กสิกรไทยชูดิจิทัลแบงกิ้ง เสริมประสิทธิภาพทางธุรกิจให้ลูกค้าและคู่ค้า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/564935

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 19 ม.ค. 2559 14:01

 

โลกยุคดิจิทัลก้าวไกลและก้าวไวมาก วิถีการดำเนินชีวิตของคนรุ่นใหม่สะดวกขึ้น ด้วยนวัตกรรมที่ถูกคิดค้นเพื่อตอบสนองในทุกมิติชีวิต ในด้านการทำธุรกรรมการเงินก็เช่นกัน ตั้งแต่บริการพื้นฐานอย่างการฝาก-ถอน-จ่าย-โอน ไปจนถึงการลงทุน หุ้น กองทุน การช็อปปิ้งออนไลน์ การทำธุรกิจต่างๆ อีกมากมาย ล้วนแล้วแต่สามารถกระทำได้ผ่านอินเทอร์เน็ตเกือบทั้งสิ้นแล้วทั้งนั้น

กสิกรไทย ผู้นำด้านดิจิทัลแบงกิ้ง เล็งเห็นถึงความสำคัญของดิจิทัล ที่จะมีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจของลูกค้าและคู่ค้า จึงได้จัดสัมมนา “Power of Digital for Value Chain” ขึ้น โดยมีหัวข้อสำคัญมุ่งประเด็นไปในเรื่องของบทบาทของดิจิทัลภายใต้นโยบายดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (Digital Economy) ด้วยหวังกระตุ้นให้ภาคธุรกิจไทยเกิดการเตรียมความพร้อมและสามารถรับมือกับการแข่งขันในเวทีการค้าที่จะเปิดกว้างสู่ระดับภูมิภาคอาเซียนและระดับโลก โดยมี ปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เป็นประธานเปิดงาน

โดยในครั้งนี้ ได้วิทยากรชั้นนำด้านการเงินและดิจิทัล อย่าง ทองอุไร ลิ้มปิติ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย, จำรัส สว่างสมุทร ผู้อำนวยการใหญ่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ร่วมถ่ายทอดแนวทางและบทบาทของธุรกรรมดิจิทัลที่ภาครัฐกำลังเร่งผลักดัน

นอกจากนี้ ยังได้ตอกย้ำความเข้มข้นในทุกสาระ ด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีบทบาทอย่างสูงต่อภาคเศรษฐกิจไทย ในการดำเนินธุรกิจแบบพึ่งพิงเครือข่ายธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ (Value chain) อย่าง กฤษณ์ อิ่มแสง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), วรรณา สวัสดิกุล ประธานกรรมการบริหารฝ่ายธุรกิจออนไลน์ เทสโก้ โลตัส, รุจน์ สกลคณารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จํากัด และ นพวรรณ เจิมหรรษา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ร่วมสัมมนาอีกด้วย

กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทยทำธุรกิจมา 70 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2468 เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน แต่ละยุคก็มีความยากในการจัดการ ความสำเร็จอย่างหนึ่งของธนาคารคือ ธนาคารรู้จักจัดการกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงแต่ละจังหวะ การเปลี่ยนแปลงในเรื่องของกฎเกณฑ์ สิ่งแวดล้อมในการทำธุรกิจ ซึ่งเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา สำหรับการก้าวเข้าสู่ AEC กสิกรไทย เล็งเห็นพัฒนาการการทำธุรกิจของลูกค้าและของธนาคารเอง พยายามปรับเปลี่ยน Business Model จนเกิดเป็น Value Chain หรือห่วงโซ่ทางธุรกิจ เพื่อสร้างความแข็งแรงทางการทำธุรกิจ ในขณะที่การปรับเปลี่ยนเพื่อการรองรับนวัตกรรมด้านดิจิทัล ก็เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่กสิกรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน

