ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160119/220862.html
‘ประยุทธ์’หวังดันอุตฯยางในเขตศก.พิเศษ ขอบคุณชาวสวนยางที่อดทน – ร่วมมือรบ. พร้อมมอบก.วิทย์โต้โผโชว์ศักยภาพร่วมแก้วิกฤติ ‘พิเชฐ’ นำทีมระดมนวัตกรรมสร้างอนาคต
เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 19 ม.ค.2559 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นอนาคต แต่จะต้องสอดคล้องกับระยะที่หนึ่งที่เราดูแลเรื่องยางพารา เรากำลังส่งเสริมอุตสาหกรรมยาง หรือซุปเปอร์คลัสเตอร์ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษด้วย เพื่อในวันหน้าจะได้มีโรงงานไปตั้งขึ้นใหม่แล้วจะใช้ยางในประเทศ 100 เปอร์เซ็นต์ได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาไม่มีการกำหนดกฎเกณฑ์ไว้ชัดเจนว่าต้องใช้ยางเท่าไหร่ ซึ่งถ้าเราใช้ยางพารา 90-100 เปอร์เซ็นต์จะต้องไปดูกฎหมาย เพราะเป็นการค้าเสรี

นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้ต้องขอบคุณพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางที่มีความอดทนมากขึ้น และให้ความร่วมมือกับรัฐบาล และคงได้เห็นการแก้ไขราคายางของรัฐบาล ซึ่งได้มีการจัดนิทรรศการผลิตภัณฑ์ที่ทำจากยางพารามาโชว์ให้เห็นที่ทำเนียบรัฐบาล ไม่ใช่โดยเฉพาะการจะเอาเงินไปให้ใครเท่าไหร่เป็นไปไม่ได้ วันหน้าประเทศชาติต้องเดินแบบนี้ อยากให้สื่อเข้าใจปัญหาตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ถ้าเราจับสามอย่างมาเจอกันไม่ได้ การแก้ปัญหาก็จะผิดไปหมด แต่เมื่อเราทำแบบนี้การแก้ปัญหาก็จะยุ่งยากหลายประการ ทั้งข้อกฎหมาย อำนาจหน้าที่ ก็ต้องมีการพิจารณาในครม.และฝ่ายกฎหมาย เพื่อให้ได้ข้อยุติ ซึ่งทั้งหมดผ่านการกลั่นกรองพิจารณามาแล้ว อย่าให้ใครมาปลุกปั่นว่าเหมือนโครงการนู้นนี้ มันไม่เหมือนหรอกจะเหมือนกันได้อย่างไร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลรับซื้อยางช่วยเกษตรกรเป็นการเริ่มต้น ระยะที่หนึ่ง ในเรื่องการแก้ปัญหายางอย่างครบวงจร เป็นเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น แต่ก็นำมาสู่กระบวนการผลิต ส่วนการตลาดอื่นก็ยังเหมือนเดิมไม่ได้ไปยุ่งอะไร ซึ่งวันนี้รัฐบาลได้แก้ไขกฎระเบียบในการใช้งบประมาณแผ่นดินจัดซื้อให้แล้ว เพื่อให้เกิดความถูกต้องและคล่องตัว ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ไม่เกิดการแก้ปัญหาได้ และคิดว่าน่าจะดีขึ้นและดีกว่าที่จะใช้เงินฟุ่มเฟือยไปเรื่อยๆ ไม่ได้ข้อยุติ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนที่เกรงจะมีปัญหาการทุจริตเรื่องยาง ตรงนี้เขามีมาตรการหมดทุกอัน คิดกันเยอะ เหน็ดเหนื่อยไม่ใช่สั่งโครมแล้วอนุมัติไปซื้อยางอย่างเดียว ต้องดูด้วยว่าซื้ออย่างไรให้สุจริต ทั้งนี้การทุจริตไม่อยากให้โทษรัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่ดูข้าราชการเพียงอย่างเดียว แต่เจ้าหน้าที่รัฐก็ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ เกษตรกรหรือใครก็ตามที่จะต้องรับผลประโยชน์ก็ต้องรักษาสิทธิประโยชน์ของตัวเอง ไม่ใช่ให้คนเข้ามาครอบงำ

