‘ปึ้ง’เชื่อรัฐธรรมนูญถูกคว่ำแน่!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160126/221254.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันอังคารที่ 26 มกราคม 2559
'ปึ้ง'เชื่อรัฐธรรมนูญถูกคว่ำแน่!

‘เพื่อไทย’ ซัด ‘ร่างรัฐธรรมนูญ’ ฉบับโกงอำนาจประชาชน ‘สุรพงษ์’ ชี้ ‘มีชัย’ ตีโจทย์ผิด เชื่อประชามติไม่ผ่าน ‘วันชัย’ ระบุ บทเฉพาะกาลเป็นจุดสำคัญในช่วงเปลี่ยนผ่าน

                      26 ม.ค. 59  นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์ว่าถ้าไปแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวให้รองรับว่า หากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ผ่านประชามติ เราจะเดินไปต่อได้อย่างไร และจะทำให้ประชาชนไม่สนใจรับฟังเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังจะชี้แจงให้ประชาชนรับทราบในเร็วๆ นี้ ว่า ไม่รู้ว่าท่านคิดได้อย่างไร ถ้ารัฐธรรมนูญเขียนขึ้นมาดีจริง และเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง จะกลัวอะไร วิธีคิดเช่นนี้ของท่านในแง่หลักทางวิชาการไม่น่าจะถูกต้อง และเป็นการเห็นแก่ตัวเสียมากกว่า เพราะถ้าเป็นของดีจริง ไม่น่าจะเกรงกลัวว่าประชาชนจะไม่เอาด้วย นี่เท่ากับเป็นการพยายามที่จะปิดกั้นความคิดเห็นต่าง การรับรู้ ให้ได้เกิดการเปรียบเทียบเชิงวิชาการได้ และเหมือนกับเป็นการบีบบังคับให้ประชาชนต้องรับฟังในสิ่งที่พวกท่านอยากให้เขาได้ยินได้ฟังเท่านั้นเอง
                      นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า พวกท่านเคยคิดย้อนกลับไปหรือไม่ การที่พวกท่านตั้งโจทย์ว่ารัฐธรรมนูญที่ถูกฉีกทิ้งไปโดย คสช. เป็นตัวสร้างปัญหาให้บ้านเมือง หรือเป็นเพราะเกิดการปฏิวัติยึดอำนาจ จึงต้องมานั่งเขียนขึ้นมาใหม่ และพวกท่านเลยถือโอกาสลดทอนอำนาจฝ่ายบริหาร สิ่งที่พวกท่านคิดกันขึ้นมาเอง หรือจินตนาการขึ้นมาว่าเป็นปัญหาของบ้านเมืองเพราะนักการเมืองใช้อำนาจหน้าที่หาประโยชน์เข้าพวกพ้อง เพื่อโยนความผิดทั้งหมดให้นักการเมือง
                      “ท่านเองก็อาจจะตีโจทย์ผิดเองก็เป็นได้ ทุกวันนี้สังคมไทยถูกปิดหูปิดตามาโดยตลอด และก็ถูกกลุ่มคนเดิมๆ คิดว่าคนไทยเรายังไม่ฉลาดพอที่จะได้รับรู้อะไรที่เปิดกว้างได้ จึงต้องเอาอะไรมายัดเยียดให้และมาครอบงำเอาไว้ก่อน อยากขอร้องให้ท่านผู้เจริญทั้งหลายต้องคิดกันเสียใหม่ได้แล้ว บ้านเมืองจะได้ก้าวไปข้างหน้าได้ และต้องรู้จักหัดยอมรับความจริงกันบ้าง เพราะยิ่งท่านทำแบบนี้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็คงจะถูกประชาชนคว่ำทิ้งอย่างไม่เป็นท่าอย่างแน่นอน”
‘เพื่อไทย’ ซัด ‘ร่างรัฐธรรมนูญ’ ฉบับโกงอำนาจประชาชน
