‘บิ๊กตู่’ยันไม่ได้สั่งทหารเรียก‘จตุพร’คุย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160202/221702.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ 2559
‘บิ๊กตู่’ยันไม่ได้สั่งทหารเรียก‘จตุพร’คุย

‘บิ๊กตู่’ยันไม่ได้สั่งทหารเรียก‘จตุพร’คุย แนะให้ระวังถูกถอนประกันหากพูดมาก ฉุนขาดถูกสื่อทำเนียบฯถามประเด็นร่างรธน.

             2ก.พ.2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)  กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ถูกทหารเชิญไปพูดคุยที่กองทัพภาคที่1ว่า เรื่องนี้ใครเรียก ฝ่ายความมั่นคงเรียกใช่ไหม แล้วนายจตุพร ทำผิดหรือเปล่า

ผู้สื่อข่าวถามว่านายจตุพรให้เหตุผลว่าใช้สิทธิในการแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์รัฐธรรมนูญในฐานะนักการเมือง นายกฯ กล่าวว่า “ใช้ความคิดเห็นดูถูก เหยียบย่ำผมเนี่ยนะ ด่ารัฐบาลทุกวันผิดหรือเปล่า ไม่ใช่เรื่องของผม ผมไม่ต้องสั่ง คสช.ฝ่ายกฎหมายเขาดูอยู่ ผิดก็ดำเนินการตามกฎหมาย เพราะกฎหมายได้ประกาศไว้ก่อนแล้ว ถ้าเขาด่าสื่อแบบนี้โกรธไหม แล้วผมไม่มีสิทธิปกป้องตัวผมเองหรือไง คุณก็เข้าข้างไอ้คนอย่างนี้อยู่ได้ ดูถูกดูแคลนคนทุกคน ตัวเองทำความผิดคดีความอยู่ ถ้าทำมากๆเดี๋ยวเขาก็หมั่นไส้เอาอีก ถอนประกันอีกก็วุ่นอีก แล้วคุณจะไปเป็นเครื่องมือให้เขาหรืออย่างไร

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการวิจารณ์เป็นร่างที่โหดส่งผลให้พล.อ.ประยุทธ์ฉุนตีโพเดียมจนแว่นตาที่ไว้วางกระเด็นตกพื้น
เผยครม.ถกร่างรธน.มอบ’วิษณุ’รวบรวมข้อเสนอครม.

ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีโดยมีท่าทีอ่อนลงและกล่าวหยอกล้อว่า “สวัสดีครับ ตอนนี้มาแสดงบทบาทเป็นนายกรัฐมนตรีที่ต้องพูดจาสุภาพเรียบร้อย เมื่อเช้านี้ฤกษ์ผานาทีมันเพี้ยนไปหน่อย มันเปลี่ยนและผมรู้ว่าเรื่องที่ทุกคนต้องการทราบมีอยู่เรื่องเดียวคือผลการพิจารณาของครม.ว่าอย่างไร เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ เรื่องอื่นช่างมัน ไม่ต้องมีน้ำ มีท่า ไม่มีการเกษตรไม่มีเรื่องเศรษฐกิจ เอาแต่เลือกตั้งอย่างเดียว ผมจะให้แต่เรื่องที่สื่ออยากรู้ในประเด็นหลัก