“เรื่องยาง ผมก็กังวลเหมือนกันและได้สั่งไปแล้ว และให้ดูให้ดี กลไกการซื้อต้องรัดกุมไม่อยากให้ไปซื้อแล้วเกิดการนำมาเวียนกันอย่างที่ว่าตรงนี้มันมีโอกาส ไม่ใช่ผมไม่คิด ก็คิด ถ้าทุกคนไม่รักษาสิทธิ์ของตัวเองก็ลำบากไปเอายางที่ขายไปแล้ว มาวนเวียนใหม่ตรงนี้ต้องตรวจสอบให้ดี ซึ่งมีทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คสช. หลายคนในพื้นที่ต้องรับผิดชอบ เพราะทุกคนรู้อยู่แล้ว ต้องอาศัยกระบวนการแปรรูปในพื้นที่ด้วย ไม่ใช่เอาน้ำยางส่งขึ้นรถมาทันทีหลังซื้อ มันก็เสียหมด มันต้องซื้อยางที่ขนย้ายง่าย ซึ่งมีหลายประเภท ส่วนที่เป็นน้ำยางต้องทำให้เป็นวัสดุที่ไม่เสีย แล้วนำมาสู่กระบวนการผลิต หากยังผลิตไม่ได้ก็ต้องมีคลังเก็บรักษาที่ไม่ทับซ้อนกับของเดิม ระมัดระวังหมด ถึงขนาดย้อนไปตรวจคลังต่างๆ เดิมที่มีอยู่แล้ว เมื่อรับมาก็มีปัญหาหมด แต่รัฐบาลยืนยันว่าทำอย่างไร ยางเหล่านั้นจะไม่มาทำให้ราคาตลาดตก แต่การที่เราจะไปขายใครก็ตามมันยากที่จะขายในราคาที่สูงของใหม่ก็จี้มา มันต้องแก้ทั้งหมด ยางในคลังและยางรับซื้อใหม่” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฉะนั้นต้องมาดูจะช่วยกันอย่างไร จะลดพื้นที่การปลูกยางได้หรือไม่ จะใช้กฎหมายบังคับก็ไม่ค่อยยอมกัน ซึ่งต้องเริ่มในพื้นที่ที่ผิดกฎหมาย แต่การจะดูแลเกษตรกรอย่างไรมันคิดยาก แต่รัฐบาลไม่คิดแบบนี้ ไม่ใช่ลดแรงกดดันไปเฉยๆ แล้ววันหน้าก็มาใหม่ ตนไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นมันไม่ควรจะขู่รัฐบาลได้ โดยเฉพาะรัฐบาลนี้ เพราะเรามาแก้ไข
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมการใช้ยางแสนตันที่จะนำไปผลิต มีการของบประมาณปกติของปี 59 วงเงินจำนวน 2,000 กว่าล้าน ขณะเดียวกันยังมีการของบกลางไว้อีก 60,000 ล้าน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ระยะแรกยังไม่ใช้เงินตรงนั้น แต่ถ้าซื้อยางจำนวนแสนตัน ใช้เงินปี 59 คงไม่พอ ระหว่างนี้กำลังสร้างความเข้มแข็งต้องค่อยๆดำเนินการไปก่อน ซึ่งอาจจะไม่ทันใจเกษตรกรสวนยาง แต่เพื่อให้รู้ว่ารัฐบาลกำลังทำอยู่ ถ้าเริ่มจุดนี้ได้ ระยะแรกคงไม่ต้องนำงบกลางมาใช้ เว้นแต่มีส่วนหนึ่งอาจต้องใช้เรื่องการแปรรูปในท้องถิ่น ตรงนั้นต้องมีค่าจ้าง ทั้งนี้ระยะแรกอาจใช้ยางไม่มากถึงแสนตัน โดยแสนตันเป็นการเปิดหลักการไว้เฉยๆ ขณะเดียวกันในความเป็นจริงเราไม่สามารถซื้อยางได้ทั้งหมด ถ้าในอนาคตเราไม่ลดพื้นที่การปลูกยาง ดังนั้นอยากให้สังคม ประชาชน เข้าใจด้วย ไม่ใช่รัฐบาลจะต้องซื้อให้หมดหรือซื้อทุกอย่าง เพราะคงไม่มีสตางค์หรอก แต่วันนี้เราต้องเริ่มต้นให้ได้ก่อน เพื่อให้กลไกปกติ ภาคธุรกิจเข้าใจ และเกิดการแข็งขันมากขึ้น โดยนำยางไปใช้มากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การขยายตลาดไปยังต่างประเทศอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
เมื่อถามว่าความต้องการใช้ยางของ 8 กระทรวงมีจำนวนเท่าไหร่ นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ 8 กระทรวงมีความต้องการใช้ยางจำนวน 14,000 ตัน แต่เป็นความต้องการตามที่มีงบประมาณอยู่ หากจำเป็นหรือต้องการมากขึ้น วงเงินที่เปิดไว้ ก็จะนำมาเป็นระยะที่สอง ต้องเดินแบบนี้ ถ้าเดินพรวดพลาด ก็จะมีปัญหาอีก ฉะนั้นตอนนี้ขอให้มาคุยกันว่า 1.จะลดพื้นที่ปลูกยางอย่างไร 2.จะปลูกพืชเสริมอย่างไร เพราะถ้าใช้เงินโครมๆ เราก็จะไม่ได้อะไรขึ้นมา พื้นที่อื่นก็ไม่ได้ เพราะเงินไปลงกับเรื่อง ข้าว ยาง มันสำปะหลัง เป็นมาแบบนี้ตลอด มันถูกหรือผิด ใครเรียนเศรษฐศาสตร์มา ตนเศรษฐศาสตร์จุลจอมเกล้าฯ ล้วนๆ
มอบกระทรวงวิทย์โต้โผโชว์ศักยภาพร่วมแก้วิกฤติ