                      นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายมีชัย ให้สัมภาษณ์ว่า หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ จะนำรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 มาใช้บังคับ ว่า ควรแก้ปัญหาด้วยเหตุผล มิใช่ด้วยอารมณ์ หากทำเช่นนั้นก็สะท้อนให้เห็นเจตนารมณ์ของ คสช. ซึ่งนายมีชัย ก็เป็น 1 ใน คสช. ว่าต้องการสืบทอดอำนาจหรือไม่ เพราะการใช้กติกาดังกล่าวตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนที่กำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชนอยู่ขณะนี้ และจะยิ่งประสบกับปัญหาโลกล้อมประเทศกระชับมากยิ่งขึ้น
                      ทั้งนี้ หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ก็หมายความว่าประชาชนไม่ยอมรับร่างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งไม่ยอมรับรัฐบาลนี้ เพราะรัฐบาลเป็นผู้ตั้ง กรธ. จึงควรรีบคืนอำนาจให้ประชาชน และนำรัฐธรรมนูญที่เคยใช้มาระยะหนึ่งมาปรับใช้ เช่น ปี 40 หรือ 50 การที่ กรธ.ให้ความสำคัญกับการปราบโกง ปราบการทุจริตคอร์รัปชั่น ตนเห็นด้วย และไม่กลัวการตรวจสอบ แต่เราเกรงการโกงอำนาจประชาชนมากกว่า ด้วยการกำหนดกติกาที่อำนาจอธิปไตยไม่ได้เป็นของปวงชนอย่างแท้จริง ประการสำคัญการกำหนดกติกาด้วยระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม บัตรเลือกตั้ง 1 บัตร 1 คน 1 เสียง แต่สามารถเลือก ส.ส.ได้ทั้ง 2 ระบบ คือ ทั้งระบบเขต และระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งไม่มีประเทศใดในโลกนี้ใช้ระบบเลือกตั้งแบบนี้ นอกจากไทยแลนด์โอนลี ซึ่งตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากเพื่อให้คะแนนเสียงกระจัดกระจาย ไปสู่พรรคเล็ก พรรคน้อย
                      นายชวลิต กล่าวอีกว่า นอกจากนี้การที่ กรธ.กำหนดให้พรรคการเมืองเสนอบุคคลที่จะป็นนายกรัฐมนตรีมา 3 ชื่อ ก็เพื่อประโยชน์ในการเลือกนายกรัฐมนตรีจากคนนอกนั่นเอง อันจะทำให้ประเทศของเราไม่เป็นประชาธิปไตย รัฐบาลภายหลังการเลือกตั้งไม่มีเสถียรภาพแล้ว เราจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชนได้อย่างไร โจทย์ที่สำคัญของประเทศในขณะนี้คือปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชน ซึ่งตรงกับโพลล์ทุกสำนักที่ได้สำรวจความเห็นประชาชนไว้ ทางแก้มีอยู่ประการเดียว คือ การทำกติกาให้เป็นประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนอย่างแท้จริง และที่สำคัญจะต้องกำหนดกติกาให้การเมืองมีเสถียรภาพและต่อเนื่อง จึงจะได้รับความเชื่อมั่นจากทั้งในประเทศ ประชาคมภูมิภาค ประชาคมโลก
                      ส่วนการจะตรวจสอบการเมืองอย่างไรนั้น ให้กระทำได้เต็มที่ เพียงแต่ถ่วงดุลให้เหมาะสม และองค์กรที่จะตรวจสอบให้ยึดโยงกับอำนาจอธิปไตยไม่ใช่เป็นอำนาจที่ 4 หรือเป็นซูเปอร์องค์กรดังที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ตนยังหวังที่จะเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ ขณะนี้ประเทศไทยเติบโตต่ำสุดใน 10 ประเทศอาเซียน อย่าให้ตกต่ำไปกว่านี้อีกเลย
‘วันชัย’ ชี้ บทเฉพาะกาลเป็นจุดสำคัญในช่วงเปลี่ยนผ่าน
