เฮมพ์ พืชเส้นใยธรรมชาติ ส่งเสริมปลูก มุ่งสู่เชิงพาณิชย์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05054150858&srcday=2015-08-15&search=no

วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 27 ฉบับที่ 605

เทคโนโลยีการเกษตร

ธงชัย พุ่มพวง

เฮมพ์ พืชเส้นใยธรรมชาติ ส่งเสริมปลูก มุ่งสู่เชิงพาณิชย์

ความเป็นมา

เฮมพ์ เดิมเรียกว่า กัญชง เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเทือกเขาหิมาลัย เป็นพืชที่ให้เส้นใยคุณภาพสูง มีความยืดหยุ่น แข็งแรง และทนทาน เจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิเฉลี่ย 13-22 องศาเซลเซียส ต้องการความชื้นสูง สามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ดี ปัจจุบัน ในประเทศต่างๆ มากกว่า 30 ประเทศ ทั่วโลก ผลิตเฮมพ์ในเชิงอุตสาหกรรม พื้นที่ปลูกเฮมพ์ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศจีน แคนาดา และสหภาพยุโรป สำหรับประเทศที่มีการอนุญาตให้ปลูกเฮมพ์เชิงอุตสาหกรรม โดยมีกฎระเบียบและระบบการควบคุมที่ชัดเจน ได้แก่ สหภาพยุโรป แคนาดา ออสเตรเลีย จำนวน 3 รัฐ สหรัฐอเมริกา จำนวน 9 รัฐ

ในประเทศไทย เฮมพ์ เป็นพืชที่มีบทบาทต่อการดำรงชีวิตและวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาเผ่าม้งมานานแล้ว ใช้เส้นใยจากเฮมพ์ถักทอเป็นเสื้อผ้าใช้ในชีวิตประจำวัน ใส่ในงานวันปีใหม่และงานมงคลต่างๆ ในด้านความเชื่อดั้งเดิมและวัฒนธรรม จะใช้เส้นด้ายที่ทำจากเส้นใยเฮมพ์ มัดมือให้กับเด็กที่เกิดใหม่ ชาวม้งที่เสียชีวิต แล้วจะต้องใส่เครื่องแต่งกาย รองเท้า เชือกมัดศพ ที่ทำจากเฮมพ์ทั้งสิ้น

สำหรับสาเหตุที่มีการปลูกและการใช้เส้นใยจากเฮมพ์ อยู่ในวงจำกัดเฉพาะชาวไทยภูเขาเผ่าม้งเท่านั้น เนื่องจากคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ กำหนดให้เฮมพ์เป็นพืชเสพติดประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522

ต่อมาในปี 2547 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ภาคเหนือ มีพระราชประสงค์ที่จะให้มีการศึกษาและส่งเสริมให้เกษตรกรชาวไทยภูเขาปลูกเฮมพ์ เพื่อใช้ในครัวเรือน และจำหน่ายสู่ตลาด เป็นการส่งเสริมอาชีพและสร้างรายได้จากงานหัตถกรรมอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน มูลนิธิโครงการหลวง ได้เล็งเห็นประโยชน์และความสำคัญของเฮมพ์ จึงได้ศึกษารวบรวมเมล็ดพันธุ์เฮมพ์ในพื้นที่โครงการหลวง นำมาทดลองปลูกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข

เริ่มต้นศึกษา และส่งเสริมเฮมพ์

คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อ วันที่ 1 มีนาคม 2548 มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดหามาตรการในการพัฒนาและส่งเสริมเฮมพ์ ให้สามารถผลิตเพื่อเป็นรายได้เสริมแก่เกษตรกรรายย่อย หน่วยงานต่างๆ ได้แก่ มูลนิธิโครงการหลวง สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) องค์การสวนพฤกษศาสตร์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานอาหารและยา (อย.) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สถาบันการศึกษา หน่วยงานทหารและตำรวจที่เกี่ยวข้อง การดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ประสบผลสำเร็จ และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบมาโดยตลอด พร้อมกับมีมติให้ดำเนินการต่อมาจนครั้งหลังสุด คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการพัฒนาเฮมพ์บนพื้นที่สูงภาคเหนือ ระยะเวลา 5 ปี พ.ศ. 2553-2557 เพื่อให้พื้นที่นำร่อง เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาเฮมพ์อย่างเป็นรูปธรรม ดำเนินการใน 5 พื้นที่ คือ บ้านขุนวาง อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ บ้านถ้ำเวียงแก อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน บ้านพญาเลาอู อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย บ้านใหม่คีรีราษฎร์ และบ้านใหม่ยอดคีรี อำเภอพบพระ จังหวัดตาก และ บ้านทับเบิก อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ สำหรับพันธุ์เฮมพ์ที่ปลูก เกษตรกรส่วนใหญ่จะเก็บพันธุ์ไว้ปลูกเอง