ขณะเดียวกัน ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นำผลงานนวัตกรรมยางพารา ที่เป็นผลงานของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ มาจัดนิทรรศการให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีชมก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ดร.พิเชฐ กล่าวว่า หน่วยงานภายในกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ที่มีผลงานเกี่ยวเนื่องกับยางพาราที่สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ในระยะยาว โดยกรมวิทยาศาสตร์บริการ นำการพัฒนาเทคโนโลยีการสร้างพื้นลู่-ลานกรีฑา สนามกีฬา และลานอเนกประสงค์ จากยางธรรมชาติ มาเสนอ ซึ่งเป็นการแปรรูปยางพาราเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้คุณภาพ มาตรฐานเทียบเคียงกับต่างประเทศ สนับสนุนการใช้วัตถุดิบยางธรรมชาติภายในประเทศ อายุการใช้งาน มากกว่า 5 ปี มีผลสำรวจจากผู้ประกอบการ ที่รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีแล้วว่ามีความพร้อม นอกจากนี้ยังพบว่ากำลังผลิตเม็ดยางสำหรับใช้ทำพื้นสังเคราะห์ โดยในหนึ่งเดือนจะมีกำลังผลิตอย่างน้อย 966 ตัน สามารถสร้างลู่ลานกรีฑาได้ประมาณ 21 สนาม คิดเป็นมูลค่า 420 ล้านบาท
ในด้านมาตรฐานนั้น กรมวิทยาศาสตร์บริการ มีความพร้อมตรวจสอบตามมาตรฐาน มอก. 2682 – 2558 สำหรับเม็ดยางใช้ทำพื้นสังเคราะห์ และ มอก. 2683-2558 สำหรับพื้นสังเคราะห์ เพื่อใช้กับผลิตภัณฑ์พื้นลู่ลานกรีฑา สนามกีฬา และลานอเนกประสงค์ โดยมาตรฐานดังกล่าวได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) แล้วเมื่อ เมษายน 2558 สามารถลดค่าใช้จ่ายและนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง และได้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีให้แก่ผู้ประกอบการ กลุ่มอุตสาหกรรมยางและกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างแล้ว เมื่อกุมภาพันธ์ 2558 ทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ ในหลักสูตร 1 เทคโนโลยีการสร้างพื้นลู่-ลานกรีฑา สนามกีฬา และลานอเนกประสงค์ และ หลักสูตร 2 เทคโนโลยีการผลิตเม็ดยาง มีผู้เข้ารับการอบรมกว่า 60 บริษัท โดยขณะนี้ได้จัดสร้างพื้นที่สาธิตต้นแบบ ลู่ลานกรีฑา สนามกีฬา และลานเอนกประสงค์โดยใช้ยางธรรมชาติ เพื่อเป็นพื้นที่สาธิต ณ โรงเรียนบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ขนาดพื้นที่ประมาณ 989 ตารางเมตร ใช้ยางธรรมชาติรวม 245 ตัน ซึ่งกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้ส่งมอบสนามดังกล่าวให้กับกรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา ดร.พิเชฐ กล่าว
ผลิตแผ่นยางรถไฟ/ยางล้อตันคุณภาพดีกว่าของนอก
ด้านสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำเสนอ 2 โครงการคือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์แผ่นยางรองรางรถไฟจากยางพารา ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่า มีคุณภาพผ่านเกณฑ์ข้อกำหนดตาม มอก. 2667-2558 ใช้วางระหว่างหมอนรองรางกับรางรถไฟเพื่อลดเสียงและการสั่นสะเทือนขณะที่รถไฟเคลื่อนที่ผ่าน ช่วยลดการถ่ายเทแรงไปยังหมอนคอนกรีตและช่วยกระจายแรง พร้อมทั้งปกป้องผิวด้านบนของหมอนคอนกรีตไม่ให้สึกกร่อนและถูกแรงกระแทก ทำให้ทั้งรางรถไฟและหมอนคอนกรีตรองรางรถไฟมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น อีกหนี่งโครงการคือ คอมพาวด์สำหรับยางล้อตันประหยัดพลังงาน มีการพิสูจน์ว่าดีกว่ายางล้อตันของบริษัทชั้นนำข้ามชาติอันดับหนึ่งของโลกร้อยละ 14 สามารถประหยัดพลังงานได้ดีขึ้นกว่ายางล้อตันเดิมของบริษัทร้อยละ 23 และยังทนต่อการสึกกร่อน 2 เท่า ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 60,000 บาท/คัน/ปี อีกด้วย