                      นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงการร่างรัฐธรรมนูญในส่วนบทเฉพาะกาลของ กรธ.ว่า บทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญในช่วงระยะเปลี่ยนผ่านจาก คสช.ไปสู่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งถือได้ว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของประเทศ หากวางกลไกไว้ดี มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน บ้านเมืองก็เดินต่อไปได้ แต่ถ้าเขียนไม่ดีก็อาจจะกลับไปสู่วังวนเดิม ที่ผ่านมามีข้อสรุปแน่ชัดว่า เขียนให้เป็นรูปแบบเผด็จการก็ไม่ได้เพราะสังคมโลกไม่ยอมรับ หากจะเขียนเป็นประชาธิปไตยจ๋าแบบสากล ปัญหาเดิมก็จะวนกลับมา จึงต้องหาความพอดี ดังนั้น หัวใจสำคัญในเรื่องนี้ก็คือทำให้เหตุการณ์ที่เกิดก่อน 22 พ.ค. 57 ไม่กลับมาอีก
                      “สิ่งที่ต้องทำในระยะเปลี่ยนผ่านก็คือความมั่นคงใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านความสงบเรียบร้อย ด้านความสามัคคีปรองดองสมานฉันท์ และด้านประชาธิปไตย ทั้งนี้ในรัฐธรรมนูญหลักจะกำหนดไว้อย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ในการใช้จริงปฏิบัติจริงระหว่างถ่ายโอนอำนาจไม่ควรจะเอาบทมาตราในรัฐธรรมนูญมาใช้ทั้งหมด ไม่เช่นนั้นจะเกิดการสั่นคลอนของช่วงเผลี่ยนผ่าน ซึ่งจะทำให้สะดุดหยุดแผนตามที่วางไว้ทั้งหมดได้ กรธ.จึงต้องออกแบบให้เกิดความพอดีใน 3 ด้านกับสถานการณ์ที่จะมีการเลือกตั้งให้ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่สำคัญมากกว่าเนื้อหาของรัฐธรรมนูญเสียอีก”
                      นายวันชัย กล่าวอีกว่า ถ้าให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งเขตและบัญชีรายชื่อ 500 คน และ ส.ว.จากกลุ่มอาชีพเลือกไขว้กลุ่มกันตามที่ กรธ.ระบุนั้น คาดการณ์ได้เลยว่า ยังไม่อาจก่อให้เกิดความมั่นคงของประเทศใน 3 ด้านตามที่กล่าวมา เพราะการขับเคลื่อนเรื่องที่สำคัญๆ ยังไม่เสร็จดี แล้วก็มีกลุ่มคนใหม่เข้ามามีอำนาจ หากเป็นฝ่ายตรงข้ามกับ คสช.เข้ามา ก็จะยิ่งไปกันใหญ่ ดังนั้น เป็นไปได้หรือไม่ในระยะเปลี่ยนผ่าน ให้ ส.ส.มาจากการเลือกตั้ง 350 คน เอาจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง ส่วน ส.ว.มาจากการสรรหาไม่น้อยกว่า 200 คน ทั้งการเลือกตั้งและการได้มาซึ่ง ส.ส. และ ส.ว.ให้เป็นไปตามที่กฎหมายลูกกำหนด และให้มีหน้าที่ร่วมกันขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ รวมถึงมีอำนาจหน้าที่เลือกนายกรัฐมนตรีในการบริหารประเทศ อีกทั้งตรวจสอบและประคับประคองการใช้อำนาจรัฐ และเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางตามแนวทางประชาธิปไตยที่แท้จริง และมั่นใจแล้วว่าประเทศมั่นคง ก็ให้เข้าสู่โหมดของประชาธิปไตยตามเนื้อหาของรัฐธรรมนูญต่อไปได้
                      “ส่วนตัวเชื่อว่าจะเป็นการถ่ายโอนอำนาจในระยะเปลี่ยนผ่านที่มีทั้งการเลือกตั้งและมีความมั่นคงผสมผสานกันและบ้านเมืองก็จะเดินไปด้วยความสงบเรียบร้อยอย่างเหมาะสม ผมหวังว่า กรธ.คงจะทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นในบทเฉพาะกาลแห่งรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน”

Leave a comment