จากการศึกษาของมูลนิธิโครงการหลวง สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ได้จัดตั้งคณะกรรมการทุกระดับ ตั้งแต่ระดับประเทศจนถึงระดับปฏิบัติงานในพื้นที่ พบว่า สายพันธุ์เฮมพ์ที่ผ่านการคัดเลือกและมีสารเสพติดต่ำ ให้ผลผลิตและคุณภาพสูง เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย สามารถขึ้นทะเบียนรับรองพันธุ์เป็นพันธุ์หลักได้ จำนวน 4 สายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์วี 50 พันธุ์ปางอุ๋ง พันธุ์แม่สาใหม่ และพันธุ์ห้วยหอย พื้นที่ 300 ไร่ เกษตรกรเข้าร่วมโครงการและฝึกอบรม จำนวน 500 ราย จัดตั้งกลุ่มผู้ปลูกเฮมพ์ภายใต้ระบบควบคุม 20 กลุ่ม มีการพัฒนากระบวนการแปรรูปจากเส้นใยให้มีคุณภาพ เพื่อลดขั้นตอนและลดระยะเวลาการผลิต พัฒนาผืนผ้าทอจากเฮมพ์ที่มีความหลากหลาย มากกว่า 15 ลวดลาย พัฒนาเครื่องจักร เครื่องมือในการลอกเปลือกเฮมพ์ออกจากแกน หรือลำต้น ทั้งขนาดใช้ในครัวเรือนและในเชิงอุตสาหกรรม และการสกัดน้ำมันจากเฮมพ์ ฯลฯ

ผลิตภัณฑ์จากเส้นใยเฮมพ์ สามารถนำไปทำเป็นเสื้อผ้า หมวก ผ้าเช็ดตัว ผืนผ้า กระเป๋า รองเท้า วัสดุทดแทนสิ่งทอ เสื้อเกราะกันกระสุน ผลิตภัณฑ์จากแกนต้นเฮมพ์ สามารถนำไปทำเป็นกระดานหรือบอร์ดจากเฮมพ์ กระเป๋าเดินทาง ซองใส่แผ่น ซีดี กระดาษ เฮมพ์กรีต สร้างบ้านจากเฮมพ์ คอนโซลรถยนต์สปอต ฉนวนกันความร้อน และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เนื่องจาก ต้น หรือแกนจากเฮมพ์ มีความแข็งแรง มีรูพรุนภายใน ที่สามารถระบายอากาศได้ดี น้ำหนักเบา ผลิตภัณฑ์จากเมล็ดเฮมพ์ สามารถนำไปทำเป็นโปรตีนผง แชมพู เครื่องสำอาง และสบู่ โปรตีนเฮมพ์ น้ำนมเฮมพ์ ไอศกรีมเฮมพ์ น้ำมันหอมระเหย ขนม และเค้กเฮมพ์

ส่งเสริมเฮมพ์

เชิงพาณิชย์

ในปี 2558 มูลนิธิโครงการหลวง สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้กำหนดพื้นที่ส่งเสริมการปลูกเฮมพ์ พื้นที่ 5 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย น่าน ตาก และจังหวัดเพชรบูรณ์ ส่วนใหญ่จะคัดเลือกพื้นที่เดิมและพื้นที่ขยายผลใกล้เคียง เนื่องจากเกษตรกรมีความรู้ ความชำนาญ ให้ความร่วมมือกับทางราชการมาโดยตลอด ทั้งนี้ เกษตรกรจะต้องทำข้อตกลงความร่วมมือ ประกอบด้วย เกษตรกรจะต้องรวมตัวกันเป็นกลุ่มหรือสหกรณ์ แปลงปลูกจะต้องมีพื้นที่และอาณาเขตที่แน่นอน ต้องมีการทำรั้วรอบแปลงปลูก และมีเลขที่ใบอนุญาตให้ปลูก จัดทำพิกัดแปลงปลูกทุกแปลง เมล็ดพันธุ์ที่ใช้ปลูก จะต้องได้รับจากโครงการเท่านั้น เกษตรกรจะต้องร่วมกันกำหนดวันปลูกและวันเก็บเกี่ยว เมื่อถึงช่วงวันเก็บเกี่ยว จะต้องตัดต้นเฮมพ์ให้หมดทั้งแปลง คณะกรรมการสามารถเข้าไปติดตามตรวจสอบแปลงปลูกได้ทุกระยะเวลาการปลูก ที่สำคัญคือ หากเกษตรกรรายใดไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ตกลงกันไว้ เกษตรกรจะต้องยินยอมให้คณะกรรมการตัดฟันต้นเฮมพ์ทิ้งให้หมดทั้งแปลง