ธนาคารกสิกรไทยจึงเล็งเห็น “โอกาส” และ “วิกฤติ” ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันในอนาคต จึงอยากแบ่งปันและนำเสนอมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล เพื่อให้สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้ เศรษฐกิจไทย 2559 และทิศทางธุรกิจยุค Digital Economy

ในขณะที่ ทองอุไร ลิ้มปิติ ได้สรุปเศรษฐกิจปี 2558 เอาไว้อย่างครบถ้วนว่า เศรษฐกิจเติบโตอย่างช้าๆ ไม่ขยายตัวเท่าที่ประเมินเอาไว้เมื่อต้นปี เศรษฐกิจจีนกำลังมีปัญหาต้องหันมาบริโภคในประเทศมากขึ้น ไม่เน้นการนำเข้า จึงไม่สามารถส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้นได้ ในขณะที่การบริโภคภาคเอกชนยังไม่ชัดเจน แต่ทางสภาอุตสาหกรรมสำรวจพบว่า มีความเชื่อมั่นว่าจะดีขึ้นในปี 2559 นี้ ภาครัฐจะเป็นพระเอกมีบทบาทสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่ายประจำ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ทั้งระยะสั้นและยาว

นอกจากนี้ ได้คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี พ.ศ.2559 ว่าจะปรับตัวดีขึ้น ต่างชาติเริ่มมีความเชื่อมั่นและเริ่มหันกลับมาลงทุน นับเป็นโอกาสอันดีที่จะได้วางยุทธศาสตร์การเติบโตใหม่ โดย Digital Government ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปสู่ Digital Economy อย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่ภาคธุรกิจเองก็มีความพร้อมอยู่แล้วในทุกขั้นตอนในการประกอบธุรกิจผ่านระบบดิจิทัล ฉะนั้นการผสานความมือจากทุกภาคส่วน จะช่วยผลักดันให้แนวโน้มธุรกิจดิจิทัลมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ในหัวข้อ ยกระดับธุรกิจไทยด้วย Digital จำรัส สว่างสมุทร กล่าวว่า ปัจจุบันรูปแบบการค้าได้เปลี่ยนไปจากเดิม ธุรกิจจะเข้าสู่ยุค Omni Channel ผู้ขาย ต้องค้าขายได้ทุกช่องทาง จะไม่มีคำว่า Off-Line หรือ On-Line อีกต่อไป ต้องพร้อมที่จะค้าขาย 24 ชั่วโมง ทางสภาอุตสาหกรรมพยายามผลักดันให้เกิดการยกระดับธุรกิจสู่ดิจิทัลอีโคโนมี โดยเข้าช่วยผู้ประกอบการให้สามารถทำการค้าขายบนออนไลน์ได้ เปิดโอกาสให้เข้ามาอยู่ใน Value Chain ของสภาอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มโอกาสในการขายให้มากขึ้น รวมถึงสนับสนุนการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และพยายามรวบรวมข้อมูลรายละเอียดสินค้าที่ผลิตหรือจำหน่ายในประเทศไทยเพื่อประโยชน์ในด้านต่างๆ ให้มีมาตรฐานสามารถอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่มีความถูกต้องและแม่นยำ ผ่านเทคโนโลยี SMART BAR Mobile Application เพื่อช่วยตรวจสอบมาตรฐานของสินค้า ระบุเลขอ้างอิงต่างๆ มอก. สมอ. เลขฮาลาล เป็นต้น

สุรางคณา วายุภาพ ระบุว่า แนวโน้มธุรกิจ e-Commerce เป็นไปในทางที่สดใส แนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ประเด็นที่เป็นอุปสรรคต่อการซื้อขาย e-Commerce ของคนไทย มี 3 ประเด็นสำคัญ คืออินเทอร์เน็ตช้า, กลัวการโกง และกลัวการจัดส่งล่าช้า ซึ่งความกังวลนี้แก้ได้ด้วยการสร้างมาตรฐานและความน่าเชื่อถือ