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ แถลงว่า ในที่ประชุม ครม.ได้มีการหารือเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ โดยมอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มาสรุปให้ฟังในหลายๆ ประเด็น โดยเรียงแต่ละหมวดมาตรามาให้ที่ประชุมรับทราบ ซึ่งก็มีการซักถามบ้าง แต่เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง อีกทั้งตนก็ได้ให้แนวคิดไปบ้างก็จะมีการกลับไปพิจารณาทบทวนภายใน 1 สัปดาห์ ก่อนจะส่งกลับไปยัง กรธ. แต่ก็ถือเป็นเพียงความคิดเห็นหนึ่งเท่านั้นจากรัฐบาล ของครม. ก็เหมือนกับหน่วยงานอื่นๆ ที่ส่งความคิดเห็นกลับไปและเป็นเรื่องของ กรธ.ที่จะปรับแก้ไขต่อไป ถือว่าขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนการเสนอร่างครั้งที่ 1 เสนอความคิดเห็นจากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการปรับแก้ และเสนอร่างในครั้งที่ 2 ซึ่งมีวาระอยู่แล้วภายในกำหนดวันที่ 29 มี.ค. ต้องแล้วเสร็จ ผมได้ให้แนวความคิดไป ซึ่งไม่ใช่ในนาม ครม.หรือหัวหน้า คสช. แต่เป็นแนวคิดส่วนตัว แต่คนอื่นๆ ก็สามารถส่งความคิดเห็นให้นายวิษณุรวบรวมอีกครั้ง ก่อนที่จะเสนอไปยัง กรธ.ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธาน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ในส่วนของผมในฐานะที่ต้องรับผิดชอบในภาพรวมได้สั่งการว่าเรื่องทั้งหมดจะต้องเป็นไปตามโรดแมปที่วางไว้ โรดแมปว่าอย่างไรก็จะว่าไปตามนั้น คือมีการเลือกตั้งในปี 2560 และกระบวนการเลือกตั้งผมก็ไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากเดิมคือเดือนก.ค. 2560 อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในกระบวนการเลือกตั้งให้ได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาถามผมอีกว่าจะอย่างไร ผมยังยืนยันก.ค. 60 เริ่มกระบวนการเลือกตั้ง หรือจะเลือกตั้งได้เร็วก็เร็ว เพราะหลังรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วจะมีกระบวนการอีกเยอะแยะ 3-4 อย่างก็ไปทำให้เร็วขึ้น เดือน ก.ค. ต้องเริ่มเลือกตั้งให้ได้ และกว่าจะได้รัฐบาลมาก็อีก 1-2 เดือนมิใช่หรือ ต้องมีการประชุมสภา ซึ่งก็ต้องดูในรายละเอียดกันอีก คงไม่ใช่เรื่องกฎหมายลูกอย่างเดียว ผมไม่เคยพูดเป็นอย่างอื่นเลย ยังยืนยันว่าเป็น ก.ค. 60 เกมือนเดิม ส่วนจะเน้นว่าจะต้องได้รัฐบาลใหม่ในเดือน ก.ค. 60 นั้นเป็นไปไม่ได้ แต่เป็นการเริ่มของกระบวนการ ก็ต้องใบ้เวลาอีกระยะหนึ่ง ซึ่งถ้าสมมติเริ่มได้ในเดือน ก.ค. จะจบเมื่อไหร่ผมไม่รู้ แต่ถ้าทำได้เร็วก็เอาสิ ยืนยันว่าผมไม่ได้ไปยืดเยื้ออะไรทั้งสิ้น ก็เป็นความหวังดีหรือเป็นสิ่งที่ กรธ.พยายามทำอยู่ให้เกิดเป็นรูปธรรมและความยั่งยืน บางคนก็บอกว่ากฎหมายลูกมาทำทีหลังได้ แต่คงไม่ใช่เพราะถ้าทำทีหลังก็ไม่เคยได้ทำสักที หลายคนก็ห่วงแต่ก็ไม่ได้ปรึกษาผมก่อน แต่ผมก็บอกว่าถ้าทำได้ก็ทำให้เรียบร้อย”

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากการเลือกตั้งแล้ว ตนยังให้ความคิดเห็นไปว่ารัฐธรรมนูญต้องเป็นสากลในทุกๆ มาตรา สามารถให้คนดูได้ ไม่ว่าจะที่มาหรือที่ไป และไม่ต้องการให้รัฐธรรมนูญมีการแก้ไขบ่อยนัก เพราะฉะนั้นหากมีการเขียนอะไรที่แตกต่างก็ควรจะไปบัญญัติที่จุดอื่น เพื่อไม่ต้องแก้ไขบ่อยนัก ทั้งในบทเฉพาะกาลหรือกฎหมายลูกให้มีความชัดเจน ควรมีการกำหนดระยะเปลี่ยนผ่านไว้หรือไม่ ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องการแทรกอำนาจหรืออะไรที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน นอกจากนี้ทำอย่างไรจึงจะเกิดการปฏิรูป โดยมีกฎหมายกระบวนการและมาตรการที่ต้องเขียนว่าต้องมีการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี อย่างไรเพื่อให้เกิดความสอดคล้องทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ไม่เช่นนั้นก็เดินหน้าไม่ได้ติดไปหมดและต้องมีการปรับกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมให้เกิดความสากลและทันสมัยให้น่าเชื่อถือ ซึ่งตนอยากให้เกิดขึ้นโดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วยบทเฉพาะกาลอะไรก็แล้วแต่ให้ทำให้ได้ เพื่อให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ และต้องมีมาตรการ กฎหมายวิธีปฏิบัติที่ชัดเจน หากขัดแย้งกันจะทำอย่างไร หากมีการประท้วงถูกต้องตามกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญใครจะเป็นคนชี้ว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิดและถ้าผิดจะทำอย่างไร ถ้ามีการประท้วง 5 เดือน 6 เดือน 8 เดือนจะแก้ด้วยอะไร ถ้ารัฐบาลและฝ่ายค้านไม่ปฏิบัติตามกติกา จะทำอย่างไร นอกจากนี้ได้มีการเสนอเรื่องการบูรณาการทำงานของรัฐบาล องค์กรมหาชนต่างๆ จะต้องจัดระบบการทำงานใหม่ เป็นระบบประชารัฐ คือความร่วมมือระหว่างประชาชนกับรัฐ ไม่ใช่เอาประชาชนมาเป็นของรัฐ จะต้องเป็นรัฐบาลของประชาชนแบะเดินยุทธศาสตร์ของประเทศไปพร้อมๆ กันได้ นักการเมืองที่จะเข้ามาต้องทำ 2 อย่างคือ ทำยุทธศาสร์ประเทศและเดินยุทธศาสตร์พรรคควบคู่กันไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ต้องมีการกำหนดบทบาทของรัฐ ข้าราชการ ประชาชนให้ชัดเจนขึ้นในเรื่องสิทธิ หน้าที่ เสรีภาพ สิทธิมนุษยชนว่าสิ่งไหนควรจะร่วมมือกันในการพัฒนาประเทศได้บ้าง อะไรเป็นหน้าที่ไม่งั้นจะเดินหน้าไม่ได้สักอย่างอีกทั้งต้องบรรจุในการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแบะหลักการทำงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นหลักการในงานทุกด้านเพื่อเดินหน้าประเทศ เพื่อเป็นภูมิคุ้มกัน รวมทั้งการปฏิรูปควรจะกำหนดเวลาให้ชัดเจนเพื่อให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ เกิดผลงานไม่เช่นนั้น 2 ปีที่ผ่านก็เหนื่อยเปล่า ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเสียงบประมาณจำนวนมาก ยังไม่สามารถทำอะไรได้เพราะยังไม่มีกฎหมายที่ผ่านมาทุกเรื่องต้องใช้กฎหมาย ไม่ใช่สั่งอย่างเดียว ขนาดมีกฎหมายยังทำไม่ได้ในหลายเรื่อง เป็นปัญหาของประเทศที่ติดหล่มของตัวเองอยู่ในขณะนี้จึงต้องมีการหารือร่วมกัน

