‘อนุสรณ์’จี้จัดเลือกตั้งปลดล็อกประเทศ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160205/221864.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559
'อนุสรณ์'จี้จัดเลือกตั้งปลดล็อกประเทศ

‘อนุสรณ์’จี้จัดเลือกตั้งปลดล็อกประเทศ ยก’เวิลด์แบงค์’อ้างนักลงทุนกลัวปฏิวัติ ‘ชวลิต’แนะ กรธ.ฟังความเห็นจังหวัด

           5ก.พ.2559 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ธนาคารโลก ออกมาระบุว่าความไม่มีเสถียรภาพของรัฐบาล คือ สิ่งที่นักลงทุนกลัว โดยเฉพาะเรื่องการปฏิวัติ เป็นสิ่งที่นักลงทุนกลัวมาก ซึ่งจะเชื่อมโยงกับการขาดเสถียรภาพทางด้านนโยบายการลงทุน ว่า ถือเป็นข้อสังเกตที่ย้ำชัดอีกครั้ง การที่ประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน การพัฒนาประเทศอย่างมากจริงๆ การที่ธนาคารโลกชี้ว่า พม่ามีการเลือกตั้ง นักลงทุนจึงสนใจเข้าลงทุนมากกว่าไทย ทุกฝ่ายต้องกลับไปทบทวน คำว่าประชาธิปไตยแบบไทยๆ ไม่มีอยู่จริง สังคมโลกไม่รับรู้ด้วย เพราะแท้จริงแล้ว อาจเป็นเพียงข้ออ้างที่เอาไว้เคลือบความน่ากลัวของการปฏิวัติรัฐประหารเท่านั้น

“การลงทุนจากต่างประเทศที่ลดลงไป 78% แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่หายไปอย่างมาก แม้แต่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่ของไทยก็ลดการลงทุนไปถึง 81% ก่อนหน้านี้ธนาคารโลกได้คาดการณ์การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2559 โดยชี้ว่า ไทยจะมีอัตราการเจริญเติบโตของจีดีพีต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยอยู่ที่ร้อยละ 2 เท่านั้น ต่ำกว่าปี 2558 ถึงร้อยละ 20” นายอนุสรณ์ กล่าวและว่า

ดังนั้น ประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง จะเป็นคำตอบในการปลดล็อกภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจ คำถามที่ว่า ถ้าไม่มีเลือกตั้งจะตายหรือไง คำตอบได้ทยอยส่งผลแล้ว อย่าไปคิดแทนประชาชนว่า ถ้ามีเลือกตั้งใครจะชนะ ใครจะได้ประโยชน์ เพราะวันนี้ไม่มีใครรู้ พรรคไหนจะชนะ ประชาชนจะเลือกใคร แต่อย่างน้อย ประชาชนก็ได้เลือกรัฐบาลด้วยมือของตัวเอง ได้กำหนดอนาคตทิศทางประเทศด้วยตัวเอง สังคมโลกจะได้ปลดล็อก ประเทศจะได้เดินหน้า การเลือกตั้งยิ่งเกิดได้เร็วประเทศยิ่งได้ประโยชน์ หรือหากได้ไปแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว กรณีประชาชนคว่ำร่างรัฐธรรมนูญในชั้นประชามติ จะหยิบเอารัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 หรือ 2550 มาปรับแก้ เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งในปี 2559 จะทำให้บรรยากาศการค้าการลงทุนกลับมาเป็นบวกได้