“พลังของโลกออนไลน์มีมากกว่าที่คิด การเชื่อมโยงกันของระบบ Payment เป็นเรื่องสำคัญ นวัตกรรมในการทำธุรกรรมของ Bank และ Non-Bank จะมีบทบาทอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ผู้บริหารต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง และผลักดันนำดิจิทัลมาใช้งานจึงจะประสบความสำเร็จ” สุรางคณากล่าว

เรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพให้ห่วงโซ่ทางธุรกิจด้วยดิจิทัล กฤษณ์ อิ่มแสง ให้ภาพการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าไปช่วยธุรกิจได้อย่างชัดเจนว่า ปตท. เป็นธุรกิจที่สัมผัสกับลูกค้า โดยเฉพาะส่วนการบริการน้ำมัน ซึ่งปตท. ก็ได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาประยุกต์ใช้ในห่วงโซ่ทางธุรกิจ อย่างกรณีการสั่งซื้อน้ำมัน ทุกวันนี้ดีลเลอร์ทุกรายสามารถดำเนินการสั่งซื้อน้ำมันของ ปตท.ผ่านแอพพลิเคชั่นได้อย่างสมบูรณ์แล้ว นอกจากนี้ช่วงการขนส่งน้ำมันไปยังคู่ค้า ยังได้มีการติดตั้งระบบเซนเซอร์ตรวจจับม่านตา ระบบการติดต่อสื่อสารกับรถบรรทุกที่สามารถสื่อสารคำสั่งไปยังผู้ขับขี่ได้โดยตรงผ่านระบบออนไลน์ ทำให้สามารถควบคุมเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างทางได้อีกด้วย

“ปัจจุบันเรามีคู่ค้า หรือ Partner เข้ามาอยู่ในสถานีบริการน้ำมันจำนวนมาก ความคาดหวังในการบริหารจัดการเปลี่ยนไป เราต้องใช้ดิจิทัลเข้าไปช่วย ไม่สามารถใช้ Analog ได้อีกแล้ว ซึ่งการนำเทคโนโลยีดิจิตอลเข้ามาประยุกต์ใน Chain ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งลูกค้า คู่ค้า และปตท. ทั้งความเป็นเลิศในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า การบริหารทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน” กฤษณ์อธิบาย

วรรณา สวัสดิกุล ฉายภาพผ่านประสบการณ์ลูกค้าของเทสโก้ โลตัส ว่า การตลาดในยุคปัจจุบัน ต้องปรับตัวให้ทันผู้บริโภคที่มีพฤติกรรมในการช็อปปิ้งเปลี่ยนไป เมื่อก่อนจะซื้อสินค้า ก็จะดูโฆษณาแล้วค่อยไปซื้อ ปัจจุบันเห็นโฆษณา Search หาข้อมูลทางออนไลน์ก่อน อ่านรีวิว ความเห็นจากผู้บริโภคหรืออินฟลูเอนเซอร์ท่านอื่นๆ แล้วค่อยไปซื้อ และจากที่พฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ประกอบกับสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ได้ง่าย และตอบโต้กลับได้ทันทีผ่านหลากหลายช่องทางนี้เอง เทสโก้ โลตัส จึงเน้นการพัฒนาช่องทางค้าปลีกให้หลากหลาย โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์และสื่อดิจิทัล เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ลูกค้ายุคใหม่ที่มีความต้องการซื้อในทุกที่ทุกเวลา