นายกรัฐมตรี กล่าวว่า จะต้องมีการทบทวนการกระจายอำนาจ ซึ่งต้องดูว่าที่ผ่านมาใน 200-300 กิจกรรมที่มอบให้ท้องถิ่นไปดูแลดีหรือยัง อันไหนดีก็ให้ทำต่อ แต่สิ่งไหนที่ไม่น่าจะทำต่อได้ก็ต้องหารือว่าควรจะให้ใครรับผิดชอบ ทั้งหมดนี้คือหลักการที่ตนได้เสนอแนะไป ตนผิดหรือไม่ที่เสนอแนะไปแบบนี้ ไม่เช่นนั้นก็จะกลับไปเป็นยิ่งกว่าเดิม จำคำพูดของตนไว้ และถ้ากลับไปเป็นเหมือนเดิม ทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบ เพราะสื่อไม่ได้ช่วยตนเลย “หรือช่วยไม่ได้เพราะเป็นรัฐบาลที่มาแบบนี้ ไม่ช่วยอย่านึกถึงแต่ผม อย่าเกลียดผม จะไปเกลียดลูกหลานของพวกท่านได้หรือไม่ ผมยังไม่เกลียดใครสักคนเลย”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่มากลัวว่าจะมีการเขียนรัฐธรรมนูญ ซ่อนอำนาจ ซึ่งตนได้ให้อำนาจประชาชนไว้ในรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ซ่อน ให้กันเห็นๆ นี่แหล่ะ ลองไปดูสิว่าเพื่อใคร เรื่องนายกฯคนนอกกลัวกันอยู่นั่นแหล่ะ ไม่ต้องกลัวจะกลัวทำไม ฝ่ายการเมืองก็เลือกกันมาสิ ถึงจะเลือกตน ก็ไม่ให้เลือกอยู่แล้ว เลิกกลัวกันเสียที พอแล้วทำจนเหนื่อยแล้ว ทำกันเองบ้าง เรื่องการทำประชามติอยากให้ออกมาใช้สิทธิ กันเยอะๆ เห็นชื่นชมประเทศเพื่อบ้านเขามากันเยอะดีใจ แต่ประเทศไทยยังเลือกตั้งไม่ได้เลย ตรงนี้คุณให้ร้ายประเทศตัวเองได้อย่างไร เขาเลือกตั้งเพราะอะไร ทำไมต้องเลือกตั้ง ประเทศเขาเป็นเหมือนเราไหม เขายังมีปัญหา เราต้องช่วยเขา จะซ้ำเติมเขาไม่ได้ การค้าการลงทุนเราต้องทำร่วมกัน เราทิ้งใครไม่ได้เลยในอาเซียน ฉะนั้นเรื่องประชาธิปไตยก็เป็นเรื่องที่เขาต้องแก้ ไม่ใช่เราไปยุ่งกับเขาทั้งหมด ด่าเขาด่าเราทั่วไปหมด แล้วมันจะคบกันได้ไหมอาเซียน

