ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160120/220851.html
ยังไงก็ยังได้เปรียบ : ขยายปมร้อน โดยอรรถยุทธ บุตรศรีภูมิ
การประชุมกรรมการร่างรัฐธรรมนูญนอกสถานที่ เพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกที่จะเผยแพร่เพื่อฟังความเห็นต่อประชาชนได้เสร็จสิ้นลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยร่างแรกจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมเผยแพร่ในวันที่ 29 มกราคม ที่จะถึงนี้
แต่เอาเข้าจริงแล้วสถานการณ์ของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้อยู่ในสถานะที่ค่อนข้างแย่ทีเดียว เพราะจับอารมณ์โดยทั่วไปแล้ว มีคนเพียงไม่กี่กลุ่มเท่านั้นที่ดูจะพอใจกับเนื้อหาที่ถูกเขียนออกมา ไม่นับถึงรัฐบาลที่ยังสงวนท่าทีอยู่
แน่นอนว่ากลุ่มหลักๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ คือกลุ่มพรรคการเมืองและนักการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มของพรรคเพื่อไทยที่มองเชิงปฏิเสธทั้งเนื้อหาและกระบวนการ ขณะที่นักการเมืองจากพรรคประชาธิปัตย์เองแม้จะยังไม่ชัดเจน แต่ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เนื้อหาอยู่เนืองๆ
จุดหลักที่ทำให้นักการเมืองไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ คือ การกำหนดระบบเลือกตั้งที่ทำให้ไม่เกิดรัฐบาลพรรคเดียว ซึ่งหากไม่เกิดปาฏิหาริย์ปรากฏการณ์ “แลนด์สไลด์” โอกาสที่จะมีรัฐบาลพรรคเดียวแทบเป็นไปไม่ได้ ซึ่งจะทำให้เกิดรัฐบาลผสมโดยอัตโนมัติ
นอกจากนี้ การไม่กำหนดให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากผู้ที่เป็น ส.ส.ยิ่งทำให้เกิดข้อครหา หวาดระแวงเรื่องนายกฯ คนนอก แม้กรรมการร่างรัฐธรรมนูญจะบอกว่า แม้ไม่กำหนดให้เป็น ส.ส. แต่คนที่จะได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกฯต้องประกาศในบัญชีรายชื่อผู้ที่พรรคจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ โดยต้องประกาศเมื่อสมัครรับเลือกตั้ง แต่ก็ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดถึงต้องให้มีบัญชีรายชื่อถึงสามคนเพราะเป็นธรรมชาติอยู่แล้วที่พรรคการเมืองที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งจะประกาศชื่อคนที่จะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ แต่นี่กำหนดถึงสามทุกคนจึงยังสงสัยในเจตนาที่แท้จริง
ยิ่งไปกว่านั้นยังเกิดคำถามว่าทำไมต้องใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวที่จะเลือกทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ เพราะการใช้บัตรเลือกตั้งสองใบก็ตอบคำถามถึงเจตนารมณ์ของผู้ลงคะแนนเสียงได้อย่างชัดเจน และก็ไม่ได้สร้างความลำบากแต่อย่างใด เพราะประชาชนก็เข้าใจกับระบบเลือกตั้งด้วยบัตรสองใบมาเป็นเวลานานแล้ว การใช้บัตรใบเดียวจะกลายเป็นการทำให้ถอยหลังเพราะเราได้ละเลยเจตนารมรณ์อย่างละเอียด กลับไปใช้วิธีที่จับแค่เจตนารมณ์ที่หยาบกว่าเพียงเพื่อความต้องการบางอย่างที่ดูน่าเคลือบแคลง
ขณะที่ระบบอื่นในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ทำให้รัฐบาลใหม่ที่จะมาจากการเลือกตั้งทำงานได้ยากขึ้น โดยมีการตรวจสอบและการกำหนดห้ามอย่างละเอียดยิบ หรือการกำหนดอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญตีความปัญหาต่างๆ ที่ไม่มีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ทำให้ในอนาคตองค์กรแห่งนี้จะกลายเป็นองค์กรชี้ขาดปัญหาทางการเมือง แต่สภาพที่ปรากฏคือการเข้าสู่ตำแหน่งขององค์กรอิสระต่างๆ ยังคงถูกโจมตีถึงที่มาว่าไม่เป็นกลางเนื่องจากเป็นตัวแทนอำนาจของคนบางกลุ่ม
มิพักต้องกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทำได้ยาก หรือนิรโทษกรรมที่ยังจับตาอยู่ว่าจะมีอยู่ในร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่
เหล่านี้จึงทำให้กลุ่มการเมืองต่างๆ ตั้งป้อมว่าจะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้หากพรรคการเมืองจับมือกันจริงๆ ก็บอกได้เลยว่ายากที่รัฐธรรมนูญจะผ่านประชามติไปได้
ประกอบกับเนื้อหาที่ปรากฏออกมาถึงขณะนี้ทำให้หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการร่างเพื่อไม่ให้ผ่านใช่หรือไม่
เพราะต้องไม่ลืมว่าแม้รัฐธรรมนูญจะไม่ผ่านก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย หรือทำให้สถานการณ์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่กุมอำนาจอยู่ในขณะนี้ย่ำแย่ลงหรืออยู่ในสถานะเสียเปรียบ เอาเข้าจริงแล้วอยู่ในสถานะได้เปรียบเสียด้วยซ้ำ
ลองมาดูสถานการณ์กัน หากรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ พวกเขาก็สามารถสืบทอดเจตนารมณ์และอำนาจผ่านระบบที่เขียนไว้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้
แต่หากไม่ผ่านยังมีทางเลือกได้สองทาง ทางแรกให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ไปเรื่อยๆ วนไปจนกว่ารัฐธรรมนูญจะผ่านประชามติ ซึ่งหมายความว่า คสช.จะอยู่ต่อไปในอำนาจเรื่อยๆ
ทางที่สอง คือเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ด้วยตัวเองและประกาศใช้โดยที่ไม่ต้องผ่านประชามติ ซึ่งทางนี้เท่ากับว่าจะสามารถเขียนทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามที่ต้องการ อยากให้กฎหมายเป็นอย่างไรก็สามารถเขียนได้โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากใครทั้งสิ้น
นี่จึงเป็นเหตุให้ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ยังกุมสถานการณ์ได้อยู่หมัด โดยอาศัยความเป็นรัฏฐาธิปัตย์