‘ชวลิต’แนะ กรธ.ฟังความเห็นจังหวัด 
           นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เห็นข่าว 2 ข่าวที่ปรากฏตามสื่อทุกฉบับ สะท้อนเศรษฐกิจปากท้องประชาชนกำลังย่ำแย่ คือ 1.กองสลากจำหน่ายสลากกินแบ่ง จำนวน 120 ล้านฉบับ หมดในเวลา 48 นาที สะท้อนว่าคนจน โดยเฉพาะผู้หาเช้ากินค่ำ เกษตรกรที่ขายผลผลิตไม่ได้ราคา ไม่รู้จะหาเงินมาประทังชีวิตอย่างไร นอกจากเสี่ยงซื้อหวย ถามว่าคนรวยซื้อล็อตเตอรี่ไหม 2.มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยระบุดัชนีผู้บริโภคต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ก่อนหน้านั้น ก็มีข้อมูลด้านการส่งออกทรุดหนัก จนตนได้ขอให้ฝ่ายเศรษฐกิจของพรรคพื่อไทยช่วยสำรวจข้อมูลว่า นับแต่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง Wealth หรือสินทรัพย์หรือความมั่งคั่งของประเทศ ลดลงหรือหายไปเท่าใด ถามว่า ที่เศรษฐกิจบ้านเมืองเป็นอย่างนี้ เพราะภาวะผันผวนของเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจจีนถดถอย น้ำมันราคาตกต่ำ เท่านั้น หรือถ้าอย่างนั้น ทำไมประเทศไทยถึงมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน10 ชาติ เพราะประเทศเหล่านั้นก็ได้รับผลกระทบดังกล่าวเหมือนกัน เราแพ้แม้กระทั่ง ลาว พม่า กัมพูชา ทั้งๆ ที่โครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจและด้านอื่นๆ เราดีกว่าเขามาก
           นายชวลิต กล่าวว่า ตนจึงขอให้ กรธ.ได้ใคร่ครวญข้อท้วงติง ข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์ ซึ่งตนจะไม่ลงรายละเอียดอีก ผู้ที่ให้ข้อเสนอแนะ เขาก็รักชาติเหมือนกัน อย่าผูกขาดความรักชาติทราบว่า หลายๆ ภาคส่วนจะส่งข้อท้วงติง ข้อเสนอแนะภายใน 15 ก.พ.59 ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็จะส่งภายในกำหนดดังกล่าวเช่นกัน แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้นก็คือ ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ประชาชนที่กำลังย่ำแย่สุดๆ จะทำอย่างไร บรรดาข้าราชการ หรือผู้ที่มีเงินเดือนกิน อาจจะไม่รู้สึกเดือดร้อนมาก แต่คนหาเช้ากินค่ำ เกษตรกร เงินจะให้ลูกไปเรียนหนังสือยังไม่มี อย่าลืม ถ้าฐานปิรามิดข้างล่างล้ม ส่วนกลาง และส่วนยอด ก็จะล้มตามมา ตนขอเสนอความเห็นว่า ควรผ่อนคลายบรรยากาศว่า บ้านเมืองของเรากำลังจะไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย อะไรที่จะทำให้สังคมเห็นว่าบ้านเมืองกำลังจะเดินไปสู่ประชาธิปไตย ก็ควรผ่อนคลาย นอกเหนือจากการปรับปรุงร่าง รธน.ดังกล่าว เพื่อให้นักลงทุนและชาวโลกเกิดความเชื่อมั่น ซึ่งจะเป็นผลในแง่จิตวิทยา
           “ การที่ผมเคยรับราชการมาก่อน และมาเป็นนักการเมือง เคยทำงานใน กมธ.ต่างๆ มาก็หลายคณะ การที่ กรธ.ตั้งข้าราชการจากคณะกรรมการกฤษฎีกาทั้งอดีตและปัจจุบันเป็น กรธ.นั้น ประโยชน์สำคัญยิ่ง คือ การทำกฎหมายลูก ควบคู่กันไป จะปรับย่นระยะเวลาให้เร็วเข้าอย่างไรก็ได้ ไม่พ้นความสามารถของข้าราชการจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งควรทำอย่างยิ่ง เพื่อผลในแง่จิตวิทยาดังกล่าวข้างต้น ที่สำคัญ เพื่อไม่ให้ปัญหาเศรษฐกิจจมลึกไปมากกว่านี้ ถ้ามีความตั้งใจแก้ปัญหาชาติก็ทำได้ นอกจากทำเพื่อตนเองและพวกพ้อง ก็เป็นเรื่องน่าเศร้าครับ” นายชวลิต กล่าว

Leave a comment