‘วิษณุ’เผย‘บิ๊กตู่’ไม่ห่วงมติ‘มส.’เสนอชื่อสังฆราชองค์ใหม่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160117/220688.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม 2559
‘วิษณุ’เผย‘บิ๊กตู่’ไม่ห่วงมติ‘มส.’เสนอชื่อสังฆราชองค์ใหม่

“วิษณุ” เผย “บิ๊กตู่” ไม่ห่วง มติ “มส.” เสนอชื่อ “พระสังฆราช” องค์ใหม่ แต่ “นายกฯ” ต้องรู้ ข้อมูลถ้ามีการกล่าวหา ชี้เมื่อเรื่องถึงตนจำเป็นต้องถกทุกฝ่ายที่เกี่ยว

          วันที่ 17 มกราคม 2559 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมติของสมาเถรสมาคม (มส.) ที่เสนอชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (สมเด็จช่วง) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ เพื่อทูลเกล้าฯ โปรดสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่ว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่มาถึงตน เพราะหลังจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้รับมติจาก มส.  นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีเจ้าสังกัดของพศ. ส่วนการพิจารณาประเด็นทักท้วงมติดังกล่าวนั้น  ตนในฐานะกำกับดูแล นายสุวพันธุ์ อาจปรึกษาเรื่องนี้กับตนได้ แต่ยังไม่ได้มาปรึกษา เพียงแต่โทรศัพท์มาบอกว่าได้รับมติ มส.แล้ว ขอเวลาศึกษาข้อเท็จจริง ขนบธรรมเนียมประเพณีก่อน อย่างไรก็ตาม ตนไม่เห็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงเรื่องนี้ และนายกฯเองก็ไม่ได้ว่าอะไร
          นายวิษณุ กล่าวอีกว่า เมื่อเรื่องส่งมาถึงตน คงจำเป็นต้องเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือกันคนละทีก่อน ถ้าข้อมูลที่ได้ไม่เหมือนกันก็คงต้องเรียกมาคุยพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่เห็นความจำเป็นที่ตนจะต้องหารือกับ มส. เพราะเมื่อ มส.ส่งมติถึง พศ.แล้วถือว่าจบภารกิจส่วนนั้น ถ้ามีอะไรตนต้องคุยกับ พศ. แล้วให้ไปคุยต่อ แต่วันหนึ่งอาจจำเป็นต้องหารือ มส.ขึ้นมาก็ได้ เนื่องจากตนกับพระก็ไม่ใช่คนแปลกหน้ากัน จึงไม่แปลกที่จะคุยกันเป็นการส่วนตัว แต่คงไม่ใช่การเชิญ มส.มาสอบแน่นอน ทั้งนี้ ตนบอกไปแล้ว ก่อนเรื่องมาถึงตน อาจจะพูดอะไรได้เยอะแยะ ตามประสาคนที่ไม่ต้องรับผิดชอบ พอเรื่องมาถึงตน ตนต้องรับผิดชอบ ต้องระมัดระวัง เพราะพูดอะไรไป มันจะมีการแปลขึ้นมาทันที
          “ เหมือนหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งลง ฝ่ายนี้ว่าอย่างนั้น ฝ่ายโน้นว่าอย่างนี้ ถือชายจีวรคนละฝ่าย ส่วนนายวิษณุ แทงกั๊ก คือถ้าความเป็นกลางแปลว่าแทงกั๊ก ผมก็ยอมแทงกั๊ก แทงกั๊กไม่ได้ผิดอะไร แต่คุณไปตั้งหลักว่ามีสองฝ่าย แล้วพยามผลักคนให้ไปอยู่ฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ สังคมไทยที่มันทะเลาะกันไม่ปรองดอง ก็เพราะเราไปนึกว่ามีสองฝ่าย