22 ม.ค. 59  นางอังคณา นีละไพจิตร กสม.ด้านสิทธิสตรีและสิทธิพลเมือง กล่าวถึงกรณีการจับกุมนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ว่า ในความเห็นส่วนตัว หากมีหมายจับ เจ้าหน้าที่รัฐก็ถือมีอำนาจตามกฎหมาย ซึ่งมีระเบียบวิธีการขั้นตอนกำหนดไว้หมดแล้ว แต่ในกรณีดังกล่าว นักศึกษาที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้มีพฤติกรรม หรือเจตนาที่เป็นการแสดงออกว่าจะหลบหนีการจับกุม หากแต่ยังใช้ชีวิตตามปกติ การที่มีเจ้าหน้าที่ใส่เครื่องแบบแต่กลับใช้ยานพาหนะที่ไม่ระบุว่ามาจากหน่วยงานใดมาทำการจับกุมในยามวิกาล ถือเป็นเรื่องไม่สมควร อีกทั้งจากภาพที่เห็นในกล้องวงจรปิดที่มีการนำตัวขึ้นรถ ผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์อาจเข้าใจผิดได้ว่าเป็นการลักพาตัว วิธีการจับกลุ่มนั้นอันดับแรกอย่างน้อยเจ้าหน้าที่ต้องแสดงหมายจับและพาตัวไปที่สถานีตำรวจที่อยู่ในความรับผิดชอบ แต่จากที่ปรากฏตั้งแต่ที่มีการจับกุมจนถึงพาตัวไปสถานีตำรวจที่ใช้ระยะเวลาหลายชั่วโมง จนอาจมีการตั้งคำถามว่าในระยะเวลาดังกล่าวสุ่มเสี่ยงว่าจะเป็นการกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือไม่

                      “ต้องอย่าลืมว่าประเทศไทยได้ไปลงนามในอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันบุคคลทุกคนจากการสูญหายโดยถูกบังคับของสหประชาชาติ ถึงแม้จะยังไม่ได้กล่าวสัตยาบัน แต่การที่ประเทศไทยไปลงนามย่อมหมายถึงการแสดงความร่วมมือ การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รัฐต้องแสดงเจตจำนงตามอนุสัญญาดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะกับผู้ต้องหาที่ไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนีการจับกุม ดังนั้น จึงต้องมีความระมัดระวังในข้อกฎหมาย รวมทั้งสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา เช่น ในเรื่องการประกันตัวหรือการพบทนาย”