ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160119/220800.html
ซื้อยาง-เลี่ยงปัญหารุม : ขยายปมร้อน โดยศรุติ ศรุตา
การวิ่งแก้ปัญหาราคายางของรัฐบาล ที่ตอนนี้กลายเป็น “สิ่งที่ต้องทำ” ไปแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สวนกลับ สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการมูลนิธิมวลมหาประชาชน ว่า รัฐบาลไม่มีเงินมากพอที่จะไปรับซื้อยางตามราคาที่เรียกร้องคือ กิโลกรัมละ 60 บาท
แต่ดูเหมือนว่า วันนี้รัฐบาลไม่มีทางหลีกเลี่ยงที่จะต้องเจียดเงินที่ปกติก็กระเหม็ดกระแหม่ในการใช้จ่ายอยู่แล้วไปชดเชยเงินที่น่าจะต้องกู้จากสถาบันการเงินของรัฐ ไม่ว่าจะเป็น ธ.ก.ส. หรือธนาคารออมสิน
เพราะลำพังเงินที่ได้จากค่าธรรมเนียมจากการส่งออกยาง หรือที่เรียกว่า “เซสส์” นั้น ตามกฎหมายยาง เอามาใช้ได้แค่ 10% จากที่มีอยู่ ซึ่งก็ไม่ได้มากมายอะไรแค่ 800 ล้านบาทเท่านั้น
ในขณะที่หากจะซื้อยางแผ่นดิบในราคาประมาณกิโลกรัมละ 45 บาท ก็จะต้องใช้เงินราว 45,000 ล้านบาท
งานนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะการทีี่จู่ๆ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะไปกู้เงิน ธ.ก.ส. เอาเงินมาแทรกแซงราคายาง แล้วบอกว่า จะหาเงินมาชดใช้ดอกเบี้ยส่วนต่างให้แก่ธนาคารเองนั้น มันจะเป็นเรื่องในภายหลัง
หรือจะใช้เหตุผลว่า รัฐบาลขาดทุนไม่เป็นไรเพราะชาวสวนยางได้ประโยชน์ มันก็จะไปย่ำรอยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ทำโครงการรับจำนำข้าวตันละหมื่นห้า จนขาดทุนยับนับกันไม่ถูกจนถึงทุกวันนี้
เรื่องนี้จึงต้องรอบคอบทั้งในแง่ของการใช้เงินที่จะต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย
ที่สำคัญไปกว่านั้น ก็อย่างที่นายกฯ พูดไปวันก่อน ว่าจะให้ชดเชยไปชั่วนิจนิรันดร์กันเลยคงไม่ได้
การใช้เงินของรัฐบาลจึงไม่ใช่แค่เพียงรอบคอบตามกรอบกฎหมาย แต่ยังต้องเป็นการใช้เงินให้เกิดความยั่งยืนในวันข้างหน้าด้วย
เรื่องนี้ต้องเอาความจริงมาพูดคุยกัน ไม่ใช่เอาฐานเสียงมาคุย !
ชาวสวนยางจะต้องรับรู้และเข้าใจว่าถ้าหากราคาน้ำมันโลกยังมีแนวโน้มที่จะต่ำลงไปเรื่อยๆ อย่างนี้ ก็ไม่ต้องหวังว่า ราคายางจะกลับไปที่กิโลกรัมละ 100 บาท
เอาวันนี้กลับไปที่ 50 บาทก็เป็นไปไม่ได้แล้ว เว้นแต่ว่า อยู่ๆ น้ำมันโลกจะพุ่งพรวดกลับไปที่ 70-80 บาท…ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย เมื่ออิหร่านกลับเข้าสู่ตลาดน้ำมัน และเดินหน้าผลิตเต็มกำลังเช่นเดียวกับประเทศผู้ค้าน้ำมันรายอื่น
เมื่อน้ำมันดิบในตลาดโลกราคาต่ำ ราคายางเทียมซึ่งผลิตได้จากน้ำมันก็ต่ำลงไปด้วย แล้วยางจากธรรมชาติมันจะแหวกอากาศพุ่งพรวดขึ้นไปได้อย่างไร
ก็น่าจะเอาอย่างที่ ชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี แนะนำเอาไว้ว่า ชาวสวนยางเองก็ต้องปรับตัว ปลูกพืชอย่างอื่นทดแทน หรือเลี้ยงสัตว์เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไป
สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ บอกว่า นายหัวชวนยังบอกให้อดีต ส.ส.ในพรรคลงพื้นที่ไปช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนจากราคายางตกต่ำ ให้ช่วยหาพันธุ์พืช หรือติดต่อกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อให้มีรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ รวมทั้งลดค่าใช้จ่าย สำรวจค่าใช้จ่ายในการศึกษา ค่าที่พัก ค่าเดินทาง เผื่อว่า ใครมีกำลังพอจะช่วยเหลือกันได้
แต่ก็นั่นแหละ รัฐบาลไม่มีทางเลี่ยงที่จะใช้วิธีที่ตนเองรังเกียจอย่างนี้ไปได้ เพราะปัญหานี้กลายเป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องทำไปแล้ว
นั่นก็เพราะปัญหาที่จะต้องเผชิญในอนาคตอันใกล้นี้ ไม่ว่าจะเป็น “รัฐธรรมนูญ” ที่ร่างแรกกำลังออกมา เดือนเมษายน ก็จะได้อีกร่าง ก่อนที่จะไปทำประชามติเดือนกรกฎาคม ท่ามกลางผงฝุ่นที่คละคลุ้งจาก “ภัยแล้ง” ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์เป็นไปอย่างยากลำบาก