“ประชามติออกมาให้ครบ จะได้รู้ว่ามันมีคนสักกี่คนที่สนใจประชาธิปไตยพื้นฐาน เพราะประชาธิปไตยพื้นฐานไม่ใช่การเลือกตั้ง แต่พื้นฐานคือ 1.ทุกคนต้องออกมาใช้เสียงทำประชามติ 2.เลือกตั้งส.ส.ที่ตัวเองต้องการ 3.เลือกรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล 4.ต้องเคารพกฎหมายกระบวนการยุติธรรม 5.ร่วมมือกับรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลในการพัฒนาปรับปรุงประเทศ และแก้ไขปัญหาเร่งด่วนทั้งหมดของประเทศชาติ ด้วยความเท่าเทียมเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยคนจน ไม่ใช่สร้างช่องว่างไปเรื่อยๆ สร้างความเข้าใจผิดไปตลอด คนรวย คนจน คนกลางๆ ต้องไปด้วยกันทั้งหมด” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ต้องการให้รัฐบาลเปิดโอกาสให้ฝ่ายการเมืองแสดงความเห็นในร่างรัฐธรรมนูญได้ นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ไม่อนุญาตก็ทำกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ยังทะเลาะกันขนาดนี้ ถ้าเปิดให้แล้วจะไปได้หรือไม่ ตนยังไม่พิจารณา

เมื่อถามว่านายกฯแฮปปี้กับเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ ที่ถูกนำเข้าพิจารณาในครม.หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็แฮปปี้ ที่เสร็จร่างหนึ่ง มันเกือบจะไม่ถึงร่างหนึ่งเพราะตีกันทุกเรื่อง ถามว่าใครตี ถามว่าประชาชนเดือดร้อนไหม สื่อเดือดร้อนไหม วันนี้สื่อมีสิทธิความเป็นสื่อน้อยลงหรือไม่ ที่น้อยอย่างเดียวคือสื่อต้องมานั่งฟังตนเสียงดังเท่านั้น อย่างอื่นสื่อทำได้หมด จะไปเขียนด่าตนก็ไม่สนใจ ก็เขียนไป ตรงนี้ทำไมไม่พูดให้ตนบ้าง กลายเป็นต่างชาติบอกประเทศไทยปิดกั้นสื่อ มันปิดที่ไหน ปิดตรงไหน หนังสือพิมพ์ฉบับไหนที่ตนห้าม มีไหม เวลาด่าตนโครมๆ ทำไมไม่มีใครช่วยเขาพูดถูกไปไหม ในสิ่งที่ตนทำ ทำไมไม่แก้ให้บ้าง ประชาธิปไตย สิทธิตนนั้นก็มี ทำไมสื่อไม่ปกป้องให้ตนบ้าง จะปกป้องให้คนชั่ว คนเลวอย่างเดียวหรือ

เมื่อถามว่าเรื่องทำประชามติดูเหมือนว่านายกฯต้องการให้คนออกมาใช้สิทธิเยอะๆ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เพราะตนอยากให้ประชามติผ่าน แต่ไม่ใช่ผ่านแบบรัฐธรรมนูญทั่วไป มันต้องมีบทเฉพาะกาลหรือเปล่า สิ่งที่ตนทำในวันนี้ต้องการให้เกิดขึ้นในวันหน้า แล้วจะไม่มีอะไรรับประกันให้เลยหรือ สิ่งที่ตนทำจะเสียเปล่าหรือเปล่า เข้าใจหรือยัง ตีกันแต่เรื่องที่มานายกฯ เรื่องการใช้อำนาจ ทุจริตคอรัปชั่น การตรวจสอบ นั่นหือที่ประเทศไทยกลัวตรงนั้น ไปบอกตัวเขาสิ สิ่งเหล่านั้นควรจะเกิดมานานแล้ว รัฐบาลทุกรัฐบาลต้องทำแบบนั้น เรากำลังร่างรธน.ให้คนเป็นแบบนั้น ต้องใช้อำนาจใช้กฎหมายก่อนในระยะแรก และจะมีช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่านกี่ปีก็ว่ามา

