ตัดขาด-ลอยแพใคร‘ผู้ว่าฯหรือประชาชน’?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160127/221277.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันพุธที่ 27 มกราคม 2559
ตัดขาด-ลอยแพใคร‘ผู้ว่าฯหรือประชาชน’?

ตัดขาด-ลอยแพใคร‘ผู้ว่าฯหรือประชาชน’? : ขยายปมร้อน โดยอรรถยุทธ บุตรศรีภูมิ

            “เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อสมาชิกพรรคและประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร พรรคขอแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่า ต่อไปนี้พรรคไม่สามารถแสดงความรับผิดชอบร่วมกับการทำงานของกรุงเทพมหานครอีกต่อไป และไม่สามารถดำเนินการกิจการทางการเมืองร่วมกัน”

นี่คือคำแถลงของ “จุติ ไกรฤกษ์” เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีต่อ “ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ บริพัตร” ผู้ว่าฯ กทม. เพื่อแสดงความชัดเจนว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ตัดขาดลอยแพ “คุณชายหมู” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แม้ในทางนิตินัย “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์” ยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะขณะนี้ทางพรรคไม่สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองใดๆ ได้ จากการที่ คสช.ได้ประกาศห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งแน่นอนว่า การขับออกจากสมาชิกพรรคก็ทำไม่ได้เช่นกัน

แต่การที่คนระดับเลขาธิการพรรค อย่าง “จุติ ไกรฤกษ์” และรองหัวหน้าพรรคอย่าง “องอาจ คล้ามไพบูลย์” ออกมานั่งแถลงด้วยกัน ก็น่าที่จะเห็นถึงความชัดเจนว่า นาทีนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาอยู่ในระดับใด

ทั้งนี้ก็เป็นอย่างที่เคยฉายภาพให้เห็นว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจู่ๆ ปุ๊บปั๊บเกิดขึ้น แต่เป็นเรื่องที่มีที่มาที่ไป เพราะพรรคประชาธิปัตย์เริ่มจับกระแสความไม่พอใจของคนกรุงต่อการทำงานของ “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์” ได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาเล็งเห็นภาวะการจัดการกับปัญหาที่เป็นปัญหาของ กทม. เช่น ปัญหาเรื่องกล้องดัมมี่ ปัญหาเรื่องการทุจริต ปัญหาเรื่องน้ำท่วม  และทุกอย่างจบที่ปัญหาวุฒิภาวะของผู้ว่าฯ ที่พูดจาให้ชาว กทม.เจ็บช้ำน้ำใจ

แน่นอนว่า พรรคการเมืองเก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ ย่อมจับอารมณ์ได้ว่า ขืนปล่อยไป พรรคจะเสียคะแนนอย่างแน่นอน และที่มั่นนี้ก็ถือเป็นฐานเสียงใหญ่ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดที่จะจัดการอะไรบางอย่าง

การกระทำทุกอย่างเป็นกระบวนการ เช่น ออกมาปล่อยข่าวก่อนว่าจะมีการขับ “คุณชาย” ออกจากพรรค โดยให้เหตุผลว่า ไม่สามารถติดต่อหรือประสานงานกันได้มาระยะหนึ่ง และออกมาปฏิเสธข่าว ต่อมาก็ให้ “วิลาศ จันทร์พิทักษ์” ออกมาทำหน้าที่หัวหมู่ทะลวงฟัน ไล่ตามจับเรื่องทุจริตใน กทม. เป็นการขย่มชนิดรายวัน

สุดท้ายก็เป็นการแถลงข่าวจากแกนนำพรรคอย่าง “จุติ-องอาจ”

แน่นอนว่า ถ้าดูจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น การแถลงข่าวครั้งนี้ ไม่มีอะไรที่มากเกินไปกว่าหวังดึงกระแสคนกรุงให้กลับมาอยู่กับพรรค เนื่องจากไม่ว่าอย่างไรผลทางนิตินัยก็ไม่เกิดขึ้น พรรคก็ยังขับ “สุขุมพันธ์ุ” ไม่ได้จริงๆ เป็นการดึงกระแสคนกรุงให้กลับมาอยู่กับพรรค

หรือแม้แต่ถึงประชุมพรรคได้ คิดหรือว่าจะสามารถขับ “สุขุมพันธ์ุ” ให้พ้นพรรคได้ เพราะเบื้องหลังมีคนตัวดำคอยหนุนหลังอยู่ และคนที่ว่าก็มีบารมีอยู่ในพรรคไม่ใช่น้อย

แต่สิ่งหนึ่งที่น่าคิด คือ การตัดสัมพันธ์ครั้งนี้เป็นการลอยแพ “ผู้ว่าฯ กทม.” จริงหรือ เพราะเอาเข้าจริงแล้ว “สุขุมพันธุ์” เองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรในพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว เพราะถ้าสนใจจริง อย่างน้อยการติดต่อพูดคุยกันเพื่อปรับความเข้าใจหรือแก้ปัญหาก็ย่อมเกิดขึ้น

ที่น่าสนใจคือ เมื่อพรรคประชาธิปัตย์จะส่งผู้สมัครลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. หรือผู้บริหารท้องถิ่น มักจะหาเสียงว่าควรเลือกคนที่มีพรรคสังกัด เพราะพรรคจะเป็นผู้การันตีผลงานและคอยควบคุมการทำงานของผู้สมัครได้หากได้รับเลือกตั้ง แปลว่าผู้สมัครของพรรคหากได้รับเลือกตั้งจะทำตามแนวนโยบายของพรรคที่วางเอาไว้อย่างแน่นอน

แต่มาถึงวันนี้ คำสัญญาหาเสียงเช่นว่า กลับหันมาย้อนทิ่มแทงพรรคเสียเอง เพราะเมื่อพรรคมีปัญหาการทำงานกับผู้ว่าฯ ในสังกัด ควบคุมการทำงานไม่ได้ หรือผลงานผู้ว่าฯ ไม่เข้าตา สุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียคะแนนเสียงในพื้นที่ ก็ประกาศตัดขาดความสัมพันธ์ไม่รับผิดชอบการกระทำ

ลักษณะนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการ “ลอยแพ” ผู้ว่าฯ แต่เพียงอย่างเดียว หากแต่มองอีกมุมก็เท่ากับลอยแพประชาชนที่ตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ เพราะมีพรรคการันตีด้วย

เอาเข้าจริงหากมีปัญหาการทำงานหรือประสานงานกัน สิ่งที่ควรเป็นคือพรรคต้องหาทางแก้ปัญหา โดยเฉพาะพยายามทำอย่างไรก็ได้ ให้ผู้ว่าฯ ทำตามนโยบายพรรคหรือทำให้ประชาชนเกิดความพอใจ ไม่ใช่ประกาศตัดขาดเอาดื้อๆ เพราะวิธีเช่นนี้บอกได้เลยว่า “ง่ายเกินไป” และเป็นการไม่รับผิดชอบต่อผู้ที่เลือกผู้สมัครของพรรค

หากเป็นเช่นนี้ อีกหน่อยเมื่อสมัครรับเลือกตั้งพรรคก็การันตี แต่พอทำไปทำมามีเรื่องไม่ดี พรรคก็ตัดทิ้ง การการันตีของพรรคจะมีความหมายอะไรมากไปกว่าคำพูดที่ไร้ความหมาย และเป็นการทำงานในลักษณะที่เรียกกันว่า “รับชอบ ไม่รับผิด”

Leave a comment