“เทสโก้ โลตัสให้ความสำคัญกับการพัฒนาช่องทางค้าปลีกให้หลากหลาย โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์และสื่อดิจิทัล เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ลูกค้ายุคใหม่ที่มีความต้องการซื้อสินค้าทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งล่าสุดเทสโก้โลตัสมีสินค้าจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์กว่า 20,000 รายการ ทั้งอาหารสด สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากนั้นยังมีแอพพลิเคชั่นที่ช่วยให้ลูกค้าสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เราต้องเข้าถึงลูกค้า ลูกค้าต้องการสินค้าเมื่อไหร่ ต้องสามารถตอบโจทย์ได้ทันที และปัจจัยที่จะทำให้การนำดิจิทัลมาใช้แล้วประสบความสำเร็จนั้น ผู้นำองค์กรเองมีส่วนสำคัญอย่างมาก ผู้บริหารเทสโก้ โลตัส ให้ความสำคัญกับดิจิทัลแพลทฟอร์มอย่างมาก และคนในองค์กรเองก็ต้องปรับตัวเองได้ทัน ดิจิทัลไม่ใช่ความเสี่ยง แต่เป็นโอกาสให้ลูกค้าเชื่อมโยงกับเทสโก้ โลตัสมากขึ้น” วรรณาสรุป

รุจน์ สกลคณารักษ์ ระบุว่า ธุรกิจยานยนต์ เป็นธุรกิจที่ต้องแข่งขันในระดับโลกและมีการส่งออกไปในหลายๆ ประเทศ พื้นฐานของธุรกิจเรา เน้นเรื่องของคุณภาพ ประสิทธิภาพในการผลิต ตลอดจนมาตรฐานความปลอดภัย เพราะฉะนั้นในแต่ละห่วงโซ่ของเรา จะมีการทำงานร่วมกันกับ Supplier ซึ่งดิจิทัลจะเข้ามามีส่วนช่วยเป็นอย่างมาก

“ความร่วมมือระหว่างโตโยต้าและผู้ผลิตชิ้นส่วนเกิดขึ้นบนพื้นฐานความไว้วางใจซึ่งกันและกันและสร้างผลประโยชน์ร่วมกันระยะยาว โดยโตโยต้าได้ให้การสนับสนุนผู้ผลิตชิ้นส่วนในด้านต่างๆ ทั้งการปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัย คุณภาพชิ้นส่วน และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ในการนี้ได้มีการนำระบบการผลิตแบบ Toyota (TPS) เข้าไปปรับใช้เพื่อลดของเสีย เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตต่อชั่วโมง นำไปสู่การลดสินค้าคงคลังตลอดจนพื้นที่ในการผลิตในที่สุด นอกจากนี้ยังขยายผลไปสู่ผู้ผลิตรายย่อย ด้วย ประโยชน์สูงสุดคือ การพัฒนาบุคลากรของผู้ผลิตชิ้นส่วน ที่จะเป็นผู้นำการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง สิ่งสำคัญคือ การสนับสนุนและมีส่วนร่วมของผู้บริหารระดับสูง ตลอดจนการมีส่วนร่วมจากพนักงานทุกระดับ” รุจน์อธิบาย

สุดท้ายที่ นพวรรณ เจิมหรรษา ที่ระบุว่า การถาโถมเข้ามาของเทคโนโลยีมีมา ดิจิทัลก็เช่นกัน แม้ปัจจุบันออฟไลน์ก็ยังมีอยู่ แต่ในขณะเดียวกันออนไลน์จะมีบทบาทมากยิ่งขึ้น จึงแนะนำให้ลองปรับเปลี่ยนวิธีคิดเปลี่ยนมุมมอง ขานรับนโยบายดิจิทัลอีโคโนมี และนำมาประยุกต์ใช้ในการทำธุรกิจ จะช่วยให้ธุรกิจก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้อีกยาวไกล

“ทุกคนรับรู้เรื่องว่าดิจิทัลเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ ต้องกระโดดเข้าใส่ แต้มต่อของธุรกิจจะเปลี่ยนแปลงไป จำเป็นต้องปรับ Business Model หันมาใช้ดิจิทัลให้มากขึ้น และไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่ต้องใช้ Data ที่ได้ให้ดีด้วยเช่นกัน ที่สำคัญต้องไม่ลืมเรื่องของ Non-digital คือต้องพัฒนาคนไปด้วยเช่นกัน” นพวรรณทิ้งท้าย

Leave a comment