“ถ้าไม่ต้องการเปลี่ยนก็เตรียมตัวตายกันให้หมด ตายจากโลกใบนี้ ตายจากประเทศต่างๆ เขา ต่อไปเขาไม่คบประเทศไทยอยู่แล้วจะบอกให้ มัวแต่ขยายความขัดแย้งกันไปเถอะ” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่าอะไรจะเป็นอุบัติเหตุสำคัญที่ทำให้เลือกตั้งตามโรดแม็ปไม่ได้ นายกฯ ย้อนถามกลับว่า อุบัติเหตุจะเกิดจากอะไรบ้างพูดมา ถ้ามีความขัดแย้งการเลือกตั้งจะเกิดไหม หรือความขัดแย้งจะไม่เกิดร้อยเปอร์เซ็นต์รับรองได้ไหม และที่เกิดมาก่อนปี 2557 มาจากอะไร จากตนหรือ มีการตีกัน ยิงกันหน้าทำเนียบฯ เกิดจากอะไร ทั้งนี้ถ้าประชามติไม่ผ่านก็เลือกตั้งไม่ได้ ถ้ามีการเอาคนมาตีกันก็เลือกตั้งไม่ได้ แต่ตนมีแผนรับมือไว้แล้ว แต่คงไม่บอกให้อีกฝ่ายมารับมือกับตน ซึ่งตนได้เตรียมไว้เอง เป็นความรับผิดชอบของตน

เมื่อถามกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ระบุว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติอาจเจอกับรัฐธรรมนูญที่โหดกว่า นายกฯ กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ แต่อะไรคือที่เรียกว่าโหดไม่โหด และร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้โหดอย่างไร เรื่องนายกฯคนนอกนั้นพรรคการเมืองเป็นคนเลือกไม่ใช่หรือ ถ้าในพรรคเป็นไม่ได้มีความขัดแย้งต้องหาคนนอกมา ที่ไม่ใช่ตน จบหรือยังส่วนที่บอกว่าให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญมากไปถามว่าใครจะตัดสิน คราวก่อนศาลรัฐธรรมนูญทำหน้าที่หรือเปล่าก็ทำ ใครตัดสิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการตอบคำถามพล.อ.ประยุทธ์ เริ่มมีอารมณ์ฉุนเฉียว โดยใช้มือตีไปที่โพเดียมอย่างแรงสองครั้งจนทำให้แว่นสายตาที่ถอดวางไว้กระเด็นลงพื้น พร้อมกล่าวว่า “ผมไงเข้ามาให้ท่านนี่ไงเล่า แล้วท่านอยากให้ผมมาอีกหรืออย่างไร แล้วจะเอาใครถ้าไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญแล้วมีใครอีก ศาลเปาบุ้นจิ้นหรือไงศาลไคฟงล่ะสิ ไปหาวิธีการให้มันทำให้ได้”

เมื่อถามว่าคนสนับสนุนให้รัฐธรรมนูญเสร็จไว แต่ความขัดแย้งจะหยุดได้หรือเปล่า นายกฯ กล่าวว่า ใครเป็นคนขัดแย้งนอกจากนักการเมือง สื่อ แล้วมีใครอีก ความขัดแย้งที่เคยเกิดหยุดไม่ได้หรอก กฎหมายยังไม่ได้เลย ถ้าไม่หวังว่ารัฐธรรมนูญจะแก้ปัญหาได้ตนก็ไม่รู้ กฎหมายมีทุกกฎหมาย มาตรา44 กฎอัยการศึกก็มียังแก้ไม่ได้เลย ถ้าทุกคนไม่แก้ด้วยตัวเอง ไม่แก้ด้วยความรู้สติปัญญา จิตสำนึก บอกเลยไม่มีแก้ได้ ต่อให้ร้อยรัฐธรรมนูญก็แก้ไม่ได้ ไปคิดสิว่ารัฐธรรมนูญต้องเป็นอย่างไร จะเลือกตั้งใครมาเรื่องของท่าน คนให้เลือกดีพอหรือยัง มีเยอะหรือไม่ ยอมรับปัญหาเดิมว่าผิดตรงไหนหรือยัง แล้ววันหน้าคนพวกนี้กลับเข้ามาจะเหมือนเดิมหรือไม่ ไปหาคำตอบกันเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างนั้นพลตรีวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เข้ามาส่งสัญญาณว่ามีแขกต่างประเทศรอเข้าพอนายกฯ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวว่า บอกเขาให้รอก่อนประเทศชาติสำคัญกว่า

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวถึงกฎหมายรัฐธรรมนูญ ว่า เป็นการเขียนกรอบกว้างๆ วรรคหนึ่ง วรรคสอง แต่กฎหมายที่จะมีผลในทางบังคับใช้ เรื่องการปฏิบัติตัวเจ้าหน้าที่จะทำอย่างไร จะไปอยู่ในกฎหมายลูก ซึ่งตนไม่ได้บอกว่าความจำเป็นในกฎหมายลูกสิบฉบับจะต้องเขียนครบทีเดียว แต่ถ้าไม่ครบในตอนนี้จะต้องทำอย่างไร เพื่อให้กฎหมายลูกที่เหลือออกมาครบ ต้องเขียนไว้ทั้งหมด บางประเทศที่เขาไม่ใช้รัฐธรรมนูญ เพราะเขามีจิตใจดี อย่างอังกฤษ เราเป็นอย่างเขาหรือยัง แล้วเมื่อไหร่จะเป็น วันนี้พื้นฐานคนของเขากับเราแตกต่างกัน อะไรก็กฎหมายอะไรก็เลือกตั้งมีอยู่แค่นี้จะเป็นจะตาย มันจะอดตายรู้กันบ้างไหม ทั้งการลงทุนการค้าจะเอาอะไรจากตน ไปถามรัฐบาลหน้าแล้วกัน ตนทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น ปี 2560 จบแค่นั้น ไปรับผิดชอบกันเอาเอง