เครื่องสำอางยางพาราหนึ่งเดียวในโลกคุณภาพเทียบแบรนด์นอก
รมว.วิทยาศาสตร์ฯ กล่าวว่า หนึ่งในนวัตกรรมที่คนคาดไม่ถึงคือ การพัฒนาสารสกัดจากน้ำยางพาราสู่ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง โดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ สนับสนุนให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิจัยจนค้นพบความมหัศจรรย์จากต้นยาง ที่สามารถสร้างมูลค่าจากน้ำยางนำไปใช้ประโยชน์เป็นผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ขณะนี้ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่ภาคเอกชน จนสามารถต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์และวางขายในท้องตลาดแล้ว และได้ยื่นจดสิทธิบัตรไป 8 ประเทศ นอกจากนี้ยังสามารถขยายผลไปสู่ ผลิตภัณฑ์ เพื่อบำรุงผม หนังศีรษะ ผิวพรรณ และอาหารเสริมทางการแพทย์ รวมไปถึงพัฒนาเป็นสารตั้งต้นสำหรับยารักษามะเร็งได้อีกด้วย
ถุงมือผ้า-หมอนเคลือบยางพาราเพิ่มมูลค่า
ขณะที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เพิ่มมูลค่าผลิตโดยใช้เทคโนโลยี เคลือบถุงมือผ้าสำหรับกันลื่นในการใช้งานด้านการเกษตรและอุตสาหกรรม โดยได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีลงสู่ วิสาหกิจชุมชนชาวสวนยางบ้านในสวน จ.สุราษฎร์ธานี สหกรณ์กองทุนสวนยางทรัพย์ทวี จำกัด จ.สุราษฎร์ธานี วิสาหกิจชุมชนแปรรูปยางพาราไทย จ.สุราษฎร์ธานี วิสาหกิจชุมชนโนนบก จ.อุดรธานี ส่วนหมอนยางพารา ทาง วว.ได้ใช้เทคโนโลยีด้านนวัตกรรมวัสดุในการเพิ่มความนุ่มของผลิตภัณฑ์ โดยมีการคาดการณ์ต้นทุนที่ใบละ 245 บาท ขายใบละ 500 บาท โดยได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับ กลุ่มชาวสวนยางทรัพย์ทวี

แผ่นยางผสมกัญชงสำหรับปูพื้นรถยนต์และวัสดุตกแต่ง
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ นำเสนอเทคโนโลยีการผลิตยางธรรมชาติเสริมแรงด้วยเศษกัญชงที่มีการปรับปรุงทางเคมีเพื่อเพิ่มแรงยึกติดระหว่างยางกับกัญชง ร่วมกับการพัฒนาให้ยางพาราสามารถแทรกตัวและเชื่อมประสานกับผ้าทอจากกัญชง ที่มีการปรับปรุงการตีเกลียวของเส้นด้ายและปรับโครงสร้างผ้าให้เพิ่มคุณสมบัติทนต่อแรงขัดถู ซึ่งพรมจากยางพาราและกัญชงมีสมบัติลดการเกิดไฟฟ้าสถิตย์และลดกลิ่น คาดการณ์ผลประโยชน์ด้านการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมยางราว 20 เท่า เป้าหมายการผลิต 100,000 ชุดต่อปี จะทำให้มีการใช้แผ่นยางพารารมควันปีละ 210,000 กิโลกรัม

“นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมผลิตผนังสามมิติจากยางธรรมชาติ ให้มีการพัฒนาคอมพาวนด์ มีการพัฒนารูปแบบกระบวนการผลิต และการทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานจริง โดยการติดตั้งในสถานที่ต่างๆ ได้แก่ โรงแรม คอนโด และบ้านเดี่ยว โดยมีการใช้ในประเทศและส่งออกปีละประมาณ 10 ล้านบาท อีกหนึ่งนวัตกรรมที่นำเสนอคือ ฟลอร์ บีอาร์ แผ่นยางปูพื้นเพื่อลดแรงกระแทกจากการหกล้ม โดยใช้เทคโนโลยีการออกแบบและพัฒนาสูตรคอมพาวนด์ยางธรรมชาติและเทคโนโลยีการทำให้ยางสุกบางส่วน เพื่อช่วยลดระยะเวลาในการอัดขึ้นรูป ได้ผลิตภัณฑ์ยางพาราปูพื้นที่มีคุณสมบัติที่สามารถรับแรงกระแทกสูงกว่าค่าแรงเฉลี่ยที่ทำให้มีอาการบาดเจ็บเมื่อเกิดการหกล้ม จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้สูงอายุ และเด็ก” ดร.พิเชฐ กล่าว
