ทบทวนความสัมพันธ์ซาอุฯ-อิหร่าน(2)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160122/220953.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2559
ทบทวนความสัมพันธ์ซาอุฯ-อิหร่าน(2)

ทบทวนความสัมพันธ์ซาอุฯ-อิหร่าน (2) : วิถีมุสลิมโลก ศราวุฒิ อารีย์

            สถานการณ์ร้อนในตะวันออกกลางที่เริ่มตั้งแต่สัปดาห์แรกของปีนี้คือกรณีที่ทางการซาอุดีอาระเบียลงโทษประหารชีวิตเชคนิมร์ อัล-นิมร์ นักการศาสนาชีอะฮ์วัย 56 ปีซึ่งซาอุดีอาระเบียเชื่อว่าเป็นกบฏต่อต้านรัฐบาล จนเหตุการณ์บานปลาย มีการบุกเผาสถานทูตซาอุดีอาระเบียในอิหร่านนำไปสู่การตัดสัมพันธ์ทางการทูตของซาอุดีอาระเบียต่ออิหร่านในท้ายที่สุด

ความจริงความขัดแย้งลักษณะนี้ไม่ใช่เกิดครั้งแรกระหว่าง 2 ประเทศนี้ เพราะในปี 1987 ก็เกิดเหตุการณ์สำคัญที่สะเทือนความสัมพันธ์ระหว่างซาอุฯ-อิหร่านมาครั้งครั้งหนึ่งแล้ว เป็นเหตุการณ์ที่เริ่มต้นจากการที่ผู้แสวงบุญชาวอิหร่านจัดขบวนชุมนุมทางการเมืองต่อต้านสหรัฐระหว่างประกอบพิธีฮัจญ์ ณ นครเมกกะจนเกิดการปะทะรุนแรงกับกองกำลังรักษาความมั่นคงของซาอุดีอาระเบีย นำไปสู่การนองเลือดซึ่งทำให้ผู้แสวงบุญชาวอิหร่านเสียชีวิตทันที 275 คน บาดเจ็บอีก 303 คน

ขณะที่เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของซาอุดีอาระเบียก็เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนไม่น้อยเช่นกัน เหตุการณ์นี้สร้างความเกลียดชังและความหวาดระแวงซึ่งกันและกันเพิ่มมากขึ้น อันนำไปสู่การตัดความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในที่สุดเมื่อปี 1988 ขณะที่อิหร่านก็ประกาศคว่ำบาตรไม่ขอเข้าร่วมพิธีฮัจญ์ในซาอุดีอาระเบียอีกต่อไป

แม้สัมพันธภาพระหว่างซาอุฯ-อิหร่านจะไม่ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาทันทีหลังสงคราม 8 ปีอิรัก-อิหร่าน (1980-1988) จบสิ้นลง แต่ในทศวรรษที่ 1990 ก็มีเหตุการณ์สำคัญหลายเหตุการณ์ที่ทำให้มหาอำนาจทั้ง 2 ประเทศต้องโน้มเอียงเข้าหากัน

เริ่มจากการที่กองกำลังอิรักเคลื่อนทัพไปบุกยึดคูเวตในปี 1990 ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ของมหาอำนาจในภูมิภาคที่เป็นแบบสามเหลี่ยมอีกครั้ง เพราะสงครามอ่าวเปอร์เซียที่ตามมาหลังจากนั้นได้ทำให้ความขัดแย้งระหว่างซาอุฯ-อิหร่านคลายความตึงเครียดลง ต่างฝ่ายต่างต้องมาให้ความสนใจร่วมต่อปัญหาภัยคุกคามจากอิรักภายใต้ประธานาธิบดีซัดดัม

ความก้าวร้าวของซัดดัมได้นำทั้ง 2 ประเทศมาสู่เป้าหมายทางการเมืองร่วมกัน เนื่องจากอิหร่านยังฝังใจเจ็บอิรักจากการทำสงคราม 8 ปี ขณะที่ซาอุดีอาระเบียเองก็มองอิรักและพฤติกรรมการยึดครองคูเวตเป็นภัยคุกคามต่อราชวงศ์สะอูดมากกว่าภัยคุกคามที่มาจากอิหร่าน สุดท้ายความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างซาอุฯ-อิหร่านก็เปิดฉากขึ้นอีกครั้งในวันที่ 19 มีนาคม 1991

นอกจากนั้น เหตุผลด้านเศรษฐกิจยังเป็นอีกปัจจัยที่ดึง 2 ฝ่ายให้ต้องหันหน้าเข้าหากัน อิหร่านเริ่มเห็นความสำคัญของซาอุดีอาระเบียในฐานะ “พี่ใหญ่” ขององค์กรร่วมของประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก หรือโอเปก (Organization of the Petroleum Exporting Countries) เพราะเป็นหนทางในการร่วมมือเพิ่มการค้าและรายได้อันเกิดจากการขายน้ำมันในตลาดโลก เพื่อที่จะเอาเงินมาบูรณะฟื้นฟูประเทศอิหร่านหลังตกอยู่ในภาวะสงครามมานานหลายปีติดต่อกัน

ขณะที่ซาอุดีอาระเบียเองก็ต้องการรักษาภาพลักษณ์ในฐานะผู้พิทักษ์ศาสนสถานสำคัญทั้งสองของโลกมุสลิม โดยไม่ต้องการให้ชาติใดคว่ำบาตรพิธีฮัจญ์ ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของซาอุดีอาระเบียรองจากน้ำมัน ทั้งนี้อิหร่านในยุคนั้นถือเป็นประเทศที่ประชาชนมาทำฮัจญ์มากที่สุด ขณะที่ความรู้สึกว่าอิหร่านเป็นภัยคุกคามต่อกลุ่มประเทศอ่าวเปอร์เซียก็ลดน้อยลงตามลำดับ โดยเฉพาะหลังจากที่อิหร่านมีรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้ผู้นำและนักการศาสนาสายปฏิรูป

Leave a comment