เมื่อถามว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าการทำประชามติน่าจะมีทางเลือกที่ชัดเจนว่าจะหยิบกฎหมายตัวไหนมาใช้ นายกฯ กล่าวว่า ตนให้โอกาสท่านคุยกันแล้ว ก็ว่าไปถ้าไม่ได้ก็เป็นหน้าที่ของตน ไม่เชื่อมั่นกันเหรอว่าที่ตนทำนั้นเพื่ออะไร

“ไม่ไว้ใจกันเลยหรือผมอยู่มาสองปีแล้ว ไม่เห็นผมทำอะไรบ้างหรือไง ไว้ใจคนอื่นหมดทุกคนแต่ไม่ไว้ใจผม” พล.อ.ประยุทธ์ ได้หยิบกระดาษข้อมูลร่อนทิ้งบนเดี้ยม ก่อนกล่าวว่า “ไร้ค่า” พร้อมยุติแถลงข่าว และเดินออกจากโพเดี้ยม และหันกลับมาบอกว่า “ผมนะที่ไร้ค่า”

ย้ำรักษาแผ่นดินไม่เอาไปให้ใคร

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกรณีที่กระทรวงมหาดไทยกับกระทรวงการคลัง เสนอให้แก้ไขกฎหมายพระราชบัญญัติการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชย์และอุตสาหกรรม พ.ศ. 2542 ให้ต่างชาติเช่าที่ดินในไทยได้ระยะยาวขึ้น โดยจะแก้กฎหมายให้ต่างชาติเช่าที่ดินได้ 99 ปี ว่า เป็นเฉพาะบางกิจกรรมได้หรือไม่ได้ยังไม่รู้ เพียงแต่เอารอบๆ บ้านมาดูว่าเขาทำอย่างไร ในสิ่งที่เขาพูดมา เขาหวังว่ารัฐบาลจะทำในที่ของรัฐ เช่น ในเรื่องของรถไฟ จะทำธุรกิจต่อให้งอกเงยได้หรือไม่ เพื่อให้ทดแทนกับสิ่งที่ขาดทุนอยู่ได้หรือไม่ เขาคิดในแง่นั้นก่อน ต่อไปต้องไปคิดต่อว่าในเขตเศรษฐกิจพิเศษจำเป็นหรือไม่ มีกิจการไหนที่จำเป็นที่จะสร้างแรงจูงใจ ไม่ใช่ใครจะซื้อตรงไหนก็ได้ ตนไม่ใช่คนแบบนั้น ตนรักษาแผ่นดินไว้ให้ท่าน ไม่เอาแผ่นดินนี้ไปให้ใครหรอก ถ้าจะทำแบบนั้นต้องอยู่ในกติกา อยู่ในกิจการที่เราต้องการ เป็นที่ที่เราควบคุมได้ และสามารถยกเลิกสัญญาเมื่อไหร่ก็ได้ ตนคิดไว้อย่างนั้นเป็นแนวคิดเฉยๆ เพราะเวลาตนไปฟังต่างประเทศ เขาก็สรุปของเขาแบบนี้ ตนก็ฟังเขามาแล้วมาหารือกันว่าจะทำอย่างไร ครั้งนี้บางที่ก็ฟังไม่เข้าใจ ฟังมาไม่ครบไปกันใหญ่โต กลับมาพูดไม่ตรงกันก็เอากันอีกแล้ว ตนก็ไม่รู้ว่าจะว่าอย่างไร ยังไม่เกิดอะไรทั้งนั้น มันจะต้องมีการทำกฎหมายอีก แล้วต้องดูว่าเขตไหนเป็นเขตอุตสาหกรรมและนอกเขตอุตสาหกรรม ไม่ใช่ว่าใครจะมาซื้อตรงหน้าทำเนียบรัฐบาลก็ให้เขา หรือจะซื้อโรงแรมก็ไม่ใช่ เอาพันกันหมดมันไปไม่ได้

‘บิ๊กป้อม’เผย’ครม.’ถกร่างรธน.เตรียมส่งข้อแก้ไขถึงกรธ.

