปลี่ยนอาชีพมาสู่การเลี้ยงแพะ และสามารถพัฒนาการเลี้ยงจนประสบความสำเร็จ ผู้ใหญ่โขน (คุณภรศักดิ์ มณีโชติ) บอกว่า แพะนั้นเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย และตลาดมีความต้องการสูงมาก จึงทำให้ผู้คนในหมู่บ้านมีความสนใจเลี้ยงกันมาก
การเลี้ยงแพะของบ้านโคกยาง จึงเป็นอีกหนึ่งแหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจ โดยมี คุณบุญชิต สมัครธรรม เป็นวิทยากรผู้ให้ความรู้
โดยองค์ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงแพะ มีข้อมูลแนะนำว่า ในการปฏิบัติดูแลแพะตัวผู้และตัวเมียจะคล้ายกัน แต่ควรแยกแพะตัวเมียกับแพะตัวผู้ ตั้งแต่อายุ 3 เดือน การใช้เป็นพ่อแม่พันธุ์ ควรมีอายุไม่ต่ำกว่า 8 เดือน
การเลี้ยงดูแพะพ่อพันธุ์ หลังจากที่แยกแพะตัวผู้อายุ 3 เดือน ออกจากแพะตัวเมียแล้ว พ่อพันธุ์ควรได้รับอาหารที่มีพลังงานสูง และได้ออกกำลังกายเพื่อให้แข็งแรง พ่อพันธุ์แพะให้เริ่มผสมพันธุ์ได้ เมื่ออายุ 8 เดือน โดยไม่ควรให้พ่อพันธุ์ผสมพันธุ์แบบคุมฝูงกับแพะตัวเมีย เกินกว่า 20 ตัว ก่อนอายุครบ 1 ปี หลังจากนั้น ค่อยๆ ให้ผสมพันธุ์ได้มากขึ้น แต่ทั้งนี้ไม่ควรใช้พ่อพันธุ์คุมฝูงแพะตัวเมียเกินกว่า 25 ตัว นอกจากนี้ แพะตัวผู้ควรได้รับการตัดแต่งกีบเสมอๆ และอาบน้ำ กำจัดเห็บเป็นครั้งคราว
การเลี้ยงดูแม่พันธุ์แพะ มีข้อแนะนำว่า แพะพันธุ์พื้นเมืองมักเริ่มเป็นสัดตั้งแต่อายุยังน้อย โดยอาการเป็นสัดของแพะตัวเมีย จะเป็นประมาณ 3 วัน หลังจากนั้น จะเป็นสัดครั้งต่อไปห่างจากครั้งแรก ประมาณ 21 วัน
แพะตัวเมียเริ่มให้ได้รับการผสมพันธุ์เมื่ออายุ 8 เดือน
ทั้งนี้ การผสมพันธุ์แพะตัวเมียตั้งแต่อายุยังน้อยๆ อาจทำให้แพะแคระแกร็นได้
หลังจากการได้รับการผสมพันธุ์แล้วก็อาจจะปล่อยให้แพะตัวเมียเข้าฝูงโดยไม่ต้องให้การดูแลเป็นพิเศษอย่างใด นอกจากแพะตัวเมียจะตั้งท้องหรือป่วย
ถ้าแพะตัวเมียได้รับการผสมพันธุ์แล้วกลับมาเป็นสัดอีกภายหลังจากการผสมพันธุ์ไปแล้ว 21 วัน ให้ผสมพันธุ์ใหม่ หากแพะตัวเมียยังกลับเป็นสัดอีก และพ่อพันธุ์แพะที่ใช้ผสมมีความสมบูรณ์พันธุ์ดี ก็ควรจะคัดแพะตัวเมียที่ผสมไม่ติดนี้ออกเสีย
โดยปกติแพะตัวเมียที่ผสมติด จะตั้งท้องนานประมาณ 150 วัน ลักษณะอาการใกล้คลอดจะสังเกตได้ดังนี้
หนึ่ง เต้านม และหัวนมจะขยายใหญ่ขึ้นก่อนคลอด ประมาณ 2 เดือน
สอง แม่แพะจะแสดงอาการหงุดหงิด ตื่นเต้น และร้องเสียงต่ำๆ
สาม บริเวณสวาปด้านขวาจะยุบเป็นหลุมก่อน จากนั้นจะเห็นรอยยุบเป็นหลุมชัดที่สะโพกทั้ง 2 ข้าง
สี่ อาจมีเมือกไหลออกมาจากช่องคลอดเล็กน้อยก่อนคลอดหลายวัน จากนั้นน้ำเมือกจะมีลักษณะเปลี่ยนเป็นขุ่นขึ้น และมีสีเหลืองอ่อนๆ
ห้า อาจจะคุ้ยเขี่ยหญ้าหรือฟางรอบๆ ตัว เหมือนเตรียมคลอด
หก แม่แพะจะหงุดหงิดมากขึ้นทุกที เดี๋ยวนอน เดี๋ยวลุกขึ้น แล้วนอนลงเบ่งเบาๆ
เมื่อแม่แพะแสดงอาการดังกล่าว ควรปล่อยแม่แพะให้อยู่เงียบๆ อย่าให้ถูกรบกวน เตรียมผ้าเก่าๆ ด้ายผูกสายสะดือ ใบมีดโกน และทิงเจอร์ไอโอดีนไว้ เมื่อถุงน้ำคร่ำแตกแล้ว ลูกแพะจะคลอดออกมาภายใน 1 ชั่วโมง…
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งขององค์ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงแพะที่บ้านโคกยาง หากใครสนใจต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าไปเยี่ยมชมและศึกษาเรียนรู้ได้ตลอดเวลา…