ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/197882
นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ขณะนี้เกษตรกรในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาให้ความร่วมมือกับกรมชลประทานในการงดทำนาปรัง ในปี 2558/59 ค่อนข้างน่าพอใจ แม้จะมีเกษตรกรส่วนหนึ่งยอมเสี่ยงทำนาปรังไปประมาณ 1.28 ล้านไร่ก็ตาม แต่ก็น้อยกว่าปีที่ผ่านมา ที่มีการทำนาปรังมากกว่า 2 ล้านไร่ ทั้งๆที่ได้ขอความร่วมมือในการงดทำนาปรังเช่นเดียวกันกับฤดูแล้งปีนี้
อย่างไรก็ตาม คาดว่า ข้าวนาปรังที่เกษตรกรปลูกจำนวน 1.28 ล้านไร่ดังกล่าว ไม่น่าจะได้รับความเสียหายเนื่องจากยังมีปริมาณน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ และปริมาณน้ำที่นอนคลองเหลืออยู่บ้าง แต่เกษตรกรไม่ควรจะทำนาปรังเพิ่ม เพราะน้ำต้นทุนที่มีอยู่ไม่เพียงพอสำหรับการจัดสรรเพื่อทำนาปรังแล้ว มีความเสี่ยงสูงที่ข้าวจะได้รับความเสียหายจากภาวะขาดแคลนน้ำได้
สำหรับสถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลักที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มเจ้าพระยา ล่าสุด ณ วันที่ 11 มกราคม 2559 เขื่อนภูมิพล มีปริมาณน้ำที่ใช้งานได้ 1,074 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 8 ของความจุอ่างฯ เขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำที่ใช้งานได้ 1,822 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 19 ของความจุอ่างฯ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนมีปริมาณน้ำที่ใช้งานได้ 332 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 35 ของความจุอ่างฯ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณน้ำที่ใช้งานได้ 484 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 50 ของความจุอ่างฯ
ส่วนลุ่มน้ำแม่กลอง ซึ่งปกติเกษตรกรจะเริ่มทำนาปรัง ในเดือนมกราคมของทุกๆ ปี ในฤดูแล้งปีนี้กรมชลประทานขอให้งดการทำนาปรังเช่นเดียวกันกับลุ่มน้ำเจ้าพระยา เนื่องจากปริมาณในเขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ์ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำมีปริมาณค่อนข้างต่ำ โดยเขื่อนศรีนครินทร์ มีปริมาณน้ำที่ใช้งานได้ 2,535 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 14 ของความจุอ่างฯ และเขื่อนวชิราลงกรณ์ มีปริมาณน้ำที่ใช้งานได้ 2,071 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 23 ของความจุอ่างฯ เท่านั้น
อธิบดีกรมชลประทานกล่าวต่อว่า การบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งของลุ่มน้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำแม่กลอง ขณะนี้ยังเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าปริมาณน้ำที่มีอยู่จะเพียงพอสำหรับ การอุปโภค บริโภค การรักษาระบบนิเวศน์ การผลักดันน้ำเค็ม และการปลูกพืชในช่วงต้นฤดูฝนอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในส่วนของลุ่มน้ำแม่กลอง แม้จะงดการสรรน้ำเพื่อทำนาปรับ แต่สำหรับเกษตรกรที่ปลูกพืชไร่ อ้อย พืชผัก ไม้ดอกไม้ประดับ พืชสวนผลไม้ กรมชลประทานจะจัดสรรน้ำให้ตามปกติเนื่องจากพืชเหล่านี้จะใช้น้ำไม่มาก ไม่กระทบต่อปริมาณน้ำที่มีอยู่