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมครม. ถึงกรณีที่คสช.เชิญนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.พูดคุยที่กองทัพภาคที่1 หลังจากวิพากษ์วิจารณ์และประกาศคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ทางคสช.ยืนยันได้หรือไม่ว่าจะเปิดกว้างให้ทุกฝ่ายวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญได้ว่า วิจารณ์ได้ไม่เป็นไร จะไม่ชอบอะไรก็พูดไป ตนไม่ได้ห้ามใครและไม่ได้ว่าอะไรหากใครจะวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญนี้ แต่ควรทำให้เป็นสากล จะวิจารณ์อะไรก็ให้ใช้คำพูดที่ดี ให้ไพเราะไม่ใช่ใช้วาจาเสียดสีว่าเผด็จการ อย่ามายุ่งเกี่ยวกับการทำงานของคสช.หรือออกมาปลุกปั่นเพราะยังไม่ใช่เวลานี้

เมื่อถามว่าคนๆ เดียวจะรู้ได้อย่างไรว่าจะคว่ำหรือไม่คว่ำร่าง เพราะต้องทำประชามติทั้งประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากยังมีการเคลื่อนไหวอีก คสช.จะมีมาตรการใดเพิ่มเติมนอกจากการเชิญมาปรับทัศนคติ เพราะบางคนก็เชิญมาหลายครั้งแต่ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์ต่อเนื่อง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ถ้าพูดมากก็มาทุกวัน ผมก็ขอร้องแล้วขอให้ใช้วาจาดีๆ ”  เมื่อถามอีกว่า การเชิญนายจตุพรมาพูดคุยเหมือนเป็นการปราบบุคคลอื่นๆที่จะออกมาวิจารณ์ด้วยหรือไม่  พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สื่อคิดอย่างไร ถ้าจะคิดอย่างนั้นก็คิดไป ตนไม่ได้ปรามใครทำไม่ดีก็คือไม่ดี ขึ้นอยู่กับคำพูดของคนให้พูดให้ดี  เมื่อถามว่าเป็นไปหรือไม่หากจะเชิญให้แต่ละคนได้มานั่งคุยเพื่อแสดงความเห็นโดยใช้ถ้อยคำสุภาพ เพื่อเสนอต่อกรธ. พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทางกรธ.ต้องพิจารณาต่อไป และคสช.ก็ต้องดูแต่ถ้าคุยเฉพาะเรื่องรัฐธรมนูญคงไม่เป็นอะไร

เมื่อถามว่าการรณรงค์ให้คนออกมาลงประชามติสามารถทำได้หรือไม่  พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รณรงค์ได้และมีวิธีอธิบายให้ดี เพราะมีคนฟังอยู่ว่าอะไรควรหรือไม่ควร แต่ไปปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้งไม่ได้ และไม่คิดว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ทั้งนี้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดูเจตนาในการวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญว่าเป็นอย่างไรและขอให้คิดว่าระยะเวลานี้คือการช่วงเปลี่ยนผ่านซึ่งรัฐธรรมนูญต้องเขียนให้เป็นหลักสากล โดยการดำเนินการอาจมีบทเฉพาะกาล  เพื่อให้คสช.และคนที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปปฏิรูปตามยุทธศาสตร์ 20 ปี  ถ้าไม่มีจะไปกันใหญ่ เพื่อให้ประชาชนอยู่อย่างสงบในระยะ 4 ปีที่เปลี่ยนผ่าน เมื่อรากฐานมั่นคงต่อไปก็ไปว่ากันในขั้นต้นคงต้องดำเนินการในลักษณะนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าพรรคการเมืองสามารถแถลงจุดยืนต่อร่างรัฐธรรมนูญได้  พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า แถลงได้แต่พูดจาให้ดี และต้องให้กำลังใจกรธ.ที่เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองด้วย เพราะเจตนาให้บ้านเมืองสงบเดินหน้าไปได้ ไม่ใช่ไปรังแกใคร สิ่งที่เห็นชัดคือป้องกันการทุจริตของนักการเมือง อย่างอื่นตนมองว่าสามารถรับได้ อย่าไปติให้มากเพราะกรธ.พยายามเขียนให้ดีที่สุดแล้ว เมื่อถามว่าในที่ประชุมครม.ได้หารือเพื่อเสนอแนะความเห็นส่งให้กับกรธ.อย่างไรบ้าง  พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คงต้องคุยกัน 3 ชั่วโมง  ไม่ต้องห่วงเพราะมีการพูดคุยกันอยู่แล้วในแต่ละหมวด  ครม.ก็ไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมดและคงจะส่งข้อแก้ไขกลับไปให้กรธ.พิจารณา  แต่จำไม่ได้ว่าจะเสนอแก้ไขในประเทศใดบ้าง เพราะเรื่องในที่ประชุมครม.ถือว่าเป็นเรื่องลับพูดมากไม่ได้