เมื่อเร็วๆ นี้ คณะทำงานจากสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ได้ออกไปสำรวจพื้นที่เพื่อขยายผลการส่งเสริมการปลูกเฮมพ์เชิงพาณิชย์ ที่บ้านใหม่คีรีราษฎร์ และบ้านใหม่ยอดคีรี ตำบลคีรีราษฎร์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก เป็นพื้นที่ในความรับผิดชอบของศูนย์ศิลปาชีพ โดย ร้อยตรีทัศนัย ยารังสี ทำหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ เกษตรกรเข้าร่วมโครงการปลูกเฮมพ์ให้สอดคล้องกับความต้องการมาอย่างต่อเนื่อง ปีที่ผ่านมา เกษตรกรปลูกเฮมพ์ 97 ไร่ 53 ราย บางส่วนนำไปใช้ในครัวเรือน นอกจากนั้น จะมีพ่อค้ามารับซื้อถึงแปลง โดยซื้อทั้งต้นสด ราคากิโลกรัมละ 3-5 บาท เนื่องจากเฮมพ์เป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศในปริมาณมาก ภาคเอกชนหลายราย ติดต่อขอซื้อเปลือกเฮมพ์แบบแห้ง เพื่อนำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ ในปีนี้สถาบันวิจัยฯ จึงส่งเสริมปลูกเฮมพ์ในเชิงพาณิชย์ หรืออุตสาหกรรม กำหนดให้เกษตรกรปลูกพร้อมกัน ในวันที่ 15 พฤษภาคม จัดตั้งเป็นกลุ่มเตรียมสหกรณ์ สนับสนุนเมล็ดพันธุ์ดีจากมูลนิธิโครงการหลวง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์แห่งเดียวในประเทศไทย สนับสนุนโรงงานแปรรูปเฮมพ์จากผลผลิตสดให้แห้งก่อนจำหน่าย สนับสนุนเครื่องลอกเปลือกทั้งแบบครัวเรือน และเครื่องขนาดใหญ่ มีคณะกรรมการและนักวิชาการออกไปติดตามให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ฯลฯ

วิธีการปลูกเฮมพ์

การปลูกเฮมพ์ให้ได้ผลผลิตสูงและมีคุณภาพที่ดี ภายใต้การควบคุมช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม ส่วนพื้นที่ที่อาศัยน้ำชลประทาน สามารถปลูกได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนกรกฎาคม สภาพพื้นที่ที่อาศัยน้ำฝน ที่ดินจะต้องระบายน้ำได้ดี จะเป็นดินร่วนหรือดินร่วนปนทรายก็ได้ ดินไม่จับตัวกันแน่น เนื่องจากเฮมพ์เป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำขัง ถางหญ้า และพรวนดิน ส่วนใหญ่จะใช้จอบ เกษตรกรชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง จะใช้หยอดหลุมหรือหว่าน หรือระยะปลูกไม่แน่นอน แต่วิธีที่แนะนำ ควรหยอดเป็นแถว แต่ละแถวห่างกัน ประมาณ 15-20 เซนติเมตร พันธุ์ที่ปลูก ขอรับได้จากโครงการ คือ พันธุ์วี 50 พันธุ์ปางอุ๋ง พันธุ์แม่สาใหม่ และพันธุ์ห้วยหอย ใช้วิธีหยอด 5 เมล็ด ต่อหลุม แล้วถอนแยกเหลือ 3 ต้น ต่อหลุม การจัดการช่วงแรกของการเจริญเติบโต ประมาณ 6 สัปดาห์แรก ต้องรักษาความชื้นให้เหมาะสม หากชื้นเกินไปจะเกิดโรคโคนเน่า กำจัดวัชพืชเมื่ออายุ 25 วัน เมื่ออายุ 30-45 วัน หลังปลูก ใส่ปุ๋ยไนโตรเจน 46-0-0 หรือปุ๋ย สูตร 15-15-15 อัตรา 25 กิโลกรัม ต่อไร่ แต่ภูมิปัญญาชาวไทยภูเขาเผ่าม้งส่วนใหญ่จะใส่เฉพาะขี้เถ้าเท่านั้น การเก็บเกี่ยวเส้นใย จะเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุประมาณ 75-90 วัน ความสูงประมาณ 2 เมตร หรือก่อนออกดอกเพศผู้ เนื่องจากเป็นช่วงที่เส้นใยจะมีความเหนียว เบา เยื่อสีขาว เหมาะสำหรับทำเป็นเส้นใยทอผ้า ตัดลำต้นให้ชิดดิน หรือสูงจากพื้นดิน 5-10 เซนติเมตร เกษตรกรต้องริดใบเฮมพ์ออกให้หมด เหลือแต่ลำต้น มัดรวมกัน ประมาณ 10 ต้น ต่อมัด จากนั้นนำไปตากแดด หรือนำไปตั้งใต้ต้นไม้ ประมาณ 4-5 วัน จึงเข้าสู่กระบวนการแปรรูปลอกเส้นใยนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

ผู้เขียนขอขอบคุณ คณะทำงานจากสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ประกอบด้วย ดร. สริตา ปิ่นมณี หัวหน้าโครงการวิจัยเฮมพ์ ดร. รัตญา ยานะพันธุ์ นักวิชาการ คุณศักดิ์สิริ คุปตรัตน์ นักวิจัย คุณเดชธพล กล่อมจอหอ ผู้จัดการลุ่มน้ำสาละวิน เกษตรกรหรือท่านที่สนใจเกี่ยวกับเฮมพ์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. (081) 681-4600, (084) 399-1590

Leave a comment