ทำไมถึงไม่นึกว่ามีฝ่ายที่สามที่สี่บ้าง ทำไมถึงคิดว่ามีเหลืองกับแดง ทำไมถึงมีแต่ฝ่ายชอบทักษิณสุดลิ่มทิ่มประตู กับฝ่ายเกลียดทักษิณโดยไม่ลืมหูลืตา ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ทำไมจึงไม่มีฝ่ายอื่น พระพยอมท่านพูดดี รักใครก็อย่ารักจนหมดใจ เกลียดใครอย่าเกลียดจนหมดใจ เผื่อไว้ซักนิดนึง เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ถ้าบอกว่ามีสองฝ่ายเท่านั้น ใครไม่อยู่ฝ่ายนี้ก็ถือว่าอยู่ฝ่ายนี้ เหมือนที่อดีตประธานาธิบดีบุช ของสหรัฐฯ รบกับอัฟกานิสสถาน ใครไม่อยู่ฝ่ายเรา ก็อยู่ฝ่ายอัฟกันฯ ทำไมมันอย่างนั้นล่ะ ทำไมถึงไม่มีฝ่ายที่มันไม่ดีทั้งคู่ ผิดทั้งคู่ หรือถูกทั้งคู่บ้างเหรอ” นายวิษณุ กล่าว
          ผู้สื่อข่าวถามว่า รองนายกฯ เองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์นั้นหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ว่ารัฐบาลไหน สมัยไหน เอาตนมาเป็นรองนายกฯ เพื่อให้อยู่ในสถานการณ์อย่างนี้
          เมื่อถามว่า ข้อมูลที่ต้องหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีอะไรบ้างที่นายกฯ จำเป็นต้องรู้ นายวิษณุ กล่าวว่า ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเมื่อมีการกล่าวหาเกิดขึ้นมา ก็ต้องมาพูดกันในสิ่งเหล่านี้ว่า เรื่องราวเป็นอย่างไร บางเรื่องตนเคยรู้ บางเรื่องที่พูดๆ กันตนก็ไม่รู้ หนังสือคัดค้านสมเด็จช่วง เป็นพระสังฆราช ของพระพุทธอิสระที่ยื่นถึงนายกฯ จนวันนี้ก็ยังไม่เห็น
          เมื่อถามว่า รองนายกฯ พูดถึงแต่เรื่องกฎหมาย ทำไมไม่พูดถึงเรื่องความเหมาะสมบ้าง นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่มีหน้าที่ ที่แทงกั๊กก็เพราะอย่างนั้น จะไปพูดอย่างอื่นไม่ได้ ในเมื่ออยู่ตรงนี้ก็มีความรับผิดชอบ ถ้าไม่ยึดกฎหมายไว้ตนตายเลย จึงจำเป็น คนอื่นจะยึดอย่างอื่นก็ว่าไป มันก็ต้องมีคนอย่างตนนี้ ที่เขาเรียกเนติบริกร
          นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่เคยพูดว่าถ้ายังขัดแย้งกันอยู่จะไม่นำเรื่องนี้ขึ้นทูลเกล้าฯ แต่ตนบอกว่าถ้ามีความขัดแย้งกันคนนั้นว่าอย่างนี้ คนนี้ว่าอย่างนั้นไม่เป็นไร ต่อต้านคัดค้านก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าขัดแย้งแล้วนำไปสู่ความความรุนแรง หรือมีการฟ้องร้องอย่างนี้มันไม่ได้แล้ว อย่าว่าแต่ตำแหน่งสำคัญอย่างนี้เลย ตำแหน่งอื่นก็เถอะ ก็ต้องคิดแล้วว่าเราจะนำเรื่องทูลเกล้าถวายได้อย่างไร เมื่อถามอีกว่า มีปัจจัยอื่นอีกหรือไม่ ที่จะไม่นำเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯ นายวิษณุ กล่าวว่า มี แต่ไม่บอก
“วิษณุ” ปัด รู้รายละเอียด “บิ๊กตู่” จ่อ ออกคำสั่งให้ “7สสส.” ทำงานต่อได้
          นายวิษณุ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์  จะลงนามในคำสั่งในวันที่ 18 มกราคม นี้ ให้กรรมการสำนักงานกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) 7คน ปฏิบัติหน้าที่ต่อได้ หลังถูกมีคำสั่งปลดตามมาตรา44 ไปก่อนหน้านี้ว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ส่วนถ้ามีการคืนตำแหน่งจริงจะกลายเป็นสองมาตรฐานหรือไม่ เพราะข้าราชการบัญชี 1-2 ที่ถูกพักงานเพราะส่อทุจริตยังคงถูกตรวจสอบอยู่นั้น มันไม่ใช่ เพราะในคำสั่งข้าราชการบัญชีที่3 มันชัดว่า แบ่งคนเป็นกลุ่มๆ แต่ละกลุ่มเหมือนกับบัญชีที่1-2 แต่กลุ่ม สสส. เป็นกลุ่มเดียวที่ไม่เหมือนกลุ่มอื่นๆ เพราะไม่ถูกระบุว่าทุจริต จะเห็นจากกลุ่มอื่นๆ ที่มีคำสั่งระบุชัดว่าให้มีการตั้งกรรมการสอบ แต่กลุ่ม สสส.ไม่มีการตั้งกรรมการสอบขึ้นมาแต่อย่างใด ที่เป็นเช่นนั้นเพราะได้พูดกันชัดเจนว่าไม่ได้ทุจริต แต่เป็นเรื่องของการถูกกล่าวหาว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนเท่านั้น เมื่อมีผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างตำแหน่ง ก.กับตำแหน่งข. ในการทำหน้าที่ เมื่อเอาออกจากตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง ก็ไม่มีการทับซ้อนต่อไปอีก ไม่ใช่เป็นการสองมาตรฐานเพราะกรณีเช่นนี้ไม่เคยมีในบัญชี 1 หรือบัญชี 2 และจะเห็นว่าคำสั่งในทุกฉบับทุกกลุ่มมีการตั้งกรรมการสอบทั้งนั้นและในบัญชี 3 ก็มีการแบ่งรายชื่อเป็นกลุ่มๆ และบอกชัดว่ากลุ่มใดถูกตั้งกรรมการสอบบ้าง ส่วนกลุ่ม สสส.ไม่มีการตั้งกรรมการสอบ เพราะถือว่าเมื่อเอาพ้นจากตำแหน่งแล้วก็ถือว่าหมดจากผู้มีผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะฉะนั้น จะกลับไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิมหรือไม่ ตนไม่ทราบ ไม่รู้ แต่ถ้ามาถามว่า ลำเอียงเลือกปฏิบัติสองมาตรฐานหรือไม่ ตอบว่าไม่เคยมีมาตรฐานนี้มาก่อน
          ผู้สื่อข่าวถามว่า จะอธิบายข้าราชการบัญชี 1 และบัญชี 2 อย่างไรเนื่องจากเป็นการใช้มาตรา 44 เช่นเดียวกัน นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นคำสั่งตามมาตรา 44 เหมือนกันแต่เป็นคนละเรื่อง อีกทั้งที่ผ่านมามาตรา 44 ก็ใช้กับเกือบทุกเรื่อง อาทิ แก้ไขพระราชบัญญัติ ย้ายเลขาสภาฯ และกฎหมายอีกหลายฉบับ ดังนั้น จะไปเอาเรื่องเหล่านั้นมาปะปนกันไม่ได้ อย่างไรก็ตาม หากจะยกเลิก ม.44 ที่สั่งปลดบอร์ด สสส. ก็ต้องใช้ ม.44 เพื่อสั่งยกเลิก แต่ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว จริงไม่จริงก็ไม่รู้ และไม่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการใดๆ
          เมื่อถามถึง รายชื่อข้าราชการบัญชีที่ 4 จะดำเนินการพิจารณาเมื่อใด นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่มีการส่งรายชื่อดังกล่าวมาถึงตนแต่อย่างใด มีเพียงการเกริ่นๆให้ตนทราบเท่านั้นแต่ยังไม่ส่งมาถึงตน

Leave a comment