ส่วนข้อสังเกตว่าระยะเวลาการจัดทำกฎหมายลูกที่เพิ่มขึ้นอาจส่งให้ต้องขยายเวลาโรดแม็พการเลือกตั้งของรัฐบาลออกไป พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีการปรับโรดแม็พ  รับรองว่าถึงอย่างไรก็ต้องเลือกตั้งในปี 2560 ตามที่กำหนดไว้ ส่วนจะช้าหรือเร็วเป็นเรื่องของกระบวนการทางกฎหมาย ยืนยันว่ามีการเลือกตั้งแน่นอน อย่างไรก็ตาม  ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องพิจารณาผ่อนปรนกฎระเบียบของคสช. ต้องขอเวลาให้รัฐบาลทำงานก่อนยังไม่ต้องเร่งรีบเมื่อถึงเวลาที่ใกล้จะเลือกตั้งค่อยมาว่ากัน

คสช.เร่งนำคำสั่งการนายกฯสู่การปฏิบัติ  

ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงผลการประชุมสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยมี พล.อ.ธีรชัย นาควานิช เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธาน โดยพล.อ.ธีรชัยได้กล่าวขอบคุณทุกส่วนของ คสช. ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในทุกด้าน ทำให้ภาพรวมของประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยในส่วนที่เป็นข้อสั่งการของ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในทุกช่องทางนั้น ให้ส่วนที่เกี่ยวข้องนำไปสู่การปฏิบัติโดยทันที เพื่อช่วยขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินและดูแลประชาชนให้ทันต่อสถานการณ์

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า เลขาธิการคสช. ยังได้มอบหมายให้ศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและดูแลประชาชน ได้เพิ่มการชี้แจงข้อมูลและสร้างการรับรู้กับประชาชนในพื้นที่ ในเรื่องหรือปัญหาที่ได้รับการดูแลและแก้ไขแล้ว เพื่อให้เกิดความร่วมมือและป้องกันมิให้เกิดปัญหาซ้ำ โดยในการประชุมในวันนี้ เลขาธิการคสช.ยังได้ย้ำให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ดำรงความต่อเนื่องในงานจัดระเบียบสังคมในทุกด้าน ทั้งรถบริการสาธารณะ ชายหาด แหล่งท่องเที่ยว บ่อนการพนัน ผู้มีอิทธิพล ยาเสพติด การแข่งรถในที่สาธารณะ โดยยึดหลักการทำงานร่วมกันของพลเรือน ตำรวจ ทหาร ดำเนินการในทุกมาตรการ เพื่อป้องกันและป้องปราม รวมถึงขจัดปัญหาดังกล่าวในทุกพื้นที่ให้มีความยั่งยืน ที่สำคัญเพื่อให้สุจริตชนได้รับการดูแลให้สามารถดำเนินชีวิตและประกอบสัมมาชีพได้ตามปกติ ไม่ถูกลิดรอน หรือถูกรบกวนจากผู้ที่ไม่เคารพกฎกติกาของสังคม โดยเฉพาะปัญหาการแข่งรถจักรยานยนต์ในทาง ให้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ดำเนินการด้วยมาตรการที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องปราม ทั้งผู้ที่แข่งและร้านตกแต่งรถจักรยานยนต์ มิให้มีการจัดการแข่งรถในถนนสาธารณะในทุกพื้นที่ ซึ่งสอดคล้องกับข้อห่วงใยของนายกรัฐมนตรีในเรื่องดังกล่าว

ส่วนการพบปะประชาชนนั้นให้ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ร่วมกับส่วนราชการในท้องที่เพิ่มการลงพื้นที่เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนยิ่งขึ้น เนื่องจากข้อมูลข่าวสาร การขับเคลื่อนประเทศ ผลการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล รวมทั้งการวางกรอบกติกาของสังคมในเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ มีเนื้อหาสาระเพิ่มขึ้น มีความคืบหน้าอยู่ตลอด รวมทั้งมีหลายเรื่องที่เป็นเรื่องที่ประชาชนได้รับประโยชน์โดยตรง จึงต้องมีการให้ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นพื้นฐานให้ประชาชนได้เข้าใจในความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของประเทศ อย่างไรก็ตามเป็นที่น่ายินดีว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น โดยจากข้อมูลจากการจัดลำดับประเทศดีที่สุดของยูเอสนิวส์แอนด์เวิร์ดรีพอร์ต, บีเอวีคอนซัลติ้ง และมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา ได้จัดลำดับให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่ดีที่สุด (Best Countries) อันดับที่ ๒๑ ของโลกจาก ๖๐ ประเทศ และเป็นอันดับที่ ๕ ของเอเชีย ซึ่งสังคมไทยควรภาคภูมิใจ และร่วมกันสานต่อให้สิ่งที่ดีเหล่านี้คงอยู่อย่างต่อเนื่อง